คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เขตที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3947/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้ประโยชน์ที่ดินติดกัน และการก่อสร้างรุกล้ำเขตที่ดิน การก่อสร้างในที่ดินของตนเองย่อมชอบธรรม
ที่ดินของจำเลยอยู่ชิดผนังตึกของโจทก์ จำเลยชอบที่จะใช้ประโยชน์ในที่ดินของตนได้ จำเลยได้สร้างคันหินคอนกรีตกับกำแพงซ้อนคันหินและหลังคาในที่ดินของจำเลย ซึ่งแม้จะปิดช่องหน้าต่างของโจทก์แต่มิได้รุกล้ำที่ดินโจทก์ อาคารของโจทก์ก็สร้างผนังตึกชิดติดแนวเขตที่ดินจำเลย ซึ่งโจทก์ย่อมคาดหมายได้ว่าฝาผนังตึกของโจทก์ย่อมมีสภาพเหมือนเป็นกำแพงรั้วกั้นเขตที่ดินโจทก์และจำเลยจำเลยย่อมใช้ประโยชน์จากฝาผนังตึกนี้ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเปิดหน้าต่างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย และไม่มีสิทธิเปิดช่องทางเดินผ่านไปยังที่ดินของจำเลย การที่จำเลยได้ทำการก่อสร้างดังกล่าว แม้จะทำให้โจทก์ไม่สามารถเปิดหน้าต่างชั้นลอยด้านที่ติดกับที่ดินของจำเลยและไม่สามารถใช้ช่องทางผ่านเข้าออกสู่ที่ดินของจำเลยได้ ก็ไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ และไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต แม้การก่อสร้างของจำเลยจะไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายไม่เกี่ยวกับโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตที่ดิน: ผลผูกพันตามข้อตกลงและการรังวัดตามที่ตกลง
โจทก์กับจำเลยแถลงร่วมกันต่อศาลชั้นต้น โดยตกลงให้เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไปดำเนินการรังวัดปักหลักเขตตามข้อตกลงอีกครั้งหนึ่ง และโจทก์จำเลยยินยอมให้ถือเอาผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินในครั้งหลังเป็นยุติดังนี้ เป็นการแสดงเจตนาให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับผลการรังวัดปักหลักเขตครั้งที่แล้ว เมื่อการรังวัดปักหลักเขตของเจ้าหน้าที่กรมที่ดินมีผลเป็นประการใด คู่ความทั้งสองฝ่ายย่อมต้องผูกพันตามข้อตกลงที่ได้แถลงต่อศาล.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3028/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์, เขตที่ดิน, การรังวัด, การรุกล้ำที่ดิน, สิทธิในที่ดิน
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าคำฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะบรรยายฟ้องสับสน ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโจทก์ได้ที่ดินมาอย่างไร และครอบครองที่ดินของโจทก์อย่างไร เขตที่อ้างว่าจำเลยบุกรุกอยู่ตรงไหนแต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มิได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าคำฟ้องเคลือบคลุมแม้จำเลยที่ 2 จะให้การว่าคำฟ้องเคลือบคลุมแต่ก็อ้างเหตุแห่งการเคลือบคลุมว่าฟ้องโจทก์มิได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายและค่าขาดประโยชน์ซึ่งเป็นคนละเหตุกับเหตุที่จำเลยที่ 1 อ้างในฎีกา ถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยไม่เคยเข้าไปกระทำการใด ๆ ในที่ดินของโจทก์เพียงแต่ในการขอรังวัดสอบเขตที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ติดกัน จำเลยนำชี้เขตที่ดินของตนว่าอยู่เลยแนวรั้วเข้าไปในที่ดินของโจทก์ซึ่งโจทก์ก็คัดค้าน เมื่อโจทก์ขอรังวัดสอบเขตที่ดินบ้าง จำเลยที่ 1 ก็ไประวังแนวเขตและชี้ว่าที่ดินของตนอยู่เลยแนวรั้วเข้าไปในที่ดินของโจทก์เป็นเหตุให้รังวัดสอบเขตไม่สำเร็จไม่มีการเปลี่ยนแปลงเขตที่ดินในโฉนด ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินส่วนที่เลยแนวรั้วในที่ดินของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2433/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยเขตที่ดินพิพาทเพื่อพิจารณาคำขอขับไล่และการเกินคำขอของโจทก์ การนำสืบเพื่อต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท การที่จำเลยนำสืบว่าที่พิพาทเป็นที่ดินราชพัสดุก็เพื่อแสดงว่าโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง สิทธิครอบครองเป็นของจำเลย จำเลยชอบที่จะนำสืบได้ไม่เป็นการนำสืบนอกประเด็นหรือนอกคำให้การ
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโจทก์ เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทไม่ใช่ที่ดินโจทก์ ศาลชั้นต้นยังพิพากษาขับไล่จำเลยจึงเป็นการเกินคำขอของโจทก์ ในการพิจารณาข้อกฎหมายว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอของโจทก์หรือไม่ศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนว่าที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์หรือไม่ หากที่พิพาทอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ไม่เกินคำขอ หากอยู่ในที่ดินแปลงอื่นของบุคคลอื่นคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็เกินคำขอ ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ราชพัสดุคนละแปลงกับที่ดินโจทก์เพื่อที่จะได้วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ ก็อยู่ในขอบเขตที่จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่ได้พิพากษาเกินอุทธรณ์แต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดดินใกล้เขตที่ดินของผู้อื่นจนทำให้ที่ดินเสียหาย เป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การที่จำเลยขุดดินห่างจากแนวเขตที่ดินของโจทก์เพียง 1เมตร ลึกเกินสมควรจนเต็มเนื้อที่ เป็นเหตุให้ที่ดินโจทก์พังทลาย เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 1343 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยจึงต้องรับผิดจัดการป้องกันความเสียหายเพื่อไม่ให้ที่ดินของโจทก์พังทลายต่อไป
จำเลยอ้างว่ามีฝนตกหนักและน้ำท่วมมากเป็นเหตุให้แนวเขตที่ดินพัง อันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้ แต่จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีก่อน จ.ผู้เช่าที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งฟ้อง พ. กับจำเลยที่ 1 คดีนี้ขอให้ใช้ค่าเสียหายที่ขุดดินทำให้บ่อปลาของ จ.เสียหาย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้จัดการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ที่ดินของโจทก์คนละแปลงกับที่ดินที่ให้ จ.เช่าเป็นคนละกรณีกัน ทั้งโจทก์ก็มิได้เป็นคู่ความในคดีก่อนร่วมกับจ.ด้วย ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยจัดการป้องกันความเสียหายอันเกิดแก่ความอยู่มั่น แห่งที่ดินของโจทก์ ที่ติดต่อกับที่ดินที่จำเลยขุด มิใช่เรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดโดยตรง. จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นข้อพิพาทเดิมในคดีก่อนย่อมเป็นฟ้องซ้ำ แม้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้แล้วเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ จึงเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้รับฟ้องเป็นไม่รับฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ เมื่อโจทก์อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามกฎหมาย แต่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดียังไม่เป็นการถูกต้อง ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ได้
ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อน โจทก์จำเลยได้ตกลงกันถึงเขตที่ดินราชพัสดุที่โจทก์จำเลยเช่าและเรื่องหลังคาเรือนจำเลยว่าไม่รุกล้ำเข้าไปในส่วนที่โจทก์เช่า คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์จะกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่าจำเลยทำหลังคารุกล้ำเข้าไปในที่ดินราชพัสดุที่โจทก์เช่า ซึ่งเป็นการกระทำก่อนมีการฟ้องคดีก่อนย่อมเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 148
เมื่อโจทก์ยื่นคำฟ้องแล้ว ไม่ว่าศาลจะสั่งคำฟ้องประการใดจำเลยย่อมเป็นคู่ความ และในกรณีที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง แม้จำเลยจะไม่อุทธรณ์ จำเลยก็มีสิทธิแก้อุทธรณ์ได้มิใช่เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2006/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นเขตที่ดินและหลังคาเรือนที่เคยตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว
ศาลชั้นต้นรับฟ้องของโจทก์ไว้แล้วเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำจึงเพิกถอนคำสั่งเดิมที่ให้รับฟ้องเป็นไม่รับฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ เมื่อโจทก์อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ต้องห้ามตามกฎหมายแต่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดียังไม่เป็นการถูกต้องศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ได้
ในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อน โจทก์จำเลยได้ตกลงกันถึงเขตที่ดินราชพัสดุที่โจทก์จำเลยเช่าและเรื่องหลังคาเรือนจำเลยว่าไม่รุกล้ำเข้าไปในส่วนที่โจทก์เช่าคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 โจทก์จะกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่าจำเลยทำหลังคารุกล้ำเข้าไปในที่ดินราชพัสดุที่โจทก์เช่า ซึ่งเป็นการกระทำก่อนมีการฟ้องคดีก่อนย่อมเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 148
เมื่อโจทก์ยื่นคำฟ้องแล้ว ไม่ว่าศาลจะสั่งคำฟ้องประการใดจำเลยย่อมเป็นคู่ความ และในกรณีที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งแม้จำเลยจะไม่อุทธรณ์ จำเลยก็มีสิทธิแก้อุทธรณ์ได้มิใช่เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และเขตที่ดิน: ศาลต้องวินิจฉัยการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง หากจำเลยได้กรรมสิทธิ์จริง การไม่รับรองแนวเขตย่อมไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่มีเขตติดต่อกันจำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขตโดยมิชอบ จำเลยให้การว่าสามีจำเลยซื้อที่ดินมาจากบุคคลภายนอก ด้านที่ติดกับที่ดินโจทก์มีรั้วพู่ระหงตลอดแนว สามีจำเลยและจำเลยได้ครอบครองที่ดินตามแนวรั้วต้นพู่ระหงอย่างสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปี แล้ว จำเลยเห็นว่าโจทก์ชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินที่จำเลยครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้วจึงไม่ยอมรับรองดังนี้ คำให้การของจำเลยมิได้ยืนยันว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยแต่อ้างว่าได้ครอบครองที่ดินถึงแนวรั้วต้นพู่ระหงจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นไว้แต่เพียงว่าจำเลยขัดขวางไม่ยอมรับรองเขตที่ดินของโจทก์โดยมิชอบหรือไม่ แต่การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวก็ต้องวินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยรับฟังได้หรือไม่ หากจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองจริง การที่จำเลยไม่รับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ซึ่งรังวัดรวมเอาที่พิพาทไว้ด้วยจะถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยมิชอบหาได้ไม่ จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยเรื่องการครอบครองที่ดินตามข้อต่อสู้ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการขัดขวางการรังวัดเขตที่ดิน: ศาลต้องวินิจฉัยประเด็นการได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองก่อน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนดที่มีเขตติดต่อกันจำเลยคัดค้านการรังวัดสอบเขตโดยมิชอบ จำเลยให้การว่าสามีจำเลยซื้อที่ดินมาจากบุคคลภายนอกด้านที่ติดกับที่ดินโจทก์มีรั้วพู่ระหงตลอดแนวสามีจำเลยและจำเลยได้ครอบครองที่ดินตามแนวรั้วต้นพู่ระหงอย่างสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยเห็นว่าโจทก์ชี้เขตที่ดินรุกล้ำที่ดินที่จำเลยครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้วจึงไม่ยอมรับรองดังนี้ คำให้การของจำเลยมิได้ยืนยันว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของจำเลยแต่อ้างว่าได้ครอบครองที่ดินถึงแนวรั้วต้นพู่ระหงจนได้กรรมสิทธิ์แล้วแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นไว้แต่เพียงว่าจำเลยขัดขวางไม่ยอมรับรองเขตที่ดินของโจทก์โดยมิชอบหรือไม่แต่การวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวก็ต้องวินิจฉัยว่า ข้อต่อสู้ของจำเลยรับฟังได้หรือไม่หากจำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยการครอบครองจริงการที่จำเลยไม่รับรองแนวเขตที่ดินของโจทก์ซึ่งรังวัดรวมเอาที่พิพาทไว้ด้วยจะถือว่าจำเลยใช้สิทธิโดยมิชอบหาได้ไม่ จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยเรื่องการครอบครองที่ดินตามข้อต่อสู้ของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1379/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรังวัดที่ดินตามข้อตกลง: ศาลพิพากษาตามผลการรังวัด แม้เนื้อที่ไม่ตรงกับโฉนด
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยท้ากันว่าหากเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดแล้วปักหลักเขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับว่าจุดนั้นเป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจ้าพนักงานรังวัดมานั้น ต่อมาเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและปักเขตตรงเส้นที่โจทก์นำชี้ไว้พอดี ต้องถือว่าตรงนั้นเป็น เขตที่ดิน ที่พิพาททั้งหมดจึงเป็นของโจทก์ จำเลยต้องแพ้คดีไปตามคำท้า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างส่วนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ย่อมหมายถึงให้รื้อถอนออกไปจากที่พิพาทอันเป็นของโจทก์นั่นเอง ไม่เป็นการเกินคำฟ้องหรือคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว จะยกเรื่องเนื้อที่และแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ขึ้นโต้เถียงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
of 7