พบผลลัพธ์ทั้งหมด 25 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3926/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยขณะฟ้องคดีมีผลต่ออำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน
ขณะกระทำผิดจำเลยอายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ แต่ขณะที่โจทก์ฟ้องคดีจำเลยอายุ 18 ปีเศษแล้ว จึงมิใช่เยาวชนตามความหมายของพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 มาตรา 4ใช้บังคับในขณะฟ้อง คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลคดีเด็กและเยาวชนตามมาตรา 8(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยกับการลดโทษตามมาตรา 76 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณา แม้ไม่ยกขึ้นในศาลชั้นต้น
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปีแต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ได้ แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4077/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยขณะกระทำผิดและขณะฟ้องคดีมีผลต่ออำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชน รวมถึงการได้รับอนุญาตฟ้อง
เยาวชนอายุ 14 ปีเศษ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288และถูกฟ้องเมื่ออายุ 17 ปีเศษ ดังนี้ คดีอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 163 ข้อ 1 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯมาตรา 8(1) ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กฯ มาตรา 24 จัตวานั้น ห้ามพนักงานอัยการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 24 ทวิ ต่อศาลทุกศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3760/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: อายุจำเลยและการพิจารณาคดีในศาลเด็กและเยาวชน
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่ามีอายุเพียง 16 ปีเศษ จึงควรได้รับโทษสถานเบา และคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษานั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยมีอายุ 19 ปี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว เมื่อฎีกาของจำเลยต้องห้ามดังกล่าวแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่ามีอายุเพียง 16 ปีเศษ จึงควรได้รับโทษสถานเบา และคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษานั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนว่าจำเลยมีอายุ 19 ปี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว เมื่อฎีกาของจำเลยต้องห้ามดังกล่าวแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3760/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: โต้เถียงอายุจำเลยที่เป็นข้อเท็จจริงในสำนวน ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือนและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา218 ที่จำเลยฎีกาว่ามีอายุเพียง 16 ปีเศษจึงควรได้รับโทษสถานเบา และคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางศาลชั้นต้น ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษานั้น เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ปรากฏใน สำนวนว่าจำเลยมีอายุ19ปี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวเมื่อฎีกาของจำเลยต้องห้ามดังกล่าวแล้ว ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงไม่เกิดขึ้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: อายุจำเลยเป็นเหตุให้ต้องพิจารณาตามศาลคดีเด็กและเยาวชน แต่การพิจารณาพิพากษาเดิมยังใช้ได้ตามมาตรา 12
วันยื่นฟ้อง ศาลจังหวัดนครราชสีมาสอบถามแล้วจดอายุจำเลยว่าจำเลยอายุ 18 ปี ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลจังหวัดนครราชสีมาจะพิจารณาพิพากษา และศาลจังหวัดนครราชสีมาได้ทำการพิจารณาพิพากษาคดีไปแล้วต่อมาจำเลยอุทธรณ์อ้างว่าวันยื่นฟ้องจำเลยอายุ 17 ปี 7 เดือน 8 วัน โดยแนบสำเนาทะเบียนบ้านมาพร้อมอุทธรณ์คดีอยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กและเยาวชนจังหวัดนครราชสีมาดังนี้ กรณีต้องด้วยมาตรา12 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ซึ่งมีความว่าการพิจารณาพิพากษาของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา และศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนนั้นให้เป็นอันใช้ได้แม้ความจริงจะปรากฏในภายหลังว่าข้อเท็จจริงใน เรื่องอายุหรือการบรรลุนิติภาวะด้วยการสมรสของบุคคลที่เกี่ยวข้องจะผิดไป ซึ่งถ้าปรากฏเสียแต่ต้นจะเป็นเหตุให้ศาลนั้น ๆ ไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาก็ตาม'ดังนี้การพิจารณาพิพากษาของศาลจังหวัดนครราชสีมามีผลใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ต้องคำนึงถึงอายุจำเลยก่อนวางโทษ และความร่วมมือในการให้การ
การลดมาตราส่วนโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 โดยวางโทษก่อนแล้วลดมาตราส่วนเป็นการไม่ถูกต้อง ศาลลดมาตราส่วนโดยคำนวณจากอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ แล้วจึงวางโทษแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยเป็นข้อเท็จจริงสำคัญ ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารยืนยันอายุเพื่อแก้ไขคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นจดคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้ และจดอายุของจำเลย 19 ปี แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยอายุ 15 ปีเศษ ขอให้ลดมาตราส่วนโทษให้ด้วย ศาลอุทธรณ์รับฟังสำเนาภาพถ่ายเอกสารสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยเสนอมาพร้อมอุทธรณ์ เชื่อว่าจำเลยมีอายุ 15 ปีเศษ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายไว้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเรื่องทนาย แล้วทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยสำคัญต่อการพิจารณาโทษคดีป่าไม้ ศาลอุทธรณ์รับฟังเอกสารยืนยันอายุได้ แม้ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นศาล
ศาลชั้นต้นจดคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้ และจดอายุของจำเลย 19 ปี แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยอายุ 15 ปีเศษ ขอให้ลดมาตราส่วนโทษให้ด้วย ศาลอุทธรณ์รับฟังสำเนาภาพถ่ายเอกสารสูติบัตรและสำเนาทะเบียนบ้านที่จำเลยเสนอมาพร้อมอุทธรณ์ เชื่อว่าจำเลยมีอายุ 15 ปีเศษ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายไว้ ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเรื่องทนายแล้วทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: ศาลฎีกาแก้โทษ ลดมาตราส่วนโทษ และพิจารณาอายุของจำเลย
คดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชน แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ทั้งบทและกำหนดโทษที่ศาลชั้นต้นวางมา เป็นการแก้มากแต่การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กนั้น ถือไม่ได้ว่าพิพากษาลงโทษจำเลยโดยจำคุกเกิน 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามฆ่า โดยการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ก่อนที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกผู้เสียหายมีสาเหตุกันด้วยเรื่องผู้เสียหายขับรถเฉียดรถจำเลยแล้วมีการตะโกนท้าทายกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายมิได้หยุดรถ ต่อมาจำเลยกลับไปบ้านเอาปืนมายืนตรงที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มา จำเลยก็ยิงเอาโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดยืนยันว่าจำเลยมารออยู่เพื่อจะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าโดยการ ไตร่ตรองไว้ก่อน
การกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาเป็นการพยายามฆ่า โดยการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ก่อนที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยกับพวกผู้เสียหายมีสาเหตุกันด้วยเรื่องผู้เสียหายขับรถเฉียดรถจำเลยแล้วมีการตะโกนท้าทายกันเล็กน้อย ทั้งสองฝ่ายมิได้หยุดรถ ต่อมาจำเลยกลับไปบ้านเอาปืนมายืนตรงที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มา จำเลยก็ยิงเอาโดยไม่มีข้อเท็จจริงใดยืนยันว่าจำเลยมารออยู่เพื่อจะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าโดยการ ไตร่ตรองไว้ก่อน