คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์โดยตรง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6227/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ การไม่ส่งสำเนาคำร้องให้คู่ความคัดค้านทำให้การอุทธรณ์ไม่ชอบ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายพร้อมคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และมีคำสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์และส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่โจทก์แต่เจ้าหน้าที่ศาลได้จ่ายหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งให้แก่โจทก์ทางไปรษณีย์โดยไม่ปรากฏว่าได้มีการส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่โจทก์ เชื่อว่าโจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา การที่ศาลชั้นต้นให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา ถือว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาโดยที่ยังไม่ได้ส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่โจทก์เพื่อให้โจทก์มีโอกาสคัดค้านคำร้องก่อน ย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ ไม่มีผลทำให้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวโดยชอบได้ และถือได้ว่าเป็นกรณีไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการยื่นหรือการส่งคำคู่ความหรือเอกสารอื่นๆ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8598/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาต้องเป็นประเด็นข้อกฎหมาย การโต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา แม้ศาลชั้นต้นมิได้สั่งอนุญาต แต่การที่จำเลยทั้งห้าได้รับสำเนาคำร้องแล้วไม่คัดค้านและศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา พอแปลได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง แล้ว
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและไม่เชื่อถือพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ เป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นข้อเท็จจริง จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตามหนังสือมอบอำนาจมีกรรมการกองทุนหมู่บ้านจำนวน 7 คน ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้ ท. และ ส. ฟ้องคดีนี้ซึ่งถือว่าเกินกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านทั้งหมดและเป็นเสียงข้างมาก การวินิจฉัยชี้ขาดให้ฟ้องคดีถือว่าชอบด้วยระเบียบคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และระเบียบข้อบังคับของกองทุนหมู่บ้านโจทก์ เพราะระเบียบดังกล่าวไม่ได้กำหนดว่าคณะกรรมการหมู่บ้านต้องมอบอำนาจให้ครบทั้ง 9 คน ซึ่งจำเลยทั้งห้าก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น ส่วนคำเบิกความของ ท. และ ส. ที่ว่าได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านจำนวน 9 คน ก็ไม่ขัดแย้งกับคำฟ้องของโจทก์เพราะเป็นการเบิกความรวมถึงตัว ท. และ ส. ผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นกรรมการด้วย เมื่อ ท. และ ส. เบิกความยืนยันว่าได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านชุดใหม่ของโจทก์ให้ฟ้องคดีนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งห้านั้น เป็นการอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาฟังได้แล้วว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ถือเป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายและอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาโดยตรงนั้นจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5686/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาในคดีสัญญาแชร์ และการวินิจฉัยข้อตกลงการชดใช้เงินแทนสมาชิก
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา แต่อุทธรณ์ของจำเลยมีปัญหาต้องวินิจฉัยก่อนว่า สัญญาแชร์ระหว่างโจทก์ทั้งห้ากับจำเลยมีข้อตกลงตามที่จำเลยกล่างอ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ
of 2