พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3048/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอขยายระยะเวลาสาบานตัวในคดีอนาถา จำเป็นต้องมีเหตุผลพิเศษและชัดเจน
โจทก์ลืมเสียค่าอ้างเอกสารระหว่างพิจารณาและศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้โจทก์จัดการชำระค่าอ้างเอกสาร การที่โจทก์ทราบภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วและโจทก์ได้จัดการชำระค่าอ้างเอกสาร ขณะโจทก์ยื่นคำแก้ อุทธรณ์ก็นับว่าโจทก์ได้จัดการแก้ไขข้อหลงลืมแล้ว ไม่ทำให้การรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ถึงกับเสียไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1847/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนทรัพย์สินลูกหนี้ตามคำพิพากษา: เหตุผลพิเศษ & ขอบเขตการหมายเรียกพยาน
จำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้จำนองที่ดินเป็นเงินจำนวน30 ล้านบาท เงินจำนวนนี้อาจมีเหลืออยู่ อันเป็นเหตุผลพิเศษ ที่โจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเชื่อว่าจำเลยมีทรัพย์สินที่จะต้อง ถูกบังคับมากกว่าที่ตนทราบ จึงมีเหตุให้ศาลทำการไต่สวนและ ออกหมายเรียกจำเลยมาให้ถ้อยคำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 277 โจทก์ทราบเกี่ยวกับทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องอยู่แล้วเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องสืบเสาะหาราคาเองว่าทรัพย์ที่จำนองไว้ราคาเท่าใดและจำนองไว้เท่าใด ทั้งคำร้องของโจทก์ก็ไม่ได้เจาะจง ระบุชื่อนามสกุลบุคคลที่ขอให้ศาลหมายเรียกมา เพื่อให้ศาลได้ พิเคราะห์ถึงเหตุผลว่าบุคคลดังกล่าวจะสามารถให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์จริงหรือไม่ โจทก์จะขอให้หมายเรียกเจ้าหนี้บุริมสิทธิ ของจำเลย ผู้รับโอนและเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังมาให้ถ้อยคำไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลพิเศษ การอ้างเหตุผลทั่วไปและการไม่ส่งเอกสารประกอบคำอุทธรณ์ไม่ถือเป็นเหตุพิเศษ
ข้ออ้างของทนายจำเลยในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ว่าจำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลยกับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม และมิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลพิเศษต้องเกิดจากเหตุการณ์นอกเหนือการควบคุมของจำเลย
การที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกสิบวันโดยอ้างว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์สองวัน ทนายจำเลยที่ 2 มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันยื่นอุทธรณ์ได้นั้นถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองมิใช่มีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3789/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การยื่นฟ้องนอกภูมิลำเนาจำเลยด้วยเหตุผลพิเศษ และการใช้ดุลพินิจของศาล
จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษ แต่โจทก์ยื่นคำฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นศาลที่มูลคดีเกิด ศาลจังหวัดอุบลราชธานีมีสั่งคำร้องนี้ว่า "รวม" และรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยเพื่อแก้คดีและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อมาจนกระทั่งเสร็จการพิจารณา ถือว่าศาลจังหวัดอุบลราชธานีได้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้อง ต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2) ศาลจังหวัดอุบลราชธานีจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องยึด/อายัดทรัพย์สินซ้ำโดยไม่มีเหตุผลพิเศษ ศาลชอบที่จะยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน
โจทก์ได้ยื่นคำร้องเป็นกรณีมีเหตุฉุกเฉินขอให้ยึดหรืออายัดการทำเหมืองแร่ของจำเลย และทรัพย์สินต่าง ๆ ตามบัญชีท้ายฟ้องไว้ก่อนคำพิพากษาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็อ้างเหตุผลทำนองเดียวกันว่า จำเลยกำลังจะจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องตลอดจนอุปกรณ์การทำเหมืองแร่และรถยนต์ ในการไต่สวนคำร้องดังกล่าวครั้งแรกนั้น คำเบิกความของโจทก์เป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากพยานหลักฐานสนับสนุน กล่าวคลุม ๆ ไม่ได้ความแน่ชัดว่าจำเลยกำลังจะจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์ใดตามคำร้องให้แก่ผู้ใด เมื่อใด ยังไมได้ว่าคำขอนี้มีเหตุผลสมควรอันแท้จริงที่จะสั่งอนุญาตตามที่โจทก์ขอ เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องขออย่างเดียวกันนั้นอีก (แต่ไม่อ้างกรณีฉุกเฉิน) โดยอ้างเหตุผลในการขอทำนองเดียวกับการร้องขอครั้งแรกที่ศาลได้เคยไต่สวนไว้แล้ว โดยไม่มีเหตุผลพิเศษอื่นใดนอกเหนือไปกว่าเดิม ศาลจึงชอบที่จะสั่งยกคำร้องโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมศาลฎีกา: เหตุผลพิเศษที่ไม่สามารถชำระได้ ศาลไม่อนุญาตขยายเวลา
ทนายจำเลยยื่นฎีกาในวันสุดท้ายก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลภายใน 7 วัน โดยอ้างเหตุว่าจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลย เนื่องจากจำเลยอยู่บ้านนอก ไม่ได้มาติดต่อกับทนายจำเลยและไม่ทราบว่าจำเลยจะได้รับจดหมายที่ทนายจำเลยให้ผู้มีชื่อเขียนบอกจำเลยให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมามอบให้ทนายจำเลยแล้วหรือไม่ ดังนี้ คำร้องของทนายจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลพิเศษและยื่นคำร้องก่อนสิ้นกำหนด มิใช่ความผิดพลาดของทนาย
ที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้น เป็นการยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งขยายระยะเวลาที่ยื่นอุทธรณ์ให้แก่ผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 แต่เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขึ้นมาเมื่อสิ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ถึงเดือนเศษ จึงหาใช่เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ หากแต่เป็นความบกพร่องและผิดพลาดของผู้ร้องเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุช่วงเวลาความผิดในฟ้องอาญาที่ไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องเคลือบคลุม หากไม่มีเหตุผลพิเศษ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยวางเพลิงเผาเคหะสถานและทรัพย์สมบัติของผู้อื่นโดยกล่าวว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างวันที่ 7 ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2492 เวลากลางวัน ศาลชั้นต้นได้เรียกโจทก์มาสอบถามว่า เหตุใดจึงกล่าวในฟ้องหลายวัน โจทก์แถลงว่าเพราะกลัวจะผิดวัน เช่นนี้นับว่าโจทก์มิได้แสดงเหตุพิเศษอย่างใด ที่จะต้องกล่าวในฟ้องเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2562
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลพิเศษและสมควร ศาลพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี
การขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 จะกระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ ส่วนศาลจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาหรือไม่เป็นดุลพินิจที่จะต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป
การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม 5 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือนเศษ เป็นการแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามคำร้องของจำเลยมีพฤติการณ์พิเศษ แต่การที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในครั้งต่อ ๆ ไปอีกหรือไม่นั้น นอกจากจะต้องได้ความว่ามีพฤติการณ์พิเศษแล้วยังจะต้องมีเหตุอันสมควรอีกด้วย ซึ่งการพิจารณาว่ามีเหตุอันสมควรหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม 5 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือนเศษ และหากนับตั้งแต่วันที่จำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาที่ขอคัดถ่ายไปจากศาลชั้นต้นจนถึงวันที่ครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 5 เป็นเวลานานถึง 3 เดือนเศษ นับว่าเป็นระยะเวลาเพียงพอที่จำเลยจะเรียงอุทธรณ์ได้แล้วเสร็จ การที่จำเลยมาขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 6 อีก แสดงให้เห็นว่ามิได้ใส่ใจที่จะดำเนินการให้เสร็จลุล่วงไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยอีก
ศาลชั้นต้นอ้างเหตุในการยกคำร้องข้อหนึ่งว่า "...ข้ออ้างตามคำร้องหาใช่พฤติการณ์พิเศษไม่..." แต่เมื่ออ่านข้อความดังกล่าวประกอบข้อความอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว ก็มีความหมายเพียงว่า กรณีตามคำร้องไม่ใช่เหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยอีกต่อไปเท่านั้น
การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม 5 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือนเศษ เป็นการแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า ศาลชั้นต้นเห็นว่าตามคำร้องของจำเลยมีพฤติการณ์พิเศษ แต่การที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในครั้งต่อ ๆ ไปอีกหรือไม่นั้น นอกจากจะต้องได้ความว่ามีพฤติการณ์พิเศษแล้วยังจะต้องมีเหตุอันสมควรอีกด้วย ซึ่งการพิจารณาว่ามีเหตุอันสมควรหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่จะพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไป เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์รวม 5 ครั้ง เป็นเวลา 6 เดือนเศษ และหากนับตั้งแต่วันที่จำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาที่ขอคัดถ่ายไปจากศาลชั้นต้นจนถึงวันที่ครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 5 เป็นเวลานานถึง 3 เดือนเศษ นับว่าเป็นระยะเวลาเพียงพอที่จำเลยจะเรียงอุทธรณ์ได้แล้วเสร็จ การที่จำเลยมาขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 6 อีก แสดงให้เห็นว่ามิได้ใส่ใจที่จะดำเนินการให้เสร็จลุล่วงไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้จำเลยอีก
ศาลชั้นต้นอ้างเหตุในการยกคำร้องข้อหนึ่งว่า "...ข้ออ้างตามคำร้องหาใช่พฤติการณ์พิเศษไม่..." แต่เมื่ออ่านข้อความดังกล่าวประกอบข้อความอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว ก็มีความหมายเพียงว่า กรณีตามคำร้องไม่ใช่เหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์แก่จำเลยอีกต่อไปเท่านั้น