พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการกล่าวอ้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศต่อหน้าสาธารณชน
ลงวันเสาร์แรม 13 ค่ำ เดือน 3 ปีฉลู จ.ส. 1215, ข้อความที่จำเลยกล่าวว่า "พระเซ็งจับข้อมือนางเง็กกอดขึ้นนั่งบนตัก" ต่อหน้าที่ประชุมพระสงค์และครีหัสถือได้ว่าเปนการกล่าวอ้างอันอาดแลเห็นผลแห่งการกล่าวนั้นได้ว่าอาดทำไห้โจท+ชื่อเสียงและทำไห้คนทั้งหลายดูหมิ่นเกลียดชังโจทเปนการกะทำโดยเจรนาไนความผิดถานหมิ่นประมาทแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อปกป้องน้องสาวจากการข่มขืนและได้รับการยกเว้นโทษตามมาตรา 50
ใช้เคียวที่ถือไปดายหญ้าฟันผู้ซึ่งกำลังขึ้นคร่อมจะข่มขืนน้องสาว มีบาดเจ็บถึงสาหัสบางแห่ง ก็เป็นเหตุควรได้รับความยกเว้นโทษตามกฏหมายอาญามาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 784/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกียรติยศเกินเหตุ: การทำร้ายร่างกายขณะหลับ
จำเลยฟันผู้ตายกับภรรยาซึ่งกำลังนอนตะแคงเข้าหากันแลกอดกันหลับอยู่บนเรือนของผู้อื่นถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการป้องกันชื่อเสียงและเกียรติยศเกินกว่าเหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของนิติบุคคล, หีบพระราชทานเพื่อประดับเกียรติยศต้องส่งคืน, เอกสารรับรองผูกพันผู้จัดการมฤดก
กรมคลังเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายย่อมมีอำาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีที่อยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของกรมได้ข้าราชการได้รับพระราชทาน++มาทองคำสำหรับประดับเกียรติยศและต้องส่งคืนเมื่อถึงแก่กรรม หีบหมากถูกเพลิงไหม้สูญไป แต่ข้าราชการผู้นั้นทำหนังสือรับรองจะจัดทำส่งใช้คืนให้ดังนี้ เอกสารฉะบับนั้น +++ผูกพันข้าราชการผู้นั้นรวมตลอดถึงผู้จัดการมฤดกของเขาด้วย
ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม. 255+++ทุนทรัพย์ที่พิพาท+++เพียง 515 บาท++ศาลอุทธรณ์พิพากษา+++ศาลขั้นต้น คู่ความ++ในข้อเท็จจริงไม่ได้
ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม. 255+++ทุนทรัพย์ที่พิพาท+++เพียง 515 บาท++ศาลอุทธรณ์พิพากษา+++ศาลขั้นต้น คู่ความ++ในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าภรรยาและชายชู้ในขณะร่วมประเวณี ศาลยกเว้นโทษฐานป้องกันเกียรติยศ
ชายพบภริยาของตนกำลังร่วมประเวณีทำชู้กับชายอื่นจึงฆ่าภริยาและชายชู้ตายทั้งสองคนนั้นทันทีเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง พอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกียรติยศเกินสมควร: การทำร้ายผู้ที่มาประเวณีกับภรรยา
ผู้ตายไปหาภรรยาจำเลยเพื่อทำชู้กันจำเลยพบผู้ตายบนชานเรือนจึงเข้าทำร้ายผู้ตายวิ่งหนี จำเลยไล่แทงผู้ตายจนถึงตายดั่งนี้เรียกว่าเป็นการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงเกินสมควรกว่าเหตุ
การที่ภรรยาทำชู้ด้วยชายอื่นกฎหมายถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของสามีข้างฎีกาที่ 378/2479
การที่ภรรยาทำชู้ด้วยชายอื่นกฎหมายถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของสามีข้างฎีกาที่ 378/2479
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419-420/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกียรติยศและป้องกันตัวในเหตุชุลมุน การกระทำไม่เป็นความผิด
ฆ่าผู้กำลังทำชู้กับเมียตายไม่มีโทษ
อย่างไรเรียกว่าทำโดยฟ้องกันเกียรติยศชื่อเสียง แลป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
อย่างไรเรียกว่าทำโดยฟ้องกันเกียรติยศชื่อเสียง แลป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3583/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ ไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้เป็นการกระทำเพื่อปกป้องเกียรติยศ
จ. เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงของตนโดยมิให้ชายอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภรรยาของตนได้ แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยพบเห็น จ. นอนหนุนตักผู้ตายและกอดจูบกันเท่านั้นโดยยังไม่มีการร่วมประเวณีกัน และการที่ผู้ตายกระทำต่อ จ. ดังกล่าวก็เป็นไปโดย จ. สมัครใจยินยอม พฤติการณ์เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ซึ่งจำเลยจำต้องกระทำการป้องสิทธิแต่อย่างใด แต่การที่ผู้ตายกับ จ. กอดจูบกันเช่นนี้ นับเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเหลือวิสัยของจำเลยที่จะอดกลั้นโทสะไว้ได้ จึงเข้าไปชกต่อยผู้ตายแล้วใช้มีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ใกล้ตัวแทงผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72 ไม่ใช่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4302/2563
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องร้องผู้พิพากษาด้วยความเข้าใจผิดด้านข้อกฎหมาย และการฟ้องเท็จที่กระทบต่อเกียรติยศ
จำเลยบรรยายฟ้องในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามกระบวนพิจารณา ซึ่งรวมทั้งได้คัดใจความที่โจทก์ร่วมในฐานะผู้พิพากษามีคำสั่งในสำนวนความ แต่จำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของโจทก์ร่วมในปัญหาข้อกฎหมายว่าการออกคำสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและมีคำพิพากษายกฟ้อง รวมทั้งคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงเป็นการระบุบทกฎหมายในฐานความผิดจากข้อเท็จจริงตามฟ้องมิใช่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงให้แตกต่างจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตามกระบวนพิจารณา แต่เป็นการยืนยันความเห็นที่แตกต่างในข้อกฎหมายตามความเข้าใจของจำเลย ไม่อาจถือว่าเป็นความเท็จ การฟ้องคดีอาญาของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 175จำเลยเป็นคู่ความในคดีและมีความรู้ทางกฎหมายพอสมควรย่อมทราบและเข้าใจถึงการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีว่าโจทก์ร่วมใช้ดุลพินิจมีคำสั่งในคดีตามบทบัญญัติของกฎหมายมิใช่เป็นการมีคำสั่งโดยอคติและไม่ยุติธรรม แต่จำเลยกลับนำคดีมาฟ้องกล่าวหาโจทก์ร่วมว่า การที่โจทก์ร่วมมีคำสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 นั้น เป็นการกล่าวหาว่าโจทก์ร่วมมีเจตนากระทำโดยมิชอบด้วยหน้าที่และข้อกล่าวหาในฟ้องย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่า การใช้ดุลพินิจของโจทก์ร่วมไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการบั่นทอนและลดคุณค่าในการพิจารณาพิพากษาคดีในหน้าที่ผู้พิพากษาของโจทก์ร่วม ทั้งทำให้ประชาชนทั่วไปซึ่งมิได้รู้ข้อเท็จจริงในเชิงลึกของคดี ขาดความเชื่อมั่นหรือเชื่อถือต่อกระบวนการยุติธรรม การฟ้องคดีของจำเลยเป็นการฟ้องแกล้งกล่าวหาโจทก์ร่วมตามอำเภอใจโดยอาศัยเหตุที่จำเลยเสียประโยชน์ในผลแห่งคดี หาใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามปกติและโดยสุจริตไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการดูหมิ่นผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีตาม ป.อ. มาตรา 198