พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งเท็จคุณสมบัติสมัครสภาจังหวัด: บิดาและวุฒิการศึกษา
คำว่า "บิดา" ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482 มาตรา 16 ทวิ, 19 หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย และบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบิดาของจำเลยเป็นคนสัญชาติจีน และรู้อยู่ว่าตนไม่จบชั้นมัธยมปีที่ 4 ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด แต่กลับแจ้งความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความในใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดว่า บิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติไทย และจำเลยจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 4 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ.2482 มาตรา 64 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482 มาตรา 64 อันเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบิดาของจำเลยเป็นคนสัญชาติจีน และรู้อยู่ว่าตนไม่จบชั้นมัธยมปีที่ 4 ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด แต่กลับแจ้งความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความในใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดว่า บิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติไทย และจำเลยจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 4 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ.2482 มาตรา 64 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482 มาตรา 64 อันเป็นบทหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จังหวัด: บิดาไม่ชอบด้วยกฎหมาย & วุฒิการศึกษา – การแจ้งเท็จมีผลทางอาญา
คำว่า "บิดา" ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ. 2482 มาตรา 19 และมาตรา 16 ทวิ หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยมีบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนสัญชาติจีนและจำเลยไม่จบชั้นมัธยมปีที่ 4 ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด แต่กลับแจ้งความอันเป็นเท็จ โดยกรอกข้อความในใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดว่า บิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยและจำเลยจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 4จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482มาตรา 64
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จังหวัด: บิดาที่ชอบ/ไม่ชอบด้วยกฎหมาย & การแจ้งเท็จเพื่อลงสมัคร
คำว่า"บิดา"ตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดฯ มาตรา16ทวิและ19หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะบทบัญญัติดังกล่าวที่กำหนด คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหาได้มุ่งถึงสถานะของผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงฝ่ายเดียวเป็นสาระสำคัญไม่แต่คำนึงถึงเชื้อชาติตามความเป็นจริง จำเลยแจ้งความอันเป็นเท็จโดยกรอกข้อความในใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดว่าบิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยและจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปี4โดยรู้อยู่ว่าไม่เป็นความจริงจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137และพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดฯมาตรา64
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จ. บิดาต่างด้าว-วุฒิการศึกษา-แจ้งเท็จ-ความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งและประมวลกฎหมายอาญา
คำว่า"บิดา"ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482มาตรา16ทวิ,19หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบิดาของจำเลยเป็นคนสัญชาติจีนและรู้อยู่ว่าตนไม่จบชั้นมัธยมปีที่4ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดแต่กลับแจ้งความอันเป็นเท็จโดยกรอกข้อความในใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดว่าบิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยและจำเลยจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่4จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482มาตรา64การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482มาตรา64อันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งเท็จประกันภัยทำให้กรมธรรม์เป็นโมฆะ และถือเป็นการฉ้อฉล
โกดังของโจทก์ที่ถูกเพลิงไหม้เป็นอาคารชั้นเดียว แต่โจทก์แจ้งเท็จแก่จำเลยที่ 1 ผู้รับประกันภัยขณะเอาประกันภัยโกดังดังกล่าวว่า เป็นอาคารสองชั้นเพื่อได้มูลค่าประกันสูงขึ้นนั้น เป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งกำหนดไว้ว่า ความรับผิดเพื่อการสูญหายหรือการเสียหายของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อผู้เอาประกันภัยเป็นอันลบล้างไปเมื่อผู้เอาประกันภัยแสดงรายการอันเป็นเท็จเพื่อจะได้มาซึ่งประโยชน์ตามกรมธรรม์ และเป็นการฉ้อฉลจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จข้อมูลประกันภัยทำให้กรมธรรม์เป็นโมฆะ ผู้เอาประกันภัยไม่ได้รับค่าสินไหม
โกดังของโจทก์ที่ถูกเพลิงไหม้เป็นอาคารชั้นเดียวแต่โจทก์แจ้งเท็จแก่จำเลยที่1ผู้รับประกันภัยขณะเอาประกันภัยโกดังดังกล่าวว่าเป็นอาคารสองชั้นเพื่อได้มูลค่าประกันสูงขึ้นนั้นเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งกำหนดไว้ว่าความรับผิดเพื่อการสูญหายหรือการเสียหายของจำเลยที่1ที่มีต่อผู้เอาประกันภัยเป็นอันลบล้างไปเมื่อผู้เอาประกันภัยแสดงรายการอันเป็นเท็จเพื่อจะได้มาซึ่งประโยชน์ตามกรมธรรม์และเป็นการฉ้อฉลจำเลยที่1จำเลยที่1จึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3229/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จในการทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ ผู้ชักชวนไม่ใช่ตัวแทนผู้รับประกัน
ผู้เอาประกันชีวิตรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่แจ้งในคำขอเอาประกันชีวิตว่าไม่เคยเป็นโรคดังกล่าว อันเป็นความเท็จสัญญาประกันชีวิตย่อมเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ.มาตรา 865 วรรคหนึ่ง
ส.เป็นผู้ชักชวนให้ ธ. ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลย แม้ ส.รู้ว่า ธ. เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็จะถือว่าจำเลยรู้เช่นนั้นด้วยไม่ได้เพราะ ส.มิได้เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน หรือเป็นตัวแทนของจำเลยผู้รับประกันชีวิต แต่เป็นเพียงผู้หาผู้ที่จะเอาประกันชีวิตและดำเนินการทำคำขอเอาประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันเท่านั้น
ส.เป็นผู้ชักชวนให้ ธ. ทำสัญญาประกันชีวิตกับจำเลย แม้ ส.รู้ว่า ธ. เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็จะถือว่าจำเลยรู้เช่นนั้นด้วยไม่ได้เพราะ ส.มิได้เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทน หรือเป็นตัวแทนของจำเลยผู้รับประกันชีวิต แต่เป็นเพียงผู้หาผู้ที่จะเอาประกันชีวิตและดำเนินการทำคำขอเอาประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3817/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจากข้อกล่าวหาแจ้งเท็จเรื่องเวลาทำงาน ผู้พิพากษาสมทบ และการอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า การมาปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานกลางของโจทก์ บางวันโจทก์มาปฏิบัติหน้าที่ช่วงเช้า บางวันมาปฏิบัติหน้าที่ช่วงบ่ายแต่โจทก์รายงานต่อจำเลยและผู้บังคับบัญชาว่า ปฏิบัติหน้าที่ทั้งวันเป็นประจำและเป็นเช่นนี้ตลอดทั้ง ๆ ที่มิได้มาปฏิบัติงานทั้งวัน ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า แม้โจทก์จะมิได้มาปฏิบัติหน้าที่ทั้งวัน แต่โจทก์ก็ไม่มีหน้าที่ต้องกลับไปปฏิบัติงานให้แก่จำเลยในช่วงเวลาส่วนที่เหลือหลังจากเสร็จการพิจารณาคดี กรณีจึงไม่เป็นการละทิ้งหน้าที่ โดยโจทก์ยกเอามติคณะรัฐมนตรีและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ขึ้นมาสนับสนุน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีและประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่โจทก์ยกขึ้นมานั้น มิได้มีหรือบัญญัติไว้ดังที่โจทก์อ้างหรืออาจแปลความเช่นนั้นได้ เป็นเรื่องที่โจทก์เข้าใจและถือเอาเองจึงเป็นการอุทธรณ์ในสิ่งที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่ามีกฎหมายบัญญัติไว้ อันจะนำไปสู่ข้อโต้แย้งว่าโจทก์มิได้ละทิ้งหน้าที่การงานอุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดิน: การครอบครองแทน การซื้อขาย การแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงาน และอายุความครอบครอง
โจทก์และสามีโจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมาจาก น. แล้วสามีโจทก์มอบที่ดินให้ ส.ครอบครองทำกินแทนแม้ต่อมาน.กับส.จะสมคบกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า น.เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทบางส่วนจนเจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออก น.ส.3 ให้ ก็เป็นการกระทำภายหลังที่ น. ได้ขายที่ดินให้โจทก์และสามีโจทก์ หาทำให้ น. กลับเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอีกไม่ น. จดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้ ส.หาทำให้ ส. มีสิทธิดีไปกว่า น. ผู้โอนไม่ และถือไม่ได้ว่าส. แย่งการครอบครองโดยเปลี่ยนลักษณะการยึดถือไปจากโจทก์และสามีโจทก์ ที่ดินพิพาทยังคงเป็นของโจทก์และสามีโจทก์ โดยมี ส.เป็นผู้ครอบครองแทน จำเลยครอบครองที่พิพาทต่อจาก ส. เป็นการสืบสิทธิของ ส. จำเลยจะครอบครองนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครองจำเลยจะอ้าง ป.พ.พ. มาตรา 1375 หาได้ไม่ โจทก์ขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่ศาลพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนการขายที่ดินบางส่วนระหว่างน. กับ ส. นั้นเป็นการเกินคำขอ และเป็นการกระทบสิทธิของ น.ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดี โจทก์ต้องไปดำเนินการเอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2918/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแจ้งเท็จ: เจ้าพนักงานผู้รับแจ้งลงชื่อรับรองข้อความเท็จ ไม่ทำให้การแจ้งเท็จของผู้อื่นขาดความผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 267ลงโทษจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า ห.เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง มิได้เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ทั้งยังใช้จำเลยเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดนั้น เป็นการประสงค์จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ว่า เจ้าพนักงานเป็นผู้กระทำผิดเสียเองอันเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเป็นยุติไว้แล้วทั้งนี้เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า ห. เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่หรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก เมื่อ ห. เป็นนายทะเบียนมีหน้าที่รับแจ้งการย้าย และได้ลงชื่อเป็นผู้รับแจ้งข้อความซึ่งเป็นข้อความเท็จตามที่จำเลยมาแจ้งแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิด การที่ ห. จะใช้ให้บุคคลใดเป็นผู้เขียนหรือจดข้อความแทน หาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้การกระทำของจำเลยขาดองค์ประกอบไม่เป็นความผิดตามป.อ. มาตรา 267 แต่อย่างใดไม่.