พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและมูลนิธิกรณีขัดต่อความมั่นคงและวัฒนธรรมของชาติ และคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว
เหตุที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 1 ขีดชื่อสมาคมซึ่งโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลออกจากทะเบียนสมาคม และจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายอำเภอได้เข้าควบคุมกิจการและทรัพย์สินของสมาคมและมูลนิธิก็ เพราะสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ ฯ เพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมและมูลนิธินี้เนื่องจากร่วมกันกระทำการเป็นไปในทางนำความเสื่อมเสียมาสู่วัฒนธรรมของชาติ และร่วมกันกระทำการอันอาจเป็นภัยกับความมั่นคงของชาติ ฯลฯ พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น เมื่อคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์มีวัตถุประสงค์ที่จะให้มูลนิธิและสมาคมได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไปจึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาคุ้มครองให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและมูลนิธิ, การควบคุมทรัพย์สิน, และการขอคุ้มครองชั่วคราว
เหตุที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 1 ขีดชื่อสมาคมซึ่งโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลออกจากทะเบียนสมาคมและจำเลยที่1กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายอำเภอได้เข้าควบคุมกิจการและทรัพย์สินของสมาคมและมูลนิธิก็เพราะสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติฯเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมและมูลนิธินี้เนื่องจากร่วมกันกระทำการเป็นไปในทางนำความเสื่อมเสียมาสู่วัฒนธรรมของชาติและร่วมกันกระทำการอันอาจเป็นภัยกับความมั่นคงของชาติฯลฯพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนดังนั้น เมื่อคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์มีวัตถุประสงค์ที่จะให้มูลนิธิและสมาคมได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไปจึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาคุ้มครองให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตอาวุธปืนหลังถูกตัดสินลงโทษทางอาญา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
ศาลอาญาพิพากษาลงโทษปรับโจทก์ในความผิดฐานพกอาวุธปืนที่โจทก์มีใบอนุญาตให้มีและใช้ติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรโดยไม่มีใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนติดตัว ยิงปืนในเมืองและในที่ชุมชน แต่สั่งให้คืนปืนของกลางแก่โจทก์ ก่อนคืนปืนของกลางจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นสารวัตรสถานีตำรวจได้ทำบันทึกถึงพฤติการณ์ของโจทก์ในขณะจับกุมและผลของคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวเสนอไปยังจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นนายทะเบียนอาวุธปืนพิจารณาแล้วสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้มี หรือใช้อาวุธปืนของโจทก์ ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำตาม อำนาจและหน้าที่อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ จำเลยทั้งสองไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถกรณีขับประมาท และขอบเขตการพิจารณาโทษ
มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2508 มาตรา 13 และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59 ข้อ11 บัญญัติว่าเมื่อผู้ใดฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ศาลมีอำนาจถอนใบอนุญาตขับรถได้และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 4(14) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2508 มาตรา 3 ให้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า ใบอนุญาตขับรถ ให้หมายความว่าใบอนุญาตให้ผู้ขับทำการขับขี่หรือลากเข็นรถหรือรถรางตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถจ้างรถลาก ล้อเลื่อน การจดทะเบียนคนขับรถรางและการขนส่ง ดังนี้ ใบอนุญาตผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งสำหรับหน้าที่ผู้ขับรถยนต์ซึ่งนายทะเบียนการขนส่งออกให้แก่จำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่งจึงเป็นใบอนุญาตขับรถตามความหมายในพระราชบัญญัติจราจรทางบกเมื่อจำเลยกระทำผิดและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย (ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 66 ที่แก้ไขแล้ว) ศาลก็มีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งสำหรับหน้าที่ผู้ขับรถที่กล่าวนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ: ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเรื่องการเพิกถอนใบอนุญาต โจทก์ฎีกา แต่ฎีกาต้องห้ามตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 กระทงหนึ่งจำคุก 15 วัน และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 เดือน กับให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยเสีย โจทก์ฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ไม่ถอนใบอนุญาตขับรถ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ: ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้น, โจทก์ฎีกาแต่ถูกจำกัดสิทธิเนื่องจากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 กระทงหนึ่งจำคุก 15 วัน และตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 เดือน กับให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอให้ถอนใบอนุญาตขับรถของจำเลยเสีย โจทก์ฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่ไม่ถอนใบอนุญาตขับรถ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่: เอกชนผู้เสียหายไม่มีสิทธิขอเพิกถอนใบอนุญาต
ราษฎรที่เป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่: เอกชนผู้เสียหายไม่มีสิทธิขอเพิกถอนใบอนุญาต
ราษฎรที่เป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปตาม พ.ร.บ.ควบคุมการประกอบโรคศิลป
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปซึ่งตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลป พ.ศ. 2479 มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายนี้โดยเด็ดขาดเกี่ยวกับการสั่งพักหรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ ศาลไม่อาจเข้าไปวินิจฉัยซ้อนการวินิจฉัย ของคณะกรรมการดังกล่าว เว้นแต่จะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ผิดกฎหมาย
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่า โจทก์มีความประพฤติไม่ดี โดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชระเราเด็กหญิง แต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่เสียหาย ๆ ถอนคำร้องทุกข์ก็ดี คณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณะสุข ตารมพระราชกฤษฎีกามอบให้ ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2) ว่าให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไป แก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ได้ตาม มาตรา 9. และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวม พยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชจังหวัด ๆ เสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด
คณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปพิจารณาเห็นว่า โจทก์มีความประพฤติไม่ดี โดยต้องคำพิพากษาให้จำคุกฐานแจ้งความเท็จแต่ให้รอการลงโทษจำคุกและต้องคดีฐานข่มขืนกระทำชระเราเด็กหญิง แต่อัยการถอนฟ้อง เพราะโจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่เสียหาย ๆ ถอนคำร้องทุกข์ก็ดี คณะกรรมการถือว่า โจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ คณะกรรมการเห็นว่า โจทก์ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณะสุข ตารมพระราชกฤษฎีกามอบให้ ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14 (2) จึงมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบโรคศิลปของโจทก์ และมติของคณะกรรมการได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวงซึ่งทำการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขตามพระราชกฤษฎีกามอบให้ปลัดกระทรวงทำการแทนแล้ว ย่อมเด็ดขาดเพียงนี้ ศาลไม่อาจพิจารณาในเรื่องนี้ได้
ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการประกอบโรคศิลปฯ ไม่ได้บัญญัติให้ออกหมายเรียกผู้ถูกไต่สวนในเรื่องขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 14(2) ว่าให้ทำตามแบบฟอร์มหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหรือศาลฉะนั้น จะทำเป็นหนังสือธรรมดาแต่ให้มีข้อความว่าเรียกตัวไปไต่สวนเรื่องนี้ก็พอแล้ว
คณะอนุกรรมการมีอำนาจไต่สวนพยานหลักฐานไปฝ่ายเดียวลับหลังผู้ถูกไต่สวน เมื่อผู้ถูกไต่สวนไม่ยอมรับหนังสือ เรียกและไม่ไป แก้ข้อหาดังกล่าว
ประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการไต่สวนเรื่องโจทก์มีความประพฤติเสียหายอันจะทำให้เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ได้ตาม มาตรา 9. และเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนรวบรวม พยานหลักฐานซึ่งได้ความดังกล่าวข้างต้นผู้ช่วยอนามัยจังหวัดและอนามัยอำเภอจึงเสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชจังหวัด ๆ เสนอต่อไปยังประธานกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปเช่นนี้ เป็นการปฏิบัติตามระเบียบราชการ ไม่เป็นเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือละเมิดโจทก์ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 135/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความแจ้งความเท็จ เสื่อมเสียจริยธรรม ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
ข้อบังคับว่าด้วยมารยาตร์ทนายความ พ.ศ. 2458 ข้อ 7- 11 ทนายความทำผิดฐานแจ้งความเท็จ