พบผลลัพธ์ทั้งหมด 136 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์และการกระทำโดยทุจริต
การที่พนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายแสดงวิธีวาดอวนหรือผูกอวนติดกับทุ่นเพื่อทำการวาดภาพไว้เป็นหลักฐานเป็นวิธีการสอบสวนเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดและเพื่อที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษไม่จำเป็นต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ในชั้นสอบสวนจำเลยโต้เถียงว่าอวนของกลางเป็นของจำเลยโดยมิได้บอกว่าอวนของกลางมีตำหนิพิเศษอย่างไรที่แสดงว่าเป็นของจำเลยหรือนำอวนของจำเลยมาเปรียบเทียบกับอวนของกลางว่ามีลักษณะอย่างเดียวกันกับของจำเลยแม้ในชั้นศาลจำเลยก็มิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอวนของกลางเป็นของจำเลยแต่กลับอ้างว่าอวนที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานวัตถุเป็นอวนของผู้เสียหายที่นำมามอบให้พนักงานสอบสวนในภายหลังส่วนอวนของกลางที่ยึดได้เป็นของจำเลยมีเศษปูติดอยู่และยังคงเก็บอยู่ที่สถานีตำรวจซึ่งในข้อนี้พนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่าอวนที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานวัตถุต่อศาลเป็นอวนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยโดยไม่ปรากฎว่ายังมีอวนของกลางเก็บอยู่ที่สถานีตำรวจอีกข้อกล่าวอ้างลอยๆของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ส่วนที่จำเลยอ้างว่าอวนของกลางมีลักษณะการเย็บอวนหรือเข้าอวนไม่เหมือนกับของผู้เสียหายและไม่มีทุ่นปิดนั้นย่อมเห็นได้ชัดว่าเมื่อจำเลยสาวอวนขึ้นเรือจำเลยน่าจะทราบดีว่าอวนดังกล่าวเป็นของผู้อื่นมิใช่ของตนประกอบกับตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเอาอวนของผู้เสียหายไปโดยสำคัญผิดว่าเป็นอวนของตนเองหรือเป็นการเอาไปโดยถือวิสาสะหากแต่เป็นการเอาไปในลักษณะแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายถือได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตจำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2836/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท: การเบียดบังทรัพย์ต้องมีฐานเป็นเจ้าของทรัพย์ก่อน แม้มีคำพิพากษาคดีแพ่งยืนยันกรรมสิทธิ์ของจำเลย
ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้กรณียังมีการโต้แย้งกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทว่าเป็นของโจทก์หรือจำเลยโดยโจทก์ฟ้องทางแพ่งอ้างว่าเป็นที่ดินของโจทก์ ขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์และคดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย แม้ว่าไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้ศาลที่พิจารณาคดีอาญาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนแพ่งก็ตามแต่ก็นำมารับฟังประกอบในคดีอาญานี้ได้ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับพยานหลักฐานโจทก์แล้ว คดียังไม่พอฟังว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือโจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาท เมื่อจำเลยไม่อยู่ในฐานครอบครองทรัพย์ของโจทก์การกระทำของจำเลยที่ไม่ยอมโอนที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการเบียดบังเอาทรัพย์ของโจทก์ไปโดยทุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7786/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอาศัยและสิทธิเหนือพื้นดินที่ไม่บริบูรณ์ยังใช้บังคับระหว่างคู่สัญญาได้ เจ้าของทรัพย์ผูกพันตามข้อตกลง
ข้อตกลงที่ก่อให้เกิดทรัพย์สิทธิที่ยังไม่บริบูรณ์เพราะไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็เป็นบุคคลสิทธิที่ใช้บังคับกันได้ระหว่างคู่สัญญาโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะผู้จัดการทรัพย์สินของ ภ. ผู้ไม่อยู่ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทผู้ทำความตกลงยินยอมให้สิทธิอาศัยและสิทธิเหนือพื้นดินแก่จำเลย จำเลยย่อมอ้างสิทธิที่ไม่บริบูรณ์ดังกล่าวยันโจทก์ให้ปฏิบัติตามได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7691/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการขอคืนของกลางสงวนไว้สำหรับเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงขณะยื่นคำร้อง ตาม ป.อ. มาตรา 36
เดิมผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกคันของกลาง ได้ให้ ส.เช่าซื้อ ต่อมา ส.ผิดสัญญา ผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ แต่ยังไม่ได้รับรถยนต์คืนในระหว่างนั้นจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของ ส. นำรถยนต์ไปกระทำความผิดจึงถูกจับดำเนินคดี แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่ริบรถยนต์คันของกลาง ผู้ร้องได้รับรถยนต์คืนจาก ส.แล้วนำไปขายให้ ว. ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ริบรถยนต์คันของกลาง ผู้ร้องจึงมาร้องขอคืนรถยนต์คันของกลาง ดังนี้ ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลางผู้ร้องได้ขายรถยนต์ให้แก่ ว.ไปแล้ว ผู้ร้องจึงมิได้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของรถยนต์คันของกลางในขณะที่ยื่นคำร้อง ตาม ป.อ. มาตรา 36 ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์คันของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5072/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่: แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ โจทก์ฟ้องได้โดยอาศัยสิทธิเจ้าของทรัพย์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าเมื่อประมาณเดือนมกราคม2528จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์มีกำหนด3ปีโดยมิได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือกันไว้ก็ตามแต่ตามเนื้อหาแห่งคำฟ้องโจทก์มิได้ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่าหากแต่เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของโจทก์จากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336เท่านั้นส่วนที่บรรยายถึงเรื่องที่จำเลยได้เช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ก็เป็นเรื่องที่โจทก์เพียงแต่ท้าวความให้เห็นว่าในเบื้องต้นจำเลยเข้าไปอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิแห่งสัญญาเช่าแต่หลังจากสัญญาเช่าสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนด3ปีแล้วจำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในบ้านพิพาทอีกต่อไปการฟ้องคดีดังกล่าวมิได้ตกอยู่ในบังคับของมาตรา538ฉะนั้นแม้โจทก์จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยโจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน vs. การรื้อถอนทรัพย์สิน: การใช้สิทธิของเจ้าของทรัพย์ตามกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินเกิดเหตุ ย่อมมี สิทธิรื้อถอนทรัพย์ของโจทก์ร่วมที่นำเข้ามาไว้ในที่ดิน ของจำเลยโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายอันเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336เมื่อจำเลยใช้สิทธิของเจ้าของทรัพย์ตามสมควรแก่พฤติการณ์จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของทรัพย์รุกล้ำ-ละเมิด: ฟ้องบังคับรื้อได้ไม่ติดอายุความ, กรรมการบริษัทร่วมรับผิด
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามรื้อกำแพงของจำเลยที่ปิดกั้นที่ดินโจทก์และให้รื้อหลังคาที่คร่อมที่ดินโจทก์ออกไปเป็นคดีที่โจทก์ใช้สิทธิการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เรียกร้องให้ขจัดความเดือดร้อนรำคาญให้สิ้นไปตราบใดที่จำเลยที่1ยังก่อความเดือดร้อนรำคาญอยู่โจทก์ย่อมฟ้องร้องขอให้บังคับได้มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางละเมิดจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งอายุความ1ปี จำเลยที่1เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดซึ่งการแสดงออกย่อมกระทำโดยทางกรรมการเมื่อหลังคาโรงงานของจำเลยที่1รุกล้ำเป็นละเมิดต่อที่ดินของโจทก์จำเลยที่3ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจจึงต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าซื้อช่วงและการโอนกรรมสิทธิ์ แม้โจทก์ยังไม่เป็นเจ้าของทรัพย์ขณะทำสัญญา แต่บริษัทเจ้าของยินยอมและจำเลยรับทราบ ถือเป็นสัญญาที่ผูกพัน
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์พิพาททั้ง 8 คัน จากบริษัทท.แล้วจำเลยเช่าซื้อรถยนต์พิพาททั้ง 8 คัน จากโจทก์ แม้ในขณะโจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์พิพาททั้ง 8 คันที่ให้เช่าซื้อก็ตาม แต่บริษัท ท. ยินยอมให้โจทก์นำรถยนต์พิพาททั้ง 8 คันออกให้ผู้อื่นเช่าซื้อช่วงได้ และโจทก์สามารถโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาททั้ง 8 คัน ให้แก่จำเลยได้ หากจำเลยชำระเงินค่าเช่าซื้อครบตามสัญญา จำเลยสมัครใจเข้าทำสัญญาโดยมิได้โต้แย้งในเรื่องนี้แต่อย่างใด จำเลยจึงต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อ จะอ้างว่าขณะทำสัญญาโจทก์ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อ จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิขอคืนทรัพย์ริบ หากไม่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ
ในคดีอาญา เมื่อเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงมาร้องขอคืนทรัพย์ของกลางที่ศาลสั่งริบไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา36 โจทก์ต้องมีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลย สำหรับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าซื้อที่ว่า ถ้าทรัพย์สินที่เช่าซื้อถูกริบผู้เช่าซื้อยอมรับผิดฝ่ายเดียวและยอมชำระค่าเช่าซื้อจนครบถ้วนนั้นเป็นเงื่อนไขที่กำหนดกันได้ตามกฎหมาย ให้สิทธิแก่ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเลือกเท่านั้นจะใช้หรือไม่ก็ได้ การที่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลย อันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต หรือเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของทรัพย์เช่าซื้อไม่ต้องรับผิดต่อการกระทำผิดของผู้เช่าซื้อ หากไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ
ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องนำสืบว่า ร. เช่าซื้อรถยนต์ของกลางไปจากผู้ร้อง แล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 2 งวด ติดต่อกันทั้งได้นำรถยนต์ไปใช้ในการกระทำผิดเป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญา และผู้ร้องไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดนั้น เพียงพอรับฟังแล้วว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับการกระทำความผิดของจำเลย ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องนำสืบว่า ร.ผิดนัดเมื่อใดชำระค่าเช่าซื้อมาเท่าใด และยังคงค้างอยู่เท่าใดเพราะข้อดังกล่าวเป็นรายละเอียดปลีกย่อย