พบผลลัพธ์ทั้งหมด 24 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผลและการพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์เหตุแห่งการกระทำ
ในฎีกาของจำเลยยอมรับเป็นปริยายว่า นาง ว.และนางร. อยู่ที่บ้านของ ท.โดยอ้างคำเบิกความของนางว.ในข้อที่ว่าถูกท.เอาปืนจี้ห้ามมิให้ขานรับคำร้องเรียกของ ส. ด้วยเกรงว่าหญิงทั้งสองจะเป็นหน้าม้าให้คนร้ายมาปล้นทรัพย์ อันเป็นการอ้างเอาคำเบิกความของนาง ว. เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนว่ามีความระแวงว่าจะมีคนร้ายมาปล้นแต่แรก ดังนี้คำเบิกความของนาง ว.และนางร. พยานโจทก์รับฟังได้
การที่ จ. ผู้ตายถูกกระสุนปืนที่ขมับขวาจนมันสมองไหล และ อ.ผู้ตายถูกกระสุนปืนกลางศีรษะกระสุนทะลุกระโหลกศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์มาก ผู้ตายทั้งสองน่าจะสิ้นสติฟุบอยู่กับที่คือในเรือตรงที่พบศพผู้ตาย ไม่มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าผู้ตายทั้งสองขึ้นมาบนฝั่ง เมื่อถูกยิงแล้วจึงกระโดดกลับลงไปในเรือ กรณีน่าจะเป็นว่าผู้ตายทั้งสองถูกยิงขณะเรือลอยลำอยู่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยซึ่งอยู่ที่บ้านบนฝั่งและเกรงว่าฝ่ายผู้ตายจะมาปล้นทรัพย์จึงหามีไม่ การยิงของจำเลยจึงไม่ใช่การป้องกันตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แม้ท้องที่ที่เกิดเหตุจะมีการปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์กันบ่อยก็ตามอย่างไรก็ดีพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวศาลย่อมลงโทษจำเลยขั้นต่ำสุดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้
เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำไปด้วยความตื่นเต้น ตกใจหรือกลัวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา69 หรือไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
การที่ จ. ผู้ตายถูกกระสุนปืนที่ขมับขวาจนมันสมองไหล และ อ.ผู้ตายถูกกระสุนปืนกลางศีรษะกระสุนทะลุกระโหลกศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์มาก ผู้ตายทั้งสองน่าจะสิ้นสติฟุบอยู่กับที่คือในเรือตรงที่พบศพผู้ตาย ไม่มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าผู้ตายทั้งสองขึ้นมาบนฝั่ง เมื่อถูกยิงแล้วจึงกระโดดกลับลงไปในเรือ กรณีน่าจะเป็นว่าผู้ตายทั้งสองถูกยิงขณะเรือลอยลำอยู่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยซึ่งอยู่ที่บ้านบนฝั่งและเกรงว่าฝ่ายผู้ตายจะมาปล้นทรัพย์จึงหามีไม่ การยิงของจำเลยจึงไม่ใช่การป้องกันตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แม้ท้องที่ที่เกิดเหตุจะมีการปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์กันบ่อยก็ตามอย่างไรก็ดีพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวศาลย่อมลงโทษจำเลยขั้นต่ำสุดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้
เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำไปด้วยความตื่นเต้น ตกใจหรือกลัวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา69 หรือไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว การใช้กำลังเกินสมควร และการยกฟ้องอาญาเมื่อไม่มีความผิดตามกฎหมายอาวุธปืน
การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกันคำพูดของจำเลยที่ว่าการย้ายตำรวจต้องมีขั้นตอนต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชื่อให้มากนักเป็นเพียงการแสดงความเห็นในการสนทนาเท่านั้น มิได้มีข้อความใดที่เป็นการท้าทายให้ผู้ตายหรือผู้เสียหายออกมาต่อสู้ทำร้ายกับจำเลยเพียงแค่นี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทมิได้ จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตายและมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุดแล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืนปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนีแต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะ ทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1นัดแล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไปถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่าจำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาทหรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลยมีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8ทวิ และจำเลยย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯเมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธอันตราย และการพิจารณาเหตุแห่งการกระทำ
จำเลยใช้ดุ้นฟืนยาว 1 ศอก ตีศีรษะผู้ตาย 2 ทีจนกะโหลกศีรษะผู้ตายแตกยุบถึงมันสมอง เป็นการตีโดยแรงที่อวัยวะสำคัญเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายทันที ดังนี้จำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากการถูกทำร้าย: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
ขณะที่ผู้ตายนั่งรับประทานกาแฟอยู่กับ ช.ในร้านของ ท. จำเลยเข้าไปในร้าน ชวนผู้ตายไปนั่งคุยด้วย จำเลยสั่งสุรา ท. ไม่ขายให้เพราะเห็นว่าจำเลยเมาสุราแล้ว จำเลยส่งเสียงเอะอะ ผู้ตายห้ามจำเลยและบอกให้กลับบ้าน จำเลยไม่เชื่อฟัง ผู้ตายจึงถีบจำเลยกระเด็นไปนอกร้านล้มลง ผู้ตายตามออกไปจับจำเลยลุกขึ้นและชกจำเลย ช. ออกไปห้าม ผู้ตายกลับเข้าไปในร้านจำเลยตามผู้ตายไป ผู้ตายชกจำเลยออกไปนอกร้านอีก ช. ออกไปห้ามอีก ผู้ตายกลับเข้าไปนั่งในร้าน ทันใดจำเลยซึ่งยืนอยู่นอกร้านได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะที่ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงของผู้ตาย แม้ไม่ใช่การป้องกันตัว
ผู้ตายซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ได้มาซื้อสุราจากร้านจำเลยดื่ม ดื่มสุราแล้วเข้าไปแย่งตะไกรจากภรรยาจำเลยซึ่งกำลังตัดผมให้จำเลยอยู่หน้าร้ายจะตัดผมให้จำเลยเอง ทั้งผู้ตายขอเงินจากจำเลยโดยไม่ปรากฏเหตุที่จำเลยจะต้องให้เงินแก่ผู้ตายกับผู้ตายยังอ้างว่าผู้ตายซื้อสลากกินรวบจากจำเลยแล้วถูกรางวัด แต่จำเลยไม่จ่ายเงินให้ จึงเกิดโต้เถียงกัน และผ้าขาวม้าที่จำเลยนุ่งหลุด จำเลยวิ่งเข้าห้อง ขณะนั้นเองผู้ตายจับแขนและล้วงกระเป๋าเสื้อภรรยาจำเลยและขอเงินอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าโดยประเมินเหตุแห่งการกระทำและข้อต่อสู้ของผู้กระทำผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าเพื่อป้องกัน เกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60,68, 69 ให้จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า โดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60, และ 72ให้จำคุก 2 ปี เช่นนี้ เป็นการพิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะและเหตุป้องกันตัว ศาลพิจารณาเจตนาและเหตุแห่งการกระทำ
ผู้ตายด่าและตบตีจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดทำครัวซึ่งยาวทั้งตัวและด้าม 1 คืบแทงผู้ตายไป 1 ทีแล้ววิ่งหนี ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่พอฟังว่าจำเลยได้เล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยว่าผู้ถูกแทงจะถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา และพฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเพราะถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
จำเลยต่อสู้ในคำให้การว่า ทำโดยป้องกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ศาลก็ยกข้อบันดาลโทสะขึ้นอ้างเองได้
จำเลยต่อสู้ในคำให้การว่า ทำโดยป้องกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ศาลก็ยกข้อบันดาลโทสะขึ้นอ้างเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยเจตนาด้วยบันดาลโทสะ: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและความเป็นเหตุผลของบันดาลโทสะ
ผู้ตายเข้าไปในร้านของจำเลยแล้วขอเช็คดูเพื่อชำระเงินสดให้ เมื่อจำเลยส่งเช็คให้ผู้ตาย ๆ กลับฉีกเช็คนั้นทันที ครั้นจำเลยเข้าแย่งเพื่อจะเอาเช็คนั้นกลับคืน ผู้ตายยังด่าจำเลยอีก จำเลยโมโหจึงได้หยิบมีดที่อยู่ใกล้มือแทงผู้ตายไป ถูกผู้ตายเป็นบาดแผล 3 แผลถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการบันดาลโทสะ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1713/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำด้วยความบันดาลโทสะจากคำพูดข่มเหง การลดโทษตามมาตรา 72 และการพิจารณาเหตุแห่งการกระทำ
การที่จำเลยมีครรภ์กับผู้เสียหาย แล้วไปต่อว่าผู้เสียหายเรื่องที่ไม่ไปสู่ขอเลี้ยงดูเป็นภรรยาผู้เสียหายพูดโต้ตอบว่า 'มึงยอมให้กูเล่นมึงทำไม'ดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำที่ข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เพราะเกียรติยศชื่อเสียงอนาคตของลูกผู้หญิงเช่นจำเลย มิใช่เป็นอันขาดลงด้วยการปฏิเสธเฉยๆ ของผู้เสียหายเท่านั้น แต่ผู้เสียหายได้กล่าวถ้อยคำเย้ยหยันทับถมหาว่าจำเลยเป็นคนใจง่ายเข้าด้วย อันเป็นการข่มเหงน้ำใจอย่างไร้ศีลธรรม กรณีต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ที่ศาลจะลงโทษจำเลยให้น้อยลงกว่าอัตราที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นได้ ในเมื่อจำเลยได้กระทำลงไปทันใดเพราะการบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 286/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากการถูกทำร้ายและข่มเหงอย่างร้ายแรง ศาลพิจารณาเหตุแห่งการกระทำ
ผู้ตายกับนายจำปาทะเลาะกัน ภรรยาผู้ตายพูดว่านายจำปาจำเลยจึงร้องห้ามไม่ให้เข้าข้างสามีแล้วผู้ตายใช้มีดแทงจำเลย จำเลยวิ่งหนีแต่ก็ถูกชาย 2 คนในบ้านผู้ตายกลุ้มรุมตีและแทงจำเลยอีกจำเลยวิ่งกลับบ้านซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 1 เส้นเศษเอาปืนมายิงผู้ตายดังนี้ถือได้ว่า จำเลยยิงผู้ตายทันทีทันใดในขณะนั้นโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม