พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8801/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากคำเบิกความในคดีก่อนหน้าเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีอาญา และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
แม้ประจักษ์พยานโจทก์ที่เห็นเหตุการณ์ในคดีนี้ คือ นาย ณ. จะเบิกความว่า จำนาย ส. ไม่ได้แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นาย ณ. ได้เคยให้การต่อพนักงานสอบสวน และได้เบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีหมายเลขดำที่ 9326/2526 (คดีหมายเลขแดงที่ 1425/2526) ของศาลอาญา ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีที่พนักงานอัยการฟ้องนาย ส. กล่าวหาว่าร่วมกับพวกที่หลบหนีใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและเป็นคดีที่มีมูลคดีเรื่องเดียวกันกับคดีนี้ โดยนาย ณ. ได้เบิกความในคดีดังกล่าวว่า นาย ส. ได้ใช้อาวุธปืนยิงไปถูกผู้ตาย แม้คำเบิกความของนาย ณ. ดังกล่าวจะมิใช่ถ้อยคำที่ได้เบิกความไว้ในคดีนี้ก็ตาม แต่นาย ณ. ได้เบิกความยืนยันไว้ในคดีนี้โดยรับว่าได้ให้ถ้อยคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อพนักงานสอบสวนตามบันทึกคำให้การ และได้เบิกความต่อศาลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคดีดังกล่าวจริง ดังนั้น คำเบิกความของนาย ณ. ในคดี หมายเลขดำที่ 9326/2526 (คดีหมายเลขแดงที่ 1425/2526) ของศาลอาญา จึงสามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ได้เพราะเป็นพยานหลักฐานที่โจทก์อ้างและนำสืบไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7320/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ & รอการลงโทษ: คดีจัดหางาน & ฉ้อโกง แม้กรรมเดียว แต่คดีฉ้อโกงยังไม่เด็ดขาด ฟ้องซ้ำจึงไม่เป็นเหตุระงับ & มีเหตุบรรเทาโทษ
แม้ความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานฯมาตรา 91 ตรี ในคดีนี้จะเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ในคดีที่พนักงานอัยการฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่ง แต่ปรากฏในฎีกาของจำเลยเองว่า ขณะที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้คดีความผิดฐานฉ้อโกงยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นและคดีดังกล่าวเสร็จสิ้นไปเพราะศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ อันถือไม่ได้ว่าศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีนี้แล้ว ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีความผิดฐานฉ้อโกง สิทธินำคดีอาญามาฟ้อง ของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)(4)
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานฉ้อโกงเพราะจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นการบรรเทาผลร้ายให้จนเป็นที่พอใจแล้วและผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ในคดีความผิดฐานฉ้อโกงเพราะจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นการบรรเทาผลร้ายให้จนเป็นที่พอใจแล้วและผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีแก่จำเลย ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5865/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย และเหตุบรรเทาโทษจากคำรับสารภาพที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา
การที่จำเลยจับศีรษะผู้ตายกระแทกกับเนินดินจอมปลวกและใช้ไม้ตีจนกะโหลกแตกละเอียด น่าเชื่อว่าจำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในทันทีเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเท่านั้น มิใช่เพื่อให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทรมานจนกระทั่งขาดใจตาย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยกระทำทารุณโหดร้ายตาม ป.อ. มาตรา 289 (5) แต่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนตาม ป.อ. มาตรา 289 (7)
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คำรับสารภาพของจำเลยอันจะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษตาม ป.อ. มาตรา 78 ได้นั้น ต้องเป็นกรณีให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3987/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทความผิดและขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไขโทษ รวมถึงการรอการลงโทษและเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์อุทธรณ์เพียงว่าไม่ควรรอการลงโทษแก่จำเลยทั้งสอง ดังนี้ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะมีอำนาจหยิบยกปัญหาที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษไม่ถูกต้องขึ้นวินิจฉัยเอง อันเป็นการปรับบทกฎหมายที่ถูกต้องลงโทษแก่จำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กำหนดโทษที่ลงแก่จำเลยทั้งสองเสียใหม่ด้วย สูงกว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงแก่จำเลยทั้งสอง โดย โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองให้หนักขึ้น เป็นการเพิ่มเติม โทษซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1244/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานนำเข้ายาเสพติดและวัตถุออกฤทธิ์ ศาลพิจารณาโทษโดยคำนึงถึงเหตุบรรเทาโทษและพฤติการณ์จำเลย
ปัญหาว่า การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองนำเข้าซึ่งเฮโรอีน และนำเข้าซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4เป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง เฮโรอีนของกลางแต่ละก้อนถูกผสมด้วยพีโนบาร์บิตาลและไดอาซีแพม จึงเป็นวัตถุอันเดียว การที่จำเลยมีและนำเข้า ซึ่งเฮโรอีนและวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ดังกล่าวเป็นการกระทำคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียว ศาลอุทธรณ์ได้ลดโทษให้แก่จำเลยหนึ่งในสามโดยอาศัย เหตุที่คำให้การรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของศาล โดยศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกเอาปัญหา ที่จำเลยเป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญาเพราะไม่รู้หนังสือไทยและกฎหมายไทย หรือตกอยู่ในความทุกข์อย่างแสนสาหัสมาพิจารณาวินิจฉัยแต่การที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้ยกปัญหาดังกล่าวมาลดโทษให้จำเลยเพราะเห็นว่าไม่จำเป็นหรือเห็นว่าไม่ใช่เหตุ ที่จะลดโทษให้ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ดังนี้ การที่ศาลไม่ได้ลดโทษให้จำเลยโดยเหตุดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีโดยคลาดเคลื่อนต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยซึ่งเป็นชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าพนักงานของรัฐเมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดเพราะจำเลยไม่รู้หนังสือและกฎหมายไทย ไม่มีญาติพี่น้องที่จะติดต่อขอความช่วยเหลือได้ และจำเลยเป็นผู้ตกอยู่ในความทุกข์อย่างแสนสาหัส ประกอบกับจำเลยได้รับความช่วยเหลือทางด้านคดีเมื่อได้ถูกฟ้องคดีต่อศาลแล้ว โดยศาลขอแรง ทนายความ ให้แก่ต่างให้ กรณีจึงมีเหตุอันควรปรานีแก่จำเลย ศาลฎีกาเห็นควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6558/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากโทสะและความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา: เหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
การที่ผู้เสียหายอยู่กินฉันสามีภริยากับจำเลยมาก่อน แล้วต่อมา ได้หญิงอื่นเป็นภริยาและไปอยู่กับหญิงนั้น เมื่อจำเลยขอให้ไปพบ ผู้เสียหายไม่ยอมไป ในวันเกิดเหตุจำเลยพบผู้เสียหายอยู่กับหญิงอื่น โดยนุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวออกมาบอกว่าจะเลิกกับจำเลย และไล่ให้กลับบ้านทั้งยังตบหน้าอีก ย่อมเป็นการข่มเหงน้ำใจ จำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยยิงผู้เสียหายไปในทันทีในระยะเวลาต่อเนื่องที่ยังมีโทสะอยู่ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยมีเหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 แม้จำเลยจะมิได้ยกเหตุนี้ขึ้นต่อสู้ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง และเมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดและความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายแล้วเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานนี้รวมตลอดไปถึงความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯซึ่งจำเลยมิได้ฎีกาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำคุกและปรับจากความผิดฐานแปรรูปไม้โดยมีเหตุบรรเทาโทษและรอการลงโทษ
กฎหมายกำหนดอัตราโทษขั้นต่ำสำหรับความผิดที่จำเลยกระทำแต่ละกระทงไว้ให้จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีและปรับตั้งแต่ห้าพันบาทจึงลงโทษน้อยกว่านี้ไม่ได้ จำเลยมีบุตรที่ต้องอุปการะเลี้ยงดู2คนไม้ของกลางซึ่งจำเลยอ้างว่าอยู่ในที่ดินของบิดาจำเลยมีจำนวนเล็กน้อยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรรอการลงโทษจำคุกแต่เพื่อให้หลาบจำสมควรวางโทษปรับจำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินกว่ากรณี: การยิงผู้บุกรุกบ้านที่ไม่มีอาวุธ และเหตุบรรเทาโทษ
ผู้ตายไปบ้านจำเลยเพื่อตามภริยาซึ่งเป็นพี่สาวจำเลยกลับบ้านและผู้ตายกำลังจะเข้ามาทำร้ายคนในบ้านการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย4นัดโดยขณะนั้นผู้ตายไม่มีอาวุธจึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน เหตุเกิดคดีนี้เพราะผู้ตายเป็นผู้ก่อทั้งสิ้นทั้งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขู่เข็ญจะใช้อาวุธยิงพ่อตาของผู้ตายจนต้องไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้มาระงับเหตุครั้งหนึ่งแล้วจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตาม พฤติการณ์แห่งคดีสมควร รอการลงโทษให้แก่จำเลยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด5ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56โดยวางข้อกำหนดคุมประพฤติจำเลยให้จำเลยประกอบอาชีพเป็นกิจจะลักษณะให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมไม่น้อยกว่า30ชั่วโมงและให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3เดือนต่อครั้งในปีแรกและทุก1ปีต่อครั้งในระยะเวลาที่เหลือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2585/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยร่วมกระทำผิดฐานพนัน ศาลฎีกาพิจารณาความเสมอภาคในการลงโทษโดยคำนึงถึงเหตุบรรเทาโทษและภาระ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองร่วมกระทำความผิดฐานเดียวกัน ลักษณะของความผิดไม่เป็นการกระทำรายใหญ่ พฤติการณ์แห่งคดีไม่เป็นการร้ายแรงที่ศาลล่างลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยไม่รอการลงโทษ แตกต่างจากจำเลยที่ 2 โดยไม่ปรากฎเหตุผลพิเศษ จึงไม่ถูกต้อง ผู้กระทำผิดด้วยกันควรรับโทษหนักเบาเท่าเทียมกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากทะเลาะวิวาทหลังเมาสุรา ศาลฎีกายืนยันคำรับสารภาพชั้นสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ แต่จำเลยแสดงกิริยาอาการพิรุธคือหลังเกิดเหตุ เมื่อจำเลยนำผู้ตายส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ยอมอยู่แจ้งรายละเอียดต่อแพทย์ จำเลยบอกผู้อื่นว่าผู้ตายยิงตัวตายบ้าง ถูกคนร้ายลอบยิงบ้าง ตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามตัวจำเลยเดินออกมาจากป่าหลังบ้านและแจ้งว่าไปถ่ายอุจจาระแต่ก็ไม่พบร่องรอย ชั้นสอบสวนจำเลยแจ้งว่านำอาวุธปืนไปทิ้งในถ้ำข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นก็พบอาวุธปืน และพบร่องรอยการต่อสู้ที่ลานดินหน้าบ้าน เสื้อของจำเลยมีรอยฉีกขาดคล้ายถูกฟันด้วยใบเลื่อย มีรอยจุดแดง ๆ ที่หลังของจำเลยตรงกับรอยฉีกขาดของเสื้อปลอกกระสุนปืนและลูกกระสุนปืนของกลางใช้ยิงมาจากอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นของจำเลย จากลักษณะบาดแผลของผู้ตายกว้างประมาณ5-6 นิ้ว ไม่มีเขม่าดินปืนติดตัว ผู้ตายถูกยิงในระยะห่างไม่น้อยกว่า1 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ตายจะยิงตัวเอง พฤติการณ์และรูปคดีและพยานหลักฐานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวประกอบกับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย จึงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้ตามมาตรา 78 แม้ศาลชั้นต้นไม่ลดโทษให้ ศาลฎีกามีอำนาจลดโทษให้ได้