พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเจตนาให้ใช้ได้เพียงพอต่อการฟ้องความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ โดยธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอ้างว่ามีคำสั่งให้ระงับการจ่ายเงิน แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาทุจริตในการห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็ค แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466-1469/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คสำคัญกว่าการปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ต้องพิสูจน์เจตนาทุจริตของจำเลย
ในวันสืบพยานโจทก์ จำเลยยอมรับว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คตามฟ้อง โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบและธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน แต่จำเลยก็มิได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้จะถือว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหาได้ไม่ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความดังกล่าว เมื่อโจทก์มิได้สืบพยาน จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5857/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อค้ำประกัน ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากธนาคารปฏิเสธจ่ายเนื่องจากลายมือชื่อ
การที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 (1) และธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า "ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่เหมือนตัวอย่างที่ให้ไว้ " ซึ่งไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่จำเลยมีอยู่ในบัญชีนั้นโจทก์ไม่จำต้องนำสืบว่าในวันออกเช็คจำเลยมีเงินในบัญชีพอที่จะจ่ายตามเช็คหรือไม่ต่างกับการฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 3 (1) ในกรณีอื่น หรือมาตรา 3 (2) หรือมาตรา 3 (3) และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีไม่พอจ่ายกรณีเช่นนี้ โจทก์จึงจะต้องนำสืบถึงจำนวนเงินในบัญชีของจำเลยในวันออกเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3743/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - รถเสีย - สิทธิระงับการจ่ายเช็ค - เงินพอจ่าย - ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์ร่วม โดยชำระค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งในวันทำสัญญา และออกเช็คล่วงหน้าเพื่อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน 2 ฉบับ ตั้งแต่จำเลยรับรถแทรกเตอร์ไปจากโจทก์ร่วม รถเสียไม่สามารถใช้ทำงานได้ตลอดมาจำเลยได้ขอคืนรถแก่โจทก์ร่วมและขอรับเช็คทั้งสองฉบับที่สั่งจ่ายมอบให้โจทก์ร่วมคืนโจทก์ร่วมก็ไม่ยอมคืนให้ พฤติการณ์เช่นนี้มีเหตุสมควรที่จำเลยจะมีคำสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คได้ การที่จำเลยมีคำสั่งห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คดังกล่าวจึงไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งจำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารในวงเงิน 100,000 บาท แม้ในวันสั่งจ่ายเช็ค จำเลยจะเป็นหนี้ธนาคารเกินกว่าวงเงินดังกล่าว แต่ผู้จัดการธนาคารตามเช็คยืนยันว่า ถ้าจำเลยร้องขอมาล่วงหน้าธนาคารจะจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้ แสดงว่าจำเลยมีเงินพอจ่ายตามเช็คทั้งสองฉบับ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3743/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - การระงับการจ่ายเช็ค - ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค - พยานยืนยันความสามารถชำระหนี้
จำเลยเช่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์ร่วม โดยชำระค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งในวันทำสัญญา และออกเช็คล่วงหน้าเพื่อชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน 2 ฉบับตั้งแต่จำเลยรับรถแทรกเตอร์ไปจากโจทก์ร่วม รถเสียไม่สามารถใช้ทำงานได้ตลอดมาจำเลยได้ขอคืนรถแก่โจทก์ร่วมและขอรับเช็คทั้งสองฉบับที่สั่งจ่ายมอบให้โจทก์ร่วมคืนโจทก์ร่วมก็ไม่ยอมคืนให้ พฤติการณ์เช่นนี้มีเหตุสมควรที่จำเลยจะมีคำสั่งให้ธนาคารระงับการจ่ายเงินตามเช็คได้ การที่จำเลยมีคำสั่งห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คดังกล่าวจึงไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งจำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารในวงเงิน 100,000บาท แม้ในวันสั่งจ่ายเช็ค จำเลยจะเป็นหนี้ธนาคารเกินกว่าวงเงินดังกล่าว แต่ผู้จัดการธนาคารตามเช็คยืนยันว่า ถ้าจำเลยร้องขอมาล่วงหน้าธนาคารจะจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้ แสดงว่าจำเลยมีเงินพอจ่ายตามเช็คทั้งสองฉบับ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3439/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชีเป็นประเด็นสำคัญคดีเช็ค ไม่ใช่การชำระหนี้บางส่วน
คำเบิกความที่เป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดีว่าโจทก์กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่ อยู่ที่ว่าโจทก์ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่มิได้ อยู่ที่ว่าเช็คที่จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญานั้น มีการชำระหนี้กันบางส่วนตามเช็คนั้นหรือไม่ แม้คำเบิกความของจำเลยที่ว่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์ 1 คัน ราคา 210,000 บาท และได้ชำระด้วยเงินสดให้โจทก์จะเป็นความเท็จ ความจริง เมื่อจำเลยนำเช็คที่โจทก์ออกให้ไปขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์เอารถแทรกเตอร์ของโจทก์ตีใช้หนี้ให้จำเลยบางส่วนเป็นเงิน 210,000 บาท ดังฟ้อง ก็มิใช่คำเบิกความอันเป็นเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3439/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในคดีเช็ค: ข้อสำคัญอยู่ที่เจตนาออกเช็ค ไม่ใช่การชำระหนี้บางส่วน
คำเบิกความที่เป็นข้อสำคัญในการพิจารณาคดีว่าโจทก์กระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คหรือไม่อยู่ที่ว่าโจทก์ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คหรือไม่มิได้อยู่ที่ว่าเช็คที่จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญานั้นมีการชำระหนี้กันบางส่วนตามเช็คนั้นหรือไม่แม้คำเบิกความของจำเลยที่ว่าซื้อรถแทรกเตอร์จากโจทก์1คันราคา210,000บาทและได้ชำระด้วยเงินสดให้โจทก์จะเป็นความเท็จความจริงเมื่อจำเลยนำเช็คที่โจทก์ออกให้ไปขึ้นเงินไม่ได้โจทก์จำเลยได้ประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์เอารถแทรกเตอร์ของโจทก์ตีใช้หนี้ให้จำเลยบางส่วนเป็นเงิน210,000บาทดังฟ้องก็มิใช่คำเบิกความอันเป็นเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อปิดบังการยักยอก ไม่ถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.เช็ค แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
จำเลยเป็นผู้รักษาเงินของบริษัทโจทก์ มีหน้าที่รับเงินจากพนักงานขายนำฝากธนาคารเป็นรายวันตามยอดที่รับไว้ จำเลยยักยอกเงินสดของโจทก์ที่จะต้องฝากเข้าธนาคารแล้วออกเช็คของจำเลยนำเข้าฝากธนาคารแทน เพื่อจะไม่ให้โจทก์รู้ความจริง และต้องการปิดบังความผิดฐานยักยอกธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยออก โจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานยักยอกศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ ดังนี้ จำเลยมิได้ออกเช็คที่ฟ้องโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็ค ทั้งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องไปจนคดีถึงที่สุดแล้วด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อปิดบังการยักยอก ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้มีการฟ้องร้องฐานยักยอกไปแล้ว
จำเลยเป็นผู้รักษาเงินของบริษัทโจทก์ มีหน้าที่รับเงินจากพนักงานขายนำฝากธนาคารเป็นรายวันตามยอดที่รับไว้ จำเลยยักยอกเงินสดของโจทก์ที่จะต้องฝากเข้าธนาคารแล้วออกเช็คของจำเลยนำเข้าฝากธนาคารแทน เพื่อจะไม่ให้โจทก์รู้ความจริง และต้องการปิดบังความผิดฐานยักยอก ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยออกโจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานยักยอก ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ดังนี้ จำเลยมิได้ออกเช็คที่ฟ้องโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็ค ทั้งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องไปจนคดีถึงที่สุดแล้วด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค - สัญญาซื้อขายระงับ - ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยออกเช็คชำระค่าซื้อโรงงานและเครื่องมือให้ ต. ต่อมาต. สลักหลังเช็คดังกล่าวให้โจทก์แล้ว ต. ผิดสัญญาไม่โอนโรงงานให้จำเลย จำเลยบอกเลิกสัญญา และขอเช็คคืน ต. บอกว่าฉีกทิ้งแล้วและลงชื่อรับรองว่าฉีกทิ้งแล้วไว้ให้ โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินจากธนาคาร แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่าย ดังนี้ เมื่อจำเลยบอกเลิกสัญญากับ ต. แล้ว สัญญาจึงเป็นอันระงับไปและคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้แก่ ต. และจำเลยเชื่อต่อไปว่าจะไม่มีผู้ใดนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร จำเลยจึงไม่จำต้องนำเงินเข้าบัญชีในธนาคารให้มีจำนวนพอจ่ายตามเช็ค การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คไม่เป็นความผิดทางอาญา