พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5334/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายก่อนและภัยยังคงมีอยู่
จำเลยไม่มีสาเหตุกับผู้ตายเมื่อ อ. ซึ่งถูกผู้ตาย ไล่ฟันวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลยและผู้ตายตามมาฟัน อ. จำเลยพูดกับผู้ตายว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้เข้าช่วยเหลือ อ.ไม่ได้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ระหว่างอ.กับผู้ตาย ทั้งไม่ได้สมัครใจเข้าต่อสู้กับผู้ตายแต่อย่างใด ผู้ตายตามมาฟัน อ.ซึ่งวิ่งมาหลบอยู่หลังจำเลยเมื่ออ.หลบหนีไปแล้ว ผู้ตายใช้มีดฟันถูกบริเวณแก้มซ้ายของจำเลย แสดงว่าผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้มีดฟันถูกจำเลย จำเลยเข้าแย่งมีดได้จากผู้ตาย ผู้ตายกับพวกจะเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายหนึ่งครั้งแล้ววิ่งหนีไป เช่นนี้ฟังได้ว่าภัยที่เกิดขึ้นแก่จำเลยยังมีอยู่ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงหนึ่งครั้ง จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4952/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษาชัดเจน มิฉะนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่โดยอ้างมาในคำร้องขอว่า ถ้าจำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องจะสามารถนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ ศาลต้องมีคำพิพากษาให้จำเลยชนะคดีแน่นอนเพราะสัญญาเช่ายังไม่หมดอายุ และจำเลยไม่เคยผิดนัดชำระค่าเช่าหรือผิดสัญญาเช่าข้อหนึ่งข้อใดนั้น เป็นคำร้องขอที่ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้งว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยแพ้คดีไม่ชอบอย่างไรแม้จะกล่าวมาด้วยว่าจำเลยขอคัดค้านคำพิพากษาของศาลก็เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆหาได้คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นว่าไม่ถูกต้องอย่างไร หากได้พิพากษาคดีใหม่แล้วจำเลยจะชนะคดีได้อย่างไร ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกา: เหตุที่ฎีกาต่างจากที่อุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาความสงบเรียบร้อย
ในชั้นอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์ว่า อาคารตึกแถวของโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากฐานรากเคลื่อนตัว เพราะฐานรากอาคารตึกแถวของจำเลยลึกกว่าฐานรากอาคารตึกแถวของโจทก์ มิได้อ้างว่าเกิดจากการรื้อถอนอาคารตึกแถวหลังเก่าของจำเลย ดังนั้น ที่โจทก์ฎีกาว่า ในการก่อสร้างอาคารตึกแถวของจำเลยได้มีการรื้อถอนอาคารหลังเก่าออกก่อน โดยทุบผนังอาคารดึงเสาอาคารเดิมซึ่งติดกับเสาอาคารตึกแถวของโจทก์ออก และทุบคานคอดินอาคารตึกแถวของโจทก์ ทำให้อาคารตึกแถวของโจทก์ได้รับความเสียหายจึงเป็นการอ้างเหตุแตกต่างกับเหตุที่โจทก์อ้างในชั้นอุทธรณ์ เป็นฎีกาในข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องอ้างเหตุคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาต้องมีลักษณะคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งจะต้องอ้างเหตุว่า การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงหรือไม่รับฟังข้อเท็จจริงดังนั้นชอบหรือไม่ เพราะเหตุใด ดังนั้นที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ตามที่โจทก์นำสืบแต่ไม่ได้อ้างเหตุว่าทำไมจึงต้องฟังข้อเท็จจริงเช่นนั้น และไม่ได้คัดค้านคำพิพากษา-ศาลอุทธรณ์ เพียงแต่กล่าวว่าโจทก์ร่วมไม่เห็นด้วยโดยไม่ได้อ้างเหตุและขอให้ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นพิจารณาอีกครั้ง จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเลิกการให้เนื่องจากเนรคุณ: การกระทำของโจทก์เป็นเหตุให้จำเลยใช้คำด่า
โจทก์มิได้เป็นบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ทางสายโลหิตของจำเลยคงมีความสัมพันธ์กับจำเลยในฐานะผู้อยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ทั้งโจทก์เป็นฝ่ายก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันโดยนำหญิงอื่นเข้ามาหลับนอนในบ้านต่อหน้าจำเลย และขับไล่จำเลยออกจากบ้านซึ่งนำไปสู่การด่าโต้ตอบกัน เหตุที่จำเลยด่าโต้ตอบโจทก์ว่า "ไอ้ห่า บ้าตัณหา เลวที่สุด ไอ้หน้าหี มือถือสากปากถือศีล" ก็เพราะถูกโจทก์ข่มเหงน้ำใจอย่างรุนแรง โจทก์จะกล่าวอ้างว่าจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงเพื่อยกเป็นเหตุเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ เนื่องจากมิได้โต้แย้งเหตุเกินกำหนดเวลาอุทธรณ์ และไม่ได้ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยโดยอ้างว่าอุทธรณ์ของจำเลยมีข้อความครบถ้วนตามกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบดังนี้ ฎีกาของจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่าจำเลยมิได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายในกำหนด ทั้งเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาที่ไม่ชอบจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4471/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองจากการข่มขืน: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนข่มขู่จำเลยเข้าไปในโรงแรมที่เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายได้ปลุกปล้ำจำเลย จำเลยต่อสู้ปัดป้อง แต่สู้ไม่ได้เพราะผู้เสียหายเป็นชายมีรูปร่างสูงใหญ่ จำเลยจึงหลอกให้ผู้เสียหายวางอาวุธปืนโดยแกล้งทำเป็นสมยอม เมื่อผู้เสียหายวางอาวุธปืนไว้ที่โต๊ะข้างเตียงและถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินกลับขึ้นเตียง จำเลยจึงพลิกตัวไปหยิบอาวุธปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณทรวงอก แต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เป็นการที่จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายปลุกปล้ำกระทำอนาจารและข่มขืนกระทำชำเราจำเลย อันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อให้ตนเองพ้นจากอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและจำเลยได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ ต้องเข้าเหตุตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 เท่านั้น
การที่ผู้ให้จะถอนคืนการให้เพราะเหตุผู้รับประพฤติเนรคุณนั้นกรณีต้องเข้าเหตุใดเหตุหนึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 531 แต่ที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินที่โจทก์ยกให้แก่จำเลยโดยเสน่หาคืนโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ไม่เคยให้ความช่วยเหลือ ทำให้โจทก์ต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อนบ้านเพื่อประทังชีพนั้นไม่เข้าเหตุที่จะเรียกถอนคืนการให้ตามมาตรา 531โจทก์จึงไม่อาจฟ้องบังคับให้จำเลยโอนที่ดินคืนโจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2998/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีเดิมด้วยเหตุและเอกสารหลักฐานชุดเดียวกัน ศาลพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ในคดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ไม่มีหนังสือสัญญาค้ำประกันมาแสดง คดีถึงที่สุดโจทก์มาฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามหนังสือสัญญาค้ำประกันฉบับเดียวกับที่ฟ้องในคดีก่อน จึงเป็นการฟ้องขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม: การโต้เถียงข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษ และการป้องกันตัวที่พ้นเหตุ
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายหลังจาก จำเลยถูกผู้เสียหายยิงและใช้ปืนตีผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของ จำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษ ที่ลงแก่จำเลย ไม่ได้แก้บทมาตราและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปีดังนี้ย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะ ที่ผู้เสียหายตามเข้ามาตีจำเลยหลังจากยิงจำเลยแล้ว และเมื่อ ผู้เสียหายวิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ตามไปกอดปล้ำผู้เสียหาย โดยจำเลย ไม่ได้ถือมีดไล่ตามไปแทงการ กระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน โดยชอบด้วยกฎหมายนั้นเท่ากับ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ ศาลอุทธรณ์ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้าง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามกฎหมาย.