พบผลลัพธ์ทั้งหมด 18 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันหนี้ - ความรับผิดของผู้สั่งจ่าย - การผ่อนเวลา - การขึ้นเงินเช็ค
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้โจทก์แม้จำเลยสั่งจ่ายเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ของ พ. ที่มีต่อโจทก์ แต่เมื่อ พ. ยังไม่ได้ชำระหนี้ต่อโจทก์ หนี้ตามเช็คพิพาทจึงยังคงมีอยู่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น ทั้งจะนำบทบัญญัติในเรื่องการผ่อนเวลาของเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะค้ำประกันมาใช้บังคับเพื่อให้จำเลยพ้นจากความรับผิดหาได้ไม่
ความเสียหายอันเกิดจากผู้ทรงเช็คไม่นำเช็คไปขึ้นเงินต่อธนาคาร ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 นั้นหมายถึงผู้สั่งจ่ายเสียเงินที่มีอยู่ในธนาคารเพราะการที่ผู้ทรงไม่นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนด เช่นธนาคารล้มละลาย เป็นต้น ดังนั้น แม้จะฟังได้ว่าการที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินล่าช้า จน พ.หลบหนีไปแล้วจึงดำเนินการ ทำให้จำเลยเสียหาย ไม่สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยจาก พ. ได้ กรณีก็ไม่ต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวจำเลยจึงไม่พ้นความรับผิดตามเช็คพิพาท.
ความเสียหายอันเกิดจากผู้ทรงเช็คไม่นำเช็คไปขึ้นเงินต่อธนาคาร ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 นั้นหมายถึงผู้สั่งจ่ายเสียเงินที่มีอยู่ในธนาคารเพราะการที่ผู้ทรงไม่นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนด เช่นธนาคารล้มละลาย เป็นต้น ดังนั้น แม้จะฟังได้ว่าการที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปยื่นต่อธนาคารเพื่อให้ใช้เงินล่าช้า จน พ.หลบหนีไปแล้วจึงดำเนินการ ทำให้จำเลยเสียหาย ไม่สามารถใช้สิทธิไล่เบี้ยจาก พ. ได้ กรณีก็ไม่ต้องด้วยบทกฎหมายดังกล่าวจำเลยจึงไม่พ้นความรับผิดตามเช็คพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องตามเช็คค้ำประกันและการชำระดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย การใช้สิทธิไม่สุจริต
จำเลยกู้เงินโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท โดยมอบเช็คสั่งจ่ายเงินสดจำนวน 80,000 บาท ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน และมอบโฉนดให้โจทก์ไว้เป็นประกันอีกด้วย การที่โจทก์ไม่นำสัญญากู้ยืมมาฟ้อง หากแต่ฟ้องเรียกเงินตามเช็คนั้น เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์เห็นว่าการดำเนินคดีในเรื่องเช็คเป็นความสะดวกและดีกว่า โจทก์ย่อมทำได้ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต
จำเลยชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราเป็นผิดกฎหมาย จำเลยเรียกคืนไม่ได้ หักกับเงินที่ค้างชำระก็ไม่ได้
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำให้การรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยว่า ฟ้องของโจทก์ตอนไหนที่เคลือบคลุม จำเลยไม่เข้าใจอย่างไร จำเลยอ้างแต่เพียงว่าเคลือบคลุมโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
จำเลยชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราเป็นผิดกฎหมาย จำเลยเรียกคืนไม่ได้ หักกับเงินที่ค้างชำระก็ไม่ได้
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำให้การรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยว่า ฟ้องของโจทก์ตอนไหนที่เคลือบคลุม จำเลยไม่เข้าใจอย่างไร จำเลยอ้างแต่เพียงว่าเคลือบคลุมโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันเงินกู้: จำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค เมื่อเจตนาเป็นการค้ำประกัน ไม่ใช่การชำระหนี้
จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการค้ำประกันการที่ผู้เสียหายนำที่ดินไปจำนองประกันเงินกู้ที่จำเลยกับภริยากู้ไปจากธนาคาร จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 ตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันการกู้ยืม: จำเลยไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยเงินในบัญชีไม่พอ
จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายเพื่อเป็นการค้ำประกันการที่ผู้เสียหายนำที่ดินไปจำนองประกันเงินกู้ที่จำเลยกับภริยากู้ไปจากธนาคาร จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2478/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันยังผูกพันตามกฎหมาย แม้ไม่ระบุมูลหนี้ในฟ้องก็ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ในคำให้การว่าจำเลยออกเช็คเพื่อเป็นหลักประกันมิใช่จ่ายเงินตามเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบฟังได้ตามข้อต่อสู้ก็ไม่พ้นความรับผิดเพราะการออกเช็คเพื่อค้ำประกันลูกหนี้ให้โจทก์ก็เป็นการออกเช็คโดยเจตนาจะให้ผูกพันและชำระหนี้ได้ตามกฎหมายโดยลูกหนี้มีมูลหนี้ต่อโจทก์จริง
การฟ้องเรียกเงินตามเช็ค แม้จะมิได้ระบุมูลหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะเช็คเป็นเพียงตราสารที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินมูลหนี้เป็นค่าอะไร เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันได้ในชั้นพิจารณา
การฟ้องเรียกเงินตามเช็ค แม้จะมิได้ระบุมูลหนี้ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมเพราะเช็คเป็นเพียงตราสารที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินมูลหนี้เป็นค่าอะไร เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันได้ในชั้นพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2174/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและการเป็นผู้เสียหาย: โจทก์ไม่เสียหายจากการแจ้งความเท็จ เพราะยังมีสิทธิเรียกร้องจากเช็คค้ำประกัน
ปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองแม้จะไม่ได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้นก็ตาม
จำเลยนำรถยนต์ ใบทะเบียน และคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไปประกันเงินกู้ไว้กับโจทก์ ต่อมาจำเลยขอรับรถยนต์คืนเพื่อนำไปให้ผู้ซื้อดูโดยโจทก์ยอมรับเช็คเป็นหลักประกันแทนรถยนต์ และยอมให้จำเลยมีสิทธิขายรถยนต์นั้นได้และมีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อไม่ตกลงซื้อให้จำเลยนำรถยนต์คืนโจทก์ ถ้าผู้ซื้อตกลงซื้อให้แจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารดังนี้ การที่จำเลยไปแจ้งความว่าใบทะเบียนรถยนต์หาย และเจ้าพนักงานตำรวจได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันซึ่งจำเลยอาจถือเป็นหลักฐานไปขอใบแทนทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้โอนให้บุคคลอื่นได้ก็ตาม โจทก์ก็หาได้รับความเสียหายจากการนั้นไม่เพราะเมื่อจำเลยขายหรือโอนรถยนต์ให้คนอื่นไปโจทก์ย่อมมีสิทธินำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารตามที่ตกลงกัน หรือบังคับการชำระเงินตามเช็คนั้นได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยนำรถยนต์ ใบทะเบียน และคำแจ้งความเรื่องขอโอนและขอรับโอนทะเบียนรถยนต์ไปประกันเงินกู้ไว้กับโจทก์ ต่อมาจำเลยขอรับรถยนต์คืนเพื่อนำไปให้ผู้ซื้อดูโดยโจทก์ยอมรับเช็คเป็นหลักประกันแทนรถยนต์ และยอมให้จำเลยมีสิทธิขายรถยนต์นั้นได้และมีข้อตกลงว่าถ้าผู้ซื้อไม่ตกลงซื้อให้จำเลยนำรถยนต์คืนโจทก์ ถ้าผู้ซื้อตกลงซื้อให้แจ้งให้โจทก์ทราบเพื่อโจทก์จะได้นำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารดังนี้ การที่จำเลยไปแจ้งความว่าใบทะเบียนรถยนต์หาย และเจ้าพนักงานตำรวจได้จดไว้ในรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันซึ่งจำเลยอาจถือเป็นหลักฐานไปขอใบแทนทะเบียนรถยนต์เพื่อใช้โอนให้บุคคลอื่นได้ก็ตาม โจทก์ก็หาได้รับความเสียหายจากการนั้นไม่เพราะเมื่อจำเลยขายหรือโอนรถยนต์ให้คนอื่นไปโจทก์ย่อมมีสิทธินำเช็คไปขอรับเงินจากธนาคารตามที่ตกลงกัน หรือบังคับการชำระเงินตามเช็คนั้นได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันและดอกเบี้ยผิดกฎหมาย ไม่อยู่ในข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ออกเช็คเพื่อค้ำประกันเงินกู้ยืมและเพื่อเอาดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายเป็นรายเดือน ไม่อยู่ในวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยจึงยังไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2980/2565
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาชำระหนี้ด้วยเช็ค - เช็คค้ำประกัน - ความผิด พ.ร.บ.เช็ค - การพิสูจน์เจตนา
จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าสินค้าต่อโจทก์และไม่ชำระหนี้ให้ ต่อมาตกลงผ่อนชำระหนี้ให้เสร็จสิ้นในวันที่ 28 กันยายน 2561 แต่จำเลยที่ 1 มิได้ชำระหนี้ตามข้อตกลงดังกล่าว เมื่อโจทก์ทวงถาม จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คให้ โดยจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นเช็คที่รวมทั้งหนี้ค่าสินค้าที่ค้างและดอกเบี้ยด้วย ซึ่งเท่ากับมีเจตนาจะชำระหนี้ให้โจทก์ด้วยเช็คดังกล่าวนั้นเอง แต่ต่อมากลับให้โจทก์นำเช็คดังกล่าวกลับไปคืน แล้วออกเช็คพิพาทให้แทน โดยทำบันทึกขึ้นเองฝ่ายเดียวว่าเป็นเช็คค้ำประกันหนี้ ไม่มีข้อตกลงกำหนดเวลาที่โจทก์จะได้รับชำระหนี้ไว้เลย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่โจทก์จะตกลงด้วยเช่นนั้น เมื่อเช็คเดิมออกให้เพื่อชำระหนี้ แล้วมาออกเช็คพิพาทให้แทน ก็ต้องถือว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้เพื่อชำระหนี้เช่นเดียวกัน เมื่อเช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้เพื่อชำระหนี้ซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้ว จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4