คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาวุธมีด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3443/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้อาวุธมีดแทงอวัยวะสำคัญจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวประมาณ 5 นิ้ว แทงที่หน้าท้องผู้ตายอันเป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายได้รับบาดแผลกว้าง 2 เซนติเมตรตรงลำตัวด้านซ้ายต่ำกว่าสะดือเล็กน้อยลึกลงไปมากในช่องท้องเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากเลือดตกในช่องท้องมากแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3374/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตายที่อยู่ในอาการเมาและไม่มีอาวุธ
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับเพื่อคนหนึ่งได้พากันดื่มสุราจนเมาจากนั้นได้ไปเล่นไฮโลซึ่งจำเลยเป็นเจ้ามือ ผู้ตายยักเงินผู้อื่นจึงเกิดทะเลาะกับจำเลย ผู้ตายชกจำเลยก่อนหนึ่งถูกที่หัวไหล่เมื่อมีผู้เข้ารัดคอผู้ตายไว้จำเลยก็เดินหนีไป แต่พอผู้ตายดิ้นหลุดได้วิ่งเข้าไปหาจำเลยเพื่อจะทำร้าย จำเลยจึงใช้มีดซึ่งยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ 1 ฟุต แทงผู้ตายหนึ่งทีแล้วหนีไป ผู้ตายถึงแก่ความตายการที่ผู้ตายอยู่ในลักษณะเมาสุรามากประกอบกับทั้งไม่มีอาวุธแทบจะช่วยตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ตามไปทำร้ายจำเลยก็เพียงทำไปตามประสาคนเมา มิใช่ภัยร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงจำเลยใช้เท้าเตะหรือใช้มือผลักผู้ตายก็สู้จำเลยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จำเลยใช้มีดยาว 1 ฟุต แทงอวัยวะที่สำคัญย่อมถือว่าเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6106/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันอันตรายจากอาวุธมีด
แม้จำเลยจะเป็นฝ่ายก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนตบหน้า ร.ในบริเวณงาน แต่ก็เลิกกันไปแล้ว จำเลยเดินกลับบ้าน ผู้เสียหายเดินตามไปทันบนสะพานซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณงาน 500 เมตรถือได้ว่าเหตุการณ์ขาดตอนไปแล้ว ทั้งผู้เสียหายไม่ใช่ผู้ที่ถูกจำเลยทำร้าย ผู้เสียหายจะทำร้ายจำเลยจำเลยมีสิทธิป้องกันได้
ผู้เสียหายวิ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัวจำเลยโดยถืออาวุธมีดปลายแหลมทั้งตัวมีดและด้ามยาวประมาณ 1 ฟุต เพื่อทำร้ายจำเลย เป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แม้จำเลยจะใช้อาวุธปืนยิงไป 4 นัด ก็เป็นการกระทำเพื่อยับยั้งผู้เสียหายที่มีอาวุธร้ายแรงอยู่ในมือ จึงเป็นการกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4697/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากระยะห่างและลักษณะการทำร้ายด้วยอาวุธมีด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 สำหรับความผิดตาม ป.อ.มาตรา 288, 80 โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในความผิดดังกล่าวตาม ป.วิ.อ.มาตรา 220
จำเลยที่ 1 พาจำเลยที่ 2 กับพวกอีก 4 คน มาที่ร้านผู้เสียหาย แล้วรุมชกต่อยผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 2 ชักอาวุธมีดปลายแหลมยาว 1 คืบเศษออกมาจะแทงผู้เสียหาย แต่จำเลยที่ 2 ก็ยังอยู่ห่างจากผู้เสียหายถึง 2 เมตร การกระทำดังกล่าวเพียงแต่แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ไม่อาจชี้ให้เห็นได้ว่ามีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงและการติดตามทำร้ายต่อเนื่อง แม้ไม่สำเร็จ ถือเป็นความพยายามฆ่า
จำเลยแทงผู้เสียหายเนื่องจากจำเลยโกรธผู้เสียหายที่ไม่ยอมรับผิดชอบต่อ จำเลยและไม่ยอมเจรจากับจำเลยโดยดี ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว กรณีที่เกิดแทงกันขึ้นจึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการบันดาลโทสะ
การที่จำเลยใช้ อาวุธมีดปลายแหลม ซึ่ง มีความยาวส่วนใบมีด๕ นิ้วครึ่ง ความกว้างตรง ส่วนกลางของใบมีด ๑ นิ้วแทงถูก ผู้เสียหายที่ท้องลึก ๒ เซนติเมตร ซึ่ง ความลึกส่วนนี้แม้ไม่ถึงอวัยวะภายในที่จะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ ก็ตาม แต่ เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยไปล้มนอนหงาย จำเลยได้ ติดตาม ไปนั่งคร่อมผู้เสียหายแล้วเงื้อมีดจะแทงผู้เสียหายอีก แต่ ผู้เสียหายจับมือของจำเลยไว้ทันแล้วแย่งมีดกัน โดย มีบุคคลอื่นได้ มาช่วย แย่งมีดด้วยซึ่ง หากผู้เสียหายจับมือของจำเลยไม่ได้ จำเลยจะต้อง แทงผู้เสียหายที่บริเวณอก และอาจทะลุถึง อวัยวะภายในซึ่ง เป็นอวัยวะที่สำคัญและอาจเป็นผลให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย การที่ผู้เสียหายและบุคคลอื่นมาช่วย แย่งเอามีดไปจากจำเลยได้ ทันทำให้การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลดัง เจตนาของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่เป็นการพยายามฆ่า
จำเลยแทงผู้เสียหายเพราะโกรธที่ผู้เสียหายร่วมประเวณีกับจำเลยแล้วไม่ยอมรับผิดชอบต่อจำเลยและไม่ยอมเจรจากับจำเลยโดยดี มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการบันดาลโทสะ
จำเลยใช้มีดปลายแหลมซึ่งมีความยาวส่วนใบมีด 5 นิ้วครึ่งความกว้างตรงส่วนกลางของใบมีด 1 นิ้ว แทงถูกผู้เสียหายถูกที่ท้องลึก 2 เซนติเมตร ผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยไปล้มนอนหงาย จำเลยติดตามไปนั่งคร่อมผู้เสียหายแล้วเงื้อมีดจะแทงผู้เสียหายอีก แต่ผู้เสียหายจับมือของจำเลยไว้ได้ทันพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด แม้ไม่สำเร็จผลก็เป็นความผิดพยายามฆ่า
จำเลยแทงผู้เสียหายเนื่องจากจำเลยโกรธผู้เสียหายที่ไม่ยอมรับผิดชอบต่อ จำเลยและไม่ยอมเจรจากับจำเลยโดยดี ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว กรณีที่เกิดแทงกันขึ้นจึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการบันดาลโทสะ การที่จำเลยใช้ อาวุธมีดปลายแหลม ซึ่ง มีความยาวส่วนใบมีด5 นิ้วครึ่ง ความกว้างตรง ส่วนกลางของใบมีด 1 นิ้วแทงถูก ผู้เสียหายที่ท้องลึก 2 เซนติเมตร ซึ่ง ความลึกส่วนนี้แม้ไม่ถึงอวัยวะภายในที่จะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ ก็ตาม แต่ เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยไปล้มนอนหงาย จำเลยได้ ติดตาม ไปนั่งคร่อมผู้เสียหายแล้วเงื้อมีดจะแทงผู้เสียหายอีก แต่ ผู้เสียหายจับมือของจำเลยไว้ทันแล้วแย่งมีดกัน โดย มีบุคคลอื่นได้ มาช่วย แย่งมีดด้วยซึ่ง หากผู้เสียหายจับมือของจำเลยไม่ได้ จำเลยจะต้อง แทงผู้เสียหายที่บริเวณอก และอาจทะลุถึง อวัยวะภายในซึ่ง เป็นอวัยวะที่สำคัญและอาจเป็นผลให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย การที่ผู้เสียหายและบุคคลอื่นมาช่วย แย่งเอามีดไปจากจำเลยได้ ทันทำให้การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลดัง เจตนาของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการไล่แทงซ้ำๆ ด้วยอาวุธมีดอันตราย แม้ไม่สำเร็จก็เป็นความพยายามฆ่า
จำเลยมีปากเสียงกับผู้เสียหาย แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตัวมีดยาว 6 นิ้ว วิ่งไล่แทงผู้เสียหายเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตรเมื่อทันกันและผู้เสียหายล้ม จำเลยจ้วงแทงผู้เสียหายโดยแรง ด้วยมีดที่หน้าอก 2-3 ครั้งแต่ไม่ถูกเนื่องจากผู้เสียหายใช้กระดาน ไม้อัดปิดป้องและดันจำเลยออกไป การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวถึง 6 นิ้ว เลือกแทงหน้าอกผู้เสียหายและแทงอย่างซ้ำซ้อนเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยแทงไม่ถูกเพราะผู้เสียหายปิดป้องได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดจนเป็นอันตรายสาหัส พิจารณาจากระยะเวลาเจ็บป่วยและความสามารถในการประกอบอาชีพ
ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่หน้าอกซ้าย หากปลายมีดเข้าไปถึงหัวใจหรือหลอดลมใหญ่และไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ก็อาจถึงแก่ความตายได้ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 8 วัน แล้วกลับมารักษาตัวที่บ้านอีก 1 เดือนแผลภายนอกหาย แต่ภายในยังเจ็บและเสียวอยู่ ผู้เสียหายต้องเลิกอาชีพรับจ้างไปทำงานอย่างอื่น เพราะไม่สามารถทำงานหนักต่อไปได้ ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เสียหายต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันภัยอันตรายใกล้ถึงจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด
ต. กับพวกเข้าชกต่อยทำร้ายจำเลยกับเพื่อนแล้ววิ่งหนีไปจำเลยกับเพื่อนวิ่งไล่ตามโดยจำเลยถือปืนไปด้วยแต่เมื่อไล่ไม่ทันจำเลยก็วิ่งกลับนำเพื่อนขึ้นนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้านแสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาททำร้ายกับต. และพวกต่อไปแล้วเมื่อต. ไปตามผู้เสียหายกับพวก7-8คนซึ่งมีมีดเป็นอาวุธติดตัวทุกคนวิ่งกรูกันกลับมายังจำเลยซึ่งกำลังอยู่บนรถสองแถวจำเลยพูดห้ามไม่ให้เข้ามาแต่ผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียงกลับถือมีดเข้ามาจะทำร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหายกับพวกในขณะที่จำเลยอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ10เมตรและอยู่ห่างต. ประมาณ5เมตรเท่านั้นหากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าและฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน.
of 7