พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: เช็คชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าว ไม่ใช่เช็คจากการกู้ยืมเงินผิดกฎหมาย
แม้เอกสารที่จำเลยทำไว้กับโจทก์จะใช้ชื่อว่าหนังสือรับสภาพหนี้แต่การทำหนังสือดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยและโจทก์เข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการศาลทหารกรุงเทพดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์และโจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็คเมื่อมีการไกล่เกลี่ยโจทก์และจำเลยตกลงในยอดหนี้ใหม่กันได้จำเลยตกลงชำระหนี้ให้โจทก์เป็นเช็ครวม37ฉบับโจทก์จึงถอนคำร้องทุกข์ในคดีอาญาดังกล่าวกรณีเป็นที่เห็นได้ชัดว่าหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็น ข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเพื่อที่จะ ระงับข้อพิพาทที่มีขึ้นตามมูลหนี้ซึ่งโจทก์และจำเลยได้พิพาทกันจนมีการดำเนินคดีอาญาให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันเอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา850เมื่อเช็คพิพาทที่นำมาฟ้องคดีนี้เป็นคดีที่จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวและ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้และเมื่อจำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความจึงมิใช่การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมเงินและเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราอันเป็นเช็คที่มี มูลหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ค่าสินค้าล่าช้า ดอกเบี้ยตามตกลงไม่ขัดกฎหมาย การคำนวณโทษจำคุก
จำเลยทั้งสองออกเช็คชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์ เช็คเรียกเก็บเงินไม่ได้จำเลยทั้งสองจึงออกเช็คพิพาทให้โจทก์ใหม่แทนฉบับเดิมโดยสั่งจ่ายเพิ่มขึ้นจากหนี้เดิมในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ถือว่ามูลหนี้ตามเช็คไม่ใช่หนี้กู้ยืมเงิน จำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามกำหนดมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดชำระหนี้เดิม โจทก์จึงมีสิทธิคิดค่าเสียหายจากการชำระหนี้ล่าช้าได้ และจำเลยทั้งสองยินยอมโดยออกเช็คพิพาทฉบับใหม่แก่โจทก์มูลหนี้ตามเช็คพิพาทจึงสมบูรณ์ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ในกรณีที่กำหนดโทษจำคุกเป็นเดือน เมื่อรวมถึง 12 เดือน ให้คิดเป็นจำนวนวัน 360 วัน มิใช่ถือเป็น 1 ปี เพราะจำนวนวันจำคุกจะคิดได้ถึง 365 หรือ 366 วัน ย่อมเป็นผลร้ายแก่จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6223/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คค้ำประกันหนี้ ไม่ใช่เช็คชำระหนี้ การออกเช็คเพื่อประกันการยืมเงิน ไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
ครั้งแรกที่จำเลยยืมเงินโจทก์ โจทก์ได้ไปเปิดบัญชีให้จำเลยเพื่อให้จำเลยออกเช็คมาใช้เงินแก่โจทก์ หลังจากนั้นจำเลยได้นำเงินสดมาชำระแก่โจทก์ การยืมเงินครั้งที่สองครั้งที่สามจำเลยออกเช็คมอบให้โจทก์ไว้ครั้งละ 1 ฉบับ ก็เพื่อเป็นประกันว่าจำเลยจะไม่โกงเงินที่จำเลยยืมไปแสดงให้เห็นว่าจำเลยได้ออกเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวมอบให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินที่จำเลยยืมไปจากโจทก์เท่านั้น เช็คพิพาท 2 ฉบับเป็นเช็คที่จำเลยมอบให้โจทก์ในการยืมเงินครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 เพื่อประกันเงินจำนวนที่จำเลยยืมไปเช่นเดียวกับเช็คฉบับก่อน ๆ โดยโจทก์จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ใช้เช็คพิพาทเป็นการชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจน, ฟ้องไม่เคลือบคลุม, เช็คชำระหนี้หรือค้ำประกัน, ทนายความไม่มีใบอนุญาต
คำฟ้องหาจำต้องระบุว่าจำเลยได้สั่งจ่ายเช็ค มอบให้แก่โจทก์เมื่อใด เป็นค่าอะไร สิ่งของนั้นจำนวนเท่าใด ไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์ จำเลยได้รับสินค้าที่สั่งซื้อจากโจทก์แล้วจำเลยฎีกาว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์เพื่อค้ำประกันการชำระหนี้ ไม่ใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและสินค้าที่โจทก์ส่งให้ก็ใช้ไม่ได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง เพื่อไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามเช็คพิพาท เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าการที่ ศ. ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ว่าความอย่างทนายความนั้น เป็นกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบข้อที่ได้จากการที่ผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ถามค้านพยานจำเลยไว้จึงรับฟังไม่ได้ และศาลอุทธรณ์ก็มิได้รับฟัง จำเลยฎีกาเพียงว่าการกระทำของ ศ. ไม่มีผลตามกฎหมาย และอ้างว่าได้แถลงคัดค้านไว้แล้ว แต่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชัดแจ้งว่าในข้อนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายไม่ถูกต้องอย่างไร หรือวินิจฉัยอย่างไรจึงจะถูกต้องเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็ค – ไม่มีมูลหนี้ – เช็คเพื่อชำระหนี้ – ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยกับ พ. ไม่มีมูลหนี้ตามเช็คต่อกัน พ. ขอยืมเช็คจากจำเลยมาเพื่อนำเข้าบัญชีแทนเงินที่ขาดบัญชีโดย จะไม่ นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน จำเลยไม่ได้ออกเช็ค เพื่อเจตนาชำระหนี้ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดฐาน ออกเช็ค โดย เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ เงินตาม เช็ค หรือโดย ขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงิน ได้หรือออกเช็ค ให้ใช้ เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้ เงิน ได้ในขณะที่ออกเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ตามปกติ ไม่ใช่เช็คประกันหนี้ ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยนำเช็คของลูกค้าจำเลยมาขายโจทก์ ต่อมาโจทก์บอกให้จำเลยนำเงินไปชำระมิฉะนั้นจะให้เจ้าพนักงานตำรวจจัดการ จำเลยจึงไปตรวจสอบหนี้สินกับโจทก์ ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เป็นเงิน 496,000 บาท จำเลยได้ชำระหนี้เป็นเงินสดบางส่วน ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 450,000 บาท โจทก์ให้จำเลยชำระเดือนละ 45,000 บาท โดยจำเลยออกเช็คให้โจทก์ไว้เช็คที่จำเลยออกให้โจทก์จึงเป็นเช็คชำระหนีตามปกติ มิใช่เช็คออกเพื่อประกันหนี้ เมื่อขึ้นเงินหรือเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยก็ต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 (1)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อให้ โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อ ศาลฎีกาจึงไม่นับโทษต่อให้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อให้ โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อ ศาลฎีกาจึงไม่นับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ไม่เป็นเช็คประกัน ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค และการไม่นับโทษต่อ
โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยไม่นับโทษต่อให้ โจทก์ไม่ฎีกา หรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อ ศาลฎีกาจึงไม่นับโทษต่อให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ตามปกติ ไม่ใช่เช็คประกันหนี้ จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยนำเช็คของลูกค้าจำเลยมาขายแก่โจทก์ ต่อมาได้มีการตรวจสอบหนี้สินกัน ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เป็นเงิน 496,000 บาทจำเลยได้ชำระหนี้เป็นเงินสดบางส่วน ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 450,000บาท โจทก์ให้จำเลยชำระเดือนละ 45,000 บาท โดยจำเลยออกเช็คให้โจทก์ไว้ เช็คที่จำเลยออกให้โจทก์นี้จึงเป็นเช็คชำระหนี้ตามปกติมิใช่เช็คออกเพื่อประกันหนี้ เมื่อขึ้นเงินหรือเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยก็ต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อให้ โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อ ศาลฎีกาจึงไม่นับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คชำระหนี้ตามปกติ ไม่ใช่เช็คประกันหนี้ ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยนำเช็คของลูกค้าจำเลยมาขายโจทก์ ต่อมาโจทก์บอกให้จำเลยนำเงินไปชำระมิฉะนั้นจะให้เจ้าพนักงานตำรวจจัดการจำเลยจึงไปตรวจสอบหนี้สินกับโจทก์ ปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เป็นเงิน 496,000 บาท จำเลยได้ชำระหนี้เป็นเงินสดบางส่วน ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 450,000 บาท โจทก์ให้จำเลยชำระเดือนละ 45,000 บาท โดยจำเลยออกเช็คให้โจทก์ไว้เช็คที่จำเลยออกให้โจทก์จึงเป็นเช็คชำระหนีตามปกติ มิใช่เช็คออกเพื่อประกันหนี้ เมื่อขึ้นเงินหรือเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยก็ต้องมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษโดยไม่ได้นับโทษต่อให้ โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อ ศาลฎีกาจึงไม่นับโทษต่อให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากเช็คชำระหนี้รายเดียวกัน: ไม่มีอำนาจฟ้องซ้ำ
จำเลยที่ 1 เคยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้าน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับและจำหน่ายคดี ต่อมาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้านแทนเช็คฉบับเดิม แต่เช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ความเสียหายของโจทก์อันสืบเนื่องมาจากมูลหนี้ค่าซื้อบ้านรายเดียวกันย่อมเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คฉบับเดิมต่อศาลและคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ถือได้ว่าความเสียหายของโจทก์ในมูลหนี้รายนี้ไม่อาจเกิดขึ้นอีกได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตามเช็คพิพาทอีก