พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาจริงของสัญญาเช่าสำคัญกว่าข้อความในสัญญา หากผู้เช่าใช้เพื่ออยู่อาศัย แม้สัญญาจะระบุว่าเพื่อการค้า
แม้สัญญาเช่าจะมีข้อความชัดเจนว่า เช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัย เมื่อผู้เช่าต่อสู้ว่าเช่าเพื่ออยู่อาศัยมิได้ประกอบการค้าและเช่ามานานแล้ว ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ดังนี้ผู้เช่าย่อมนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ได้, เพราะศาลจำต้องพิเคราะห์ถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีและความจริงที่ที่ผู้เช่าปฏิบัติประกอบด้วย
จำเลยเช่าตึกแถวอยู่อาศัยหาได้ทำการค้าไม่ เมื่อหมดอายุสัญญาเดิม โจทก์ทำสัญญาเช่าใหม่เติมข้อความว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัยโดยอ้างว่าเป็น ธรรมเนียมของโจทก์ที่จะกรอกข้อความเช่นนี้ทุกราย,เมื่อจำเลยเซ็นแล้ว ก็คงใช้ตึกห้องที่เช่านี้อยู่อาศัยเช่นเดิมหาได้ใช้ทำการค้าไม่ดังนี้เห็นได้ว่าการเติมข้อความนั้นลงก็เพื่อเลี่ยง กฎหมายเท่านั้นจึงต้องบังคับตามความจริง
จำเลยเช่าตึกแถวอยู่อาศัยหาได้ทำการค้าไม่ เมื่อหมดอายุสัญญาเดิม โจทก์ทำสัญญาเช่าใหม่เติมข้อความว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัยโดยอ้างว่าเป็น ธรรมเนียมของโจทก์ที่จะกรอกข้อความเช่นนี้ทุกราย,เมื่อจำเลยเซ็นแล้ว ก็คงใช้ตึกห้องที่เช่านี้อยู่อาศัยเช่นเดิมหาได้ใช้ทำการค้าไม่ดังนี้เห็นได้ว่าการเติมข้อความนั้นลงก็เพื่อเลี่ยง กฎหมายเท่านั้นจึงต้องบังคับตามความจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7257/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาจำนอง: หนี้ที่ค้ำประกันรวมด้วยหรือไม่? ศาลพิจารณาเจตนาจริงและหลักการคุ้มครองลูกหนี้
ปัญหาเกี่ยวกับการตีความการแสดงเจตนาตาม ป.พ.พ. มาตรา 171 ให้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร และตามมาตรา 11 กรณีที่มีข้อสงสัยให้ตีความไปในทางที่เป็นคุณแก่คู่กรณีฝ่ายซึ่งจะเป็นผู้ต้องเสียในมูลหนี้นั้น เมื่อโจทก์ที่ 1 และจำเลยไม่ได้ระบุให้รวมถึงหนี้ที่โจทก์ที่ 1 ค้ำประกันหนี้กู้ยืมของบุคคลอื่นที่ทำกับจำเลยไว้ชัดแจ้งในสัญญาจำนองและบันทึกข้อตกลงต่อท้ายสัญญาจำนองทั้งที่อยู่ในวิสัยทำได้ ดังนั้น คำว่า "หนี้และภาระผูกพันทุกลักษณะและทุกประเภท" ตามสัญญาจำนองจึงหมายถึงหนี้ที่โจทก์ที่ 1 เป็นลูกหนี้ของจำเลยโดยตรงในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นเท่านั้น ไม่ครอบคลุมถึงหนี้ที่โจทก์ที่ 1 ทำสัญญาค้ำประกันหนี้กู้ยืมของบุคคลอื่นที่ทำกับจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4614/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาเช่าตามเจตนาจริงและข้อยกเว้นการริบเงินประกันความเสียหายเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยหรือความผิดของผู้เสียหาย
แม้สัญญาเช่าจะระบุว่า ถ้าอาคารที่เช่าเกิดอัคคีภัยขึ้นไม่ว่าเพราะเหตุใดก็ตามมากน้อยเท่าใดก็ตาม สัญญาเช่านี้เป็นอันระงับสิ้นสุดลงทันทีและผู้เช่ายินยอมให้ผู้ให้เช่าริบเงินประกันการเช่าได้ทั้งสิ้น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏจากคำเบิกความของผู้ร่างสัญญาเช่าดังกล่าวว่าเงื่อนไขของสัญญาเช่าในข้อดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ให้โจทก์ต้องใช้ความระมัดระวังดูแลทรัพย์ที่เช่ามิให้เกิดอัคคีภัยขึ้น ดังนั้น การตีความตามสัญญาต้องตีความตามเจตนาแท้จริงของคู่สัญญาคือเงินประกันความเสียหายดังกล่าวเป็นเงินที่วางไว้เพื่อเป็นหลักประกันว่าโจทก์จะไม่ทำความเสียหายให้เกิดแก่ทรัพย์ที่เช่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์และจำเลยที่ 1 ตรงกันว่าเหตุไฟไหม้เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรในขณะที่ทรัพย์ที่เช่าอยู่ในครอบครองของโจทก์ กระแสไฟฟ้าเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพ โจทก์จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายคือจำเลยที่ 1 แต่โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า ความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้เสียหายคือจำเลยที่ 1 โจทก์จึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนั้น จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิริบเงินประกันความเสียหายได้