พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8039/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของนิติบุคคลต่างประเทศ และการรับฟังเอกสารสำเนา/ภาพถ่ายในคดีแพ่ง
แม้ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนบริษัทโจทก์และหนังสือรับรองว่าค.เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ พนักงานโนตารีปับลิกแห่งประเทศสิงคโปร์จะได้รับรองความถูกต้องและสถานฑูตไทยประจำประเทศสิงคโปร์ได้รับรองลายมือชื่อและตราประทับของพนักงานโนตารีปับลิกแห่งประเทศสิงคโปร์หลังจากที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ก็ตาม แต่ใบสำคัญจดทะเบียนบริษัทโจทก์ระบุว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์ และระบุว่า ค.เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโจทก์ตั้งแต่ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีนี้ อีกทั้ง ค. ก็ได้ลงชื่อในใบมอบอำนาจให้ น.ฟ้องคดีนี้ด้วย จำเลยที่ 1 มิได้นำสืบให้ฟังได้เป็นอย่างอื่น ย่อมฟังได้ว่าในวันที่โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์และ ค.เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์และได้มอบอำนาจให้ น.ฟ้องคดีนี้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 47 นั้น เป็นเรื่องอำนาจของศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับใบมอบอำนาจหรือใบสำคัญและเอกสารอื่น ๆในกรณีที่ศาลมีความสงสัยเท่านั้น หาใช่ว่าหากเอกสารไม่มีการรับรองจากโนตารีปับลิกจะถือว่าเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่
โทรสารใบสั่งซื้อสินค้าที่จำเลยที่ 1 ส่งถึงโจทก์ ต้นฉบับเอกสารจะอยู่ที่จำเลยที่ 1 โจทก์ได้รับโทรสารที่เป็นสำเนาเอกสาร ส่วนใบกำกับสินค้าซึ่งต้นฉบับเอกสารโจทก์ได้ส่งให้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์คงมีแต่ภาพถ่ายใบกำกับสินค้าดังนี้ เอกสารเฉพาะที่เป็นโทรสารซึ่งจำเลยที่ 1 ส่งถึงโจทก์และบริษัทในเครือของโจทก์นั้น ต้นฉบับเอกสารจึงอยู่ที่จำเลยที่ 1 ส่วนใบกำกับสินค้านั้นโจทก์มอบต้นฉบับให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้า โจทก์คงมีแต่สำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารถือได้ว่าโจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารมาได้ จึงรับฟังสำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2) ส่วนภาพถ่ายเอกสารที่เหลือซึ่งเป็นโทรสารที่โจทก์ส่งไปถึงจำเลยที่ 1 นั้น ก็เป็นเพียงการตอบโทรสารที่จำเลยที่ 1มีไปถึงโจทก์ ซึ่งแม้หากจะไม่รับฟังเอกสารนี้ ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ได้สั่งซื้อสินค้าและรับสินค้าไปจากโจทก์จริง ดังนี้ ปัญหาว่าเอกสารดังกล่าวจะรับฟังได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 หรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 47 นั้น เป็นเรื่องอำนาจของศาลในการดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับใบมอบอำนาจหรือใบสำคัญและเอกสารอื่น ๆในกรณีที่ศาลมีความสงสัยเท่านั้น หาใช่ว่าหากเอกสารไม่มีการรับรองจากโนตารีปับลิกจะถือว่าเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่
โทรสารใบสั่งซื้อสินค้าที่จำเลยที่ 1 ส่งถึงโจทก์ ต้นฉบับเอกสารจะอยู่ที่จำเลยที่ 1 โจทก์ได้รับโทรสารที่เป็นสำเนาเอกสาร ส่วนใบกำกับสินค้าซึ่งต้นฉบับเอกสารโจทก์ได้ส่งให้แก่จำเลยที่ 1 โจทก์คงมีแต่ภาพถ่ายใบกำกับสินค้าดังนี้ เอกสารเฉพาะที่เป็นโทรสารซึ่งจำเลยที่ 1 ส่งถึงโจทก์และบริษัทในเครือของโจทก์นั้น ต้นฉบับเอกสารจึงอยู่ที่จำเลยที่ 1 ส่วนใบกำกับสินค้านั้นโจทก์มอบต้นฉบับให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ซื้อสินค้า โจทก์คงมีแต่สำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารถือได้ว่าโจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับเอกสารมาได้ จึงรับฟังสำเนาหรือภาพถ่ายเอกสารได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2) ส่วนภาพถ่ายเอกสารที่เหลือซึ่งเป็นโทรสารที่โจทก์ส่งไปถึงจำเลยที่ 1 นั้น ก็เป็นเพียงการตอบโทรสารที่จำเลยที่ 1มีไปถึงโจทก์ ซึ่งแม้หากจะไม่รับฟังเอกสารนี้ ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ได้สั่งซื้อสินค้าและรับสินค้าไปจากโจทก์จริง ดังนี้ ปัญหาว่าเอกสารดังกล่าวจะรับฟังได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93 หรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4233/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานต่างภาษาและเอกสารสำเนาในคดีแพ่ง: การปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ขณะนำสืบและส่งเอกสารซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศเป็นพยาน โจทก์ไม่ได้ส่งคำแปลต่อศาลและจำเลยด้วย ในนัดต่อมาโจทก์ขอส่งคำแปลเอกสารดังกล่าวที่มีคำรับรอง ศาลอนุญาตแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 แล้ว ศาลรับฟ้องเอกสารดังกล่าวนั้นเป็นพยานได้ สำหรับสำเนาเอกสารที่โจทก์นำส่งเป็นพยานนั้น ปรากฏว่าโจทก์เบิกความว่าต้นฉบับเอกสารนั้น จำเลยได้รับคืนไปแล้ว ส่วนจำเลยเบิกความว่า ต้นฉบับอยู่ที่จำเลยหรือไม่จำไม่ได้ จึงเป็นกรณีที่ไม่สามารถนำต้นฉบับมาได้โดยประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) ศาลรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝาก: การเสนอค่าไถ่, เอกสารสำเนา, และการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยให้การว่า เนื่องจากสัญญาขายฝากเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องเสนอค่าสินไถ่เป็นเงินสด โจทก์มิได้ขอปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายหรือข้อตกลงตามสัญญาขายฝากคำให้การดังกล่าวมิได้มีข้อความใดกล่าวถึงเลยว่าฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ปัญหาที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์หรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ทั้งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะไม่รับวินิจฉัย โจทก์อ้างว่าต้นฉบับเช็คอยู่ที่ธนาคาร ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกโจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกเอกสารจากธนาคารแต่ธนาคารได้มอบสำเนาเช็คให้แก่โจทก์นำมาส่งต่อศาลชั้นต้น โดยไม่มีผู้รับรองสำเนาถูกต้อง โจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอส่งสำเนาเช็คต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้รวม สำเนาก่อนวันสืบพยานโจทก์ 1 เดือนและเมื่อโจทก์อ้างเอกสารดังกล่าวกับพยานโจทก์หลายปากเบิกความถึงเอกสารดังกล่าวจำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่มีต้นฉบับหรือว่าต้นฉบับนี้ปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน หรือสำเนานั้นไม่ถูกต้องกับต้นฉบับถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่าสำเนาอกสารนั้นถูกต้องตรงกับต้นฉบับแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวได้ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและบ้านพิพาทให้แก่โจทก์ภายใน 1 เดือนโดยไม่บังคับให้โจทก์ชำระเงินค่าไถ่ และหากไม่อาจจัดการโอนที่ดินและบ้านพิพาทให้โจทก์ได้ก็ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์แทนเป็นเงิน 550,000 บาทโดยไม่ได้หักค่าสินไถ่จำนวน 365,000 บาท ออกก่อนไม่ชอบด้วยการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 ปัญหาที่ว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนาที่คู่ความยอมรับความถูกต้อง
เอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ได้ตรวจดูและเบิกความรับรองโดยทนายจำเลยได้ส่งต้นฉบับให้โจทก์ตรวจดูแล้ว จึงขอส่งสำเนาแทนต้นฉบับ โจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าสำเนาเอกสารนี้มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับ ถือว่าโจทก์ยอมรับความถูกต้องของเอกสารนี้แล้ว แม้จะเป็นเพียงสำเนา ศาลก็รับฟังประกอบถ้อยคำของโจทก์ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนาเมื่อคู่ความไม่โต้แย้งความถูกต้อง
เอกสารที่ทนายจำเลยส่งศาลเพื่อประกอบการถามค้านตัวโจทก์ซึ่งอ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้ตรวจดูและ เบิกความรับรองโดยทนายจำเลยได้ส่งต้นฉบับให้โจทก์ตรวจดูแล้ว จึงขอส่งสำเนาแทนต้นฉบับโจทก์ก็มิได้คัดค้านว่าสำเนาเอกสารนี้ มีข้อความไม่ตรงกับต้นฉบับถือว่าโจทก์ยอมรับความถูกต้อง ของเอกสารนี้แล้ว แม้จะเป็นเพียงสำเนาศาลก็รับฟังประกอบถ้อยคำ ของโจทก์ได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานเอกสารสำเนาที่ศาลอนุญาต และการนำสืบข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากที่กล่าวอ้างในฟ้อง
แม้เอกสารที่โจทก์อ้างส่งจะเป็นสำเนา แต่โจทก์ก็ได้ส่งต้นฉบับเพื่อให้ศาลตรวจดูแล้ว และศาลอนุญาตให้โจทก์ส่งสำเนาแทนได้ จึงถือว่าสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ แต่นำสืบว่า ศ.เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ โจทก์นำสืบได้ว่า ศ. ว่าจ้างโจทก์แทนจำเลย ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ แต่นำสืบว่า ศ.เป็นผู้ว่าจ้างโจทก์ โจทก์นำสืบได้ว่า ศ. ว่าจ้างโจทก์แทนจำเลย ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารสำเนาที่เจ้าพนักงานรับรองโดยไม่ได้รับอนุญาต และการเผยแพร่เอกสารดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยถ่ายภาพจากเอกสารที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ ภาพถ่ายเอกสารที่จำเลยถ่ายมานั้น เจ้าพนักงานไม่ได้รับรองด้วยจึงไม่ใช่เอกสารราชการ แต่เป็นเพียงเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) การที่จำเลยกรอกข้อความรายการต้องหาคดีต่าง ๆ เพิ่มเติมลงไปในภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าพนักงานผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารนั้น แล้วนำเอกสารดังกล่าวไปแจกจ่ายแก่บุคคลอื่น แม้ข้อความที่กรอกเพิ่มเติมในเอกสารจะเป็นความจริง ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง และ 268 แต่ไม่เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมตาม มาตรา 265, 268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารสำเนาที่เจ้าพนักงานรับรองโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยถ่ายภาพจากเอกสารที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ภาพถ่ายเอกสารที่จำเลยถ่ายมานั้น เจ้าพนักงานไม่ได้รับรองด้วยจึงไม่ใช่เอกสารราชการ แต่เป็นเพียงเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) การที่จำเลยกรอกข้อความรายการต้องหาคดีต่าง ๆ เพิ่มเติมลงไปในภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวข้างต้น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าพนักงานผู้รับรองความถูกต้องของเอกสารนั้น แล้วนำเอกสารดังกล่าวไปแจกจ่ายแก่บุคคลอื่น แม้ข้อความที่กรอกเพิ่มเติมในเอกสารจะเป็นความจริง ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง และ 268 แต่ไม่เป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมตาม มาตรา 265,268
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1148/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสำเนาที่เจ้าพนักงานรับรองถูกต้องมีผลผูกพันทางกฎหมายใช้แทนเอกสารต้นฉบับได้
สำเนาเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานและ+ได้รับรองถูกต้องแล้ว ให้ถือว่าเป็นอื่นเพียงพอในการที่จะนำมาแสดง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากเอกสารสำเนาที่รับรองถูกต้อง โดยไม่จำต้องสืบพยานประกอบ
จำเลยอ้างต้นฉะบับรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันของสถานีตำรวจเป็นพยวานต่อศาล แต่ผู้บังคับกองตำรวจคัดสำเนาส่งมาให้โดยรับรองว่าเป็นสำเนาอันแท้จริง ดังนี้ถ้าโจทก์ มิได้คัดค้านว่าเจ้าหน้าที่คัดสำเนาผิดจากต้นฉะบับแล้ว ศาลก็ชอบที่จะฟังสำเนาเอกสารนั้น เป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 238 หาจำต้องอ้างพยานบุคคลมาสืบประกอบเอกสารที่อ้างนั้นไม่