พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีถูกรัดคอและถูกทำร้ายก่อน
พวกผู้เสียหายได้เข้ามาชกต่อยทำร้ายจำเลยที่ 2 ก่อน เมื่อจำเลยที่ 1 จะเข้าช่วยก็ถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 รัดคอและเอวไว้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับฝ่ายผู้เสียหายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกันจำเลยที่ 1 ถูกรัดคอและเอวจนหายใจไม่ออก จึงใช้มีดตัดหญ้าที่ติดตัวมากวัดแกว่งไปเพื่อให้ผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3ปล่อยตน โดยไม่มีโอกาสที่จะทำให้พ้นภยันตรายที่กำลังได้รับอยู่โดยวิธีอื่น แม้มีดจะแทงถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ใต้รักแร้ขวากับหน้าท้อง และถูกผู้เสียหายที่ 3 ที่หน้าท้องก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่ 1ถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วก็ไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 เป็นการซ้ำเติมอีก การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุตามพฤติการณ์ที่ประสบอยู่ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนและการครอบครองอาวุธปืนโดยชอบด้วยกฎหมาย
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 2 นาฬิกา ผู้ตายกับพวกปล้นเอาทรัพย์สินในบ้านที่เกิดเหตุไปได้หลายอย่าง จากนั้นผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนพกพร้อมกระสุนปืนได้เข้าไปที่มุ้งของจำเลย ในขณะที่จำเลยนอนอยู่ในมุ้งแต่ผู้เดียวในกระท่อมในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ แล้วผู้ตายร้องบอกให้จำเลยนอนเงียบ ๆ จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของ ล. ภริยาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ล. มอบอาวุธปืนและกระสุนปืนให้จำเลยนำไปเฝ้าคุ้มครองดูแลทรัพย์สินรวมของจำเลยและ ล. ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยและ ล.ในขณะที่ ล. ก็อยู่ที่บ้านด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าการครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนยังอยู่กับ ล. จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดุจกัน
อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้ตายเป็นของ ล. ภริยาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้โดยชอบด้วยกฎหมาย ล. มอบอาวุธปืนและกระสุนปืนให้จำเลยนำไปเฝ้าคุ้มครองดูแลทรัพย์สินรวมของจำเลยและ ล. ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านของจำเลยและ ล.ในขณะที่ ล. ก็อยู่ที่บ้านด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าการครอบครองอาวุธปืนและกระสุนปืนยังอยู่กับ ล. จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ดุจกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันการถูกทำร้าย
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน โดยจำเลยไม่ได้สมัครใจวิวาทด้วย การที่จำเลยแทงผู้ตายเนื่องจากถูกผู้ตายใช้ขวดเปล่าขว้างถูกหน้าผากจำเลยและใช้ไม้ไผ่ตันตีทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวได้และที่ผู้ตายถูกจำเลยใช้มีดแทงถึง 3 แห่ง ที่หน้าอกซ้าย หน้าอกขวาและต้นขาซ้ายนั้นเกิดจากการชุลมุนกอดรัดกันขณะจำเลยถูกทำร้ายล้มลงแล้ว จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4284/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีฆ่าผู้อื่น
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านจำเลยในเวลากลางคืนโดยผู้ตายกอดรัดคอพาพี่สาวจำเลยขึ้นไปเป็นตัวประกัน แล้วผู้ตายเตะทำลายทรัพย์สินต่าง ๆ บนบ้าน จำเลยกับพวกจึงวิ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ในห้องนอนและปิดประตูไว้ ผู้ตายใช้เท้าถีบประตูห้องและร้องบอกให้ทุกคนออกมามิฉะนั้นจะฆ่าให้หมด ผู้ตายถีบประตูหลายครั้งจนประตูเปิดออกและจะเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตายล้มหงายลงกลางบ้านพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ตายไม่มีอาวุธและได้ความว่าผู้ตายมีอาการมึนเมาสุรามาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึง 2 นัด จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3897/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ผู้ตายเป็นสามีจำเลย ทำร้ายร่างกายจำเลยก่อนจนเซ ไปที่โต๊ะจำเลยจึงหยิบมีดปอกผลไม้ขึ้นมาขู่ แต่ผู้ตายเข้าแย่งจึงถูกมีดบาดมือผู้ตายใช้ปากกัดมือที่ถือมีดของจำเลยอย่างแรง จำเลยเหวี่ยงมือ มีดถูกคอผู้ตายโดยบังเอิญ ดังนี้ หากผู้ตายแย่งมีดได้อาจใช้ทำร้ายจำเลยถึงตาย ได้การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวสำหรับหญิงสาวที่ถูกทำร้าย: การกระทำเพื่อหยุดยั้งการคุกคามทางเพศเป็นเหตุป้องกันโดยชอบธรรม
จำเลยเป็นหญิงสาวแม้จะเคยเป็นคู่รักของผู้เสียหายมาก่อนแต่เมื่อจำเลยไม่ยินยอมผู้เสียหายย่อมไม่มีสิทธิที่จะกอดปล้ำทำมิดีมิร้ายจำเลยได้ได้ความว่าขณะที่จำเลยยืนหั่นหัวหอมอยู่ผู้เสียหายเข้ามาข้างหลังโอบกอดจำเลยสะบัดและพูดห้ามพร้อมกับแกว่งมีดผู้เสียหายไม่ยอมฟังเมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายครั้งที่สองถูกที่ทอ้งน้อยและผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยก็ไม่ได้แทงซ้ำทั้งๆที่มีโอกาสแทงได้อีกคงปล่อยให้มีดปักคาท้องผู้เสียหายแล้ววิ่งลงจากบ้านไปดังนี้การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิด.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีถูกทำร้ายก่อนและมีความประสงค์เพียงเพื่อป้องกันตนเอง
ถึงจำเลยจะได้พูดโต้เถียงกับผู้ตายที่วงสุรา เมื่อมีคนมาพาจำเลยไปเสียจากที่นั้น จำเลยก็ยอมไปโดยดี แต่ผู้ตายกลับใช้ให้จ.ตามจำเลยไป แม้จำเลยจะพูดกับ จ. เป็นทำนองชวนวิวาทกับผู้ตายจำเลยก็มิได้แสดงอาการอย่างใดให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจจะวิวาทกับผู้ตายจำเลยกลับขึ้นไปอยู่เสียบนเรือนผู้อื่น ที่เกิดยิงกันขึ้นก็เพราะผู้ตายใช้ให้คนไปตามจำเลยมา ผู้ตายชักปืนออกจ้องจะยิงจำเลย จำเลยมิได้ตอบโต้แต่หลบอยู่ข้างหลัง น. จนถูกผู้ตายยิงเอาบาดเจ็บ จำเลยก็ยังไม่ควักปืนยิงผู้ตาย คงเข้ากอดปล้ำล้มลงทั้งคู่เห็นได้ว่าจำเลยประสงค์จะมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยต่อไป มิได้สมัครใจวิวาทกับผู้ตายแต่อย่างใดต่อเมื่อผู้ตายจะยิงจำเลยซ้ำ จำเลยจึงควักปืนออกมายิงผู้ตายเพียงนัดเดียว หากจำเลยไม่กระทำดังนั้นก็คงต้องถูกผู้ตายยิงเอาถึงตายเป็นแน่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2842/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนขู่เพื่อป้องกันทรัพย์สิน ไม่เจตนาฆ่า และไม่ถือเป็นการยิงปืนโดยใช่เหตุ
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ผู้เสียหายได้กระโดดลงจาก เรือนจำเลยแล้ววิ่งหนีไป จำเลยสงสัยว่าจะเป็นคนร้ายที่ เข้ามา ขโมยสัตว์เลี้ยงที่ใต้ถุนบ้าน จึงยิงปืนขู่ไป๑ นัด เช่นนี้ ไม่ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย และการกระทำของจำเลยก็มิใช่การ ยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๖
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การแย่งมีดจากผู้ทำร้ายและใช้ป้องกันตนเอง
การที่ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนเรือนจำเลยและเงื้อมีดเข้าไปที่จำเลยนั่งอยู่ แม้จะไม่ทราบ สาเหตุที่ผู้ตายทำเช่นนั้น แต่ลักษณะท่าทางของผู้ตายที่เงื้อมีดเข้าไปหาจำเลย แสดงว่าผู้ตายเข้าไปจะแทงจำเลยซึ่งเป็นภยันตรายจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยจึงเข้าต่อสู้แย่งมีดจากผู้ตายมาได้ และในสถานการณ์เช่นนั้น จำเลยย่อมไม่มีเวลาคิดว่าจะควรใช้มีดนั้นหรือไม่เพียงใด ทั้งในขณะเดียวกันนั้นผู้ตายก็ได้ทำการต่อสู้แย่งมีดคืน อันตรายหาได้หมดไปไม่ จำเลยจึงใช้มีดนั้นแทงผู้ตายไปทันทีรวมสองครั้งในขณะที่มีการต่อสู้กันอยู่ การกระทำของจำเลยเท่าที่ได้ทำไปนั้นเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด มีดของกลางเป็นมีดของผู้ตายนำมาใช้ในการกระทำผิดให้ริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1776/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายต้องไม่เกินสมควร การสำคัญผิดคิดว่าเป็นคนร้ายไม่ใช่เหตุป้องกันเสมอไป
จำเลยใช้มีดดายหญ้าฟันผู้เสียหายโดยสำคัญผิดคิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้าย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยหาเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายเสมอไปไม่
เมื่อคดีฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยก็หาเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่
เมื่อคดีฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยก็หาเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่