คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แซง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถแซงและข้ามเส้นทึบ ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและทรัพย์สินของโจทก์ร่วมและบุคคลอื่นนั้นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำความผิดฐานนี้โดยตรง จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย และไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ส่วนความผิดฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาตามลำพังได้
ปัญหาที่ว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา จะถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา390 หรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นไปทีเดียว โดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 208(2) ประกอบด้วยมาตรา 225
จำเลยขับรถยนต์แซงรถบรรทุกหินซึ่งจอดอยู่ที่ขอบถนนด้านซ้ายในเส้นทางของรถจำเลย ล้ำเข้าไปในเส้นทางของรถโจทก์ร่วมที่กำลังสวนทางมา และตรงที่เกิดเหตุมีเส้นแบ่งแนวจราจรเป็นเส้นทึบคู่ห้ามขับรถคร่อมไปตามเส้นหรือล้ำออกนอกเส้นทางไปทางขวา เพื่อป้องกันอันตราย เป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกันในเส้นทางของรถโจทก์ร่วม โดยจำเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอกับวิสัยและพฤติการณ์ โดยมองไปข้างหน้าว่ามียานพาหนะอื่นใดสวนทางมาหรือไม่ หรือหากมองไม่เห็น เพราะมีส่วนโค้งของถนนหรือสะพานบังอยู่ ก็ชอบที่จะชะลอรถให้ช้าลงเมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจึงค่อยแซงรถที่จอดอยู่ขึ้นไป ดังนี้นับว่าเป็นความประมาทของจำเลยหาใช่อุบัติเหตุไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทขับรถกินทาง-แซงรถ: ศาลฎีกาเน้นพฤติกรรมหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประมาทโดยแซงรถจักรยานและจักรยานยนต์ข้างหน้าเป็นเหตุให้ต้องวิ่งรถเลยกึ่งกลางถนนมาแล้วเกิดชนกันขึ้น ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของฟ้องว่าประมาท และเป็นต้นเหตุใกล้ชิดของการที่รถชนกันขึ้นอยู่ที่ขับรถกินทางไปทางขวาจนเกินทางของตน มิใช่การแซงรถ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้วาจำเลยขับรถกินทางไปทางขวา เกินกว่ากึ่งกลางถนนไปชนรถที่จำเลยอีกคนหนึ่งขับสวนมา แม้จะไม่มีการแซงรถก็ตรงกับฟ้องและความประสงค์ให้ลงโทษแล้ว ไม่ถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง และข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องของโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รถยนต์บรรทุกของ ถ้าไม่รับจองบรรทุกก็เป็นรถบรรทุกส่วนบุคคล ไม่ใช่รถยนต์สาธารณะ จำเลยมีใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจึงขับรถดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถประมาทแซงในที่คับขัน ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
จำเลยขับรถยนต์ประจำทาง ผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์แล่นตามหลังไปทางเดียวกัน รถของผู้เสียหายแล่นอยู่ในช่องเดินรถด้านขวา ส่วนรถของจำเลยแล่นอยู่ในช่องเดินรถด้านซ้าย รถของจำเลยได้ผ่านรถประจำทางที่จอดอยู่ออกไปทางช่องรถด้านขวาอย่างกะทันหัน โดยไม่เดินรถให้ช้าลงพอควร และไม่ได้ให้สัญญาณแตรตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 13, 32 รถของผู้เสียหายที่แล่นตามหลังไม่สามารถหลบหลีกได้ เป็นเหตุให้กะบังหน้ารถของผู้เสียหายด้านซ้ายกระแทกกันชนด้านขวาของรถของจำเลย รถของผู้เสียหายแฉลบล้มลง ตัวผู้เสียหายกระเด็นไปถูกล้อรถยนต์ซึ่งแล่นสวนทางมาดันครูดไปตามถนน ทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัส มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า "แซง" ในความหมายทั่วไปตามพจนานุกรม เมื่อไม่มีนิยามเฉพาะในกฎหมายจราจร
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยบังอาจขับรถแซงรถเมล์โดยฝ่าฝืนป้ายห้ามแซงของเจ้าพนักงานที่ติดตั้งไ้ เป็นเหตุให้ชนรถเมล์เสียหาและหมุดคอสะพานเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยขับรถสวนกับรถเมล์เหลืองแล้วเกิดชนกันเสียหาย ดังนี้ เมื่อตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ ไม่มีบทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า "แซง" ไว้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2493 คำว่า "แซง" หมายความถึงกิริยาที่แทรกหรือเสียด ซึ่งหมายความว่า เบียดเข้าไป หรือเฉียดไป เมื่อไม่มีบทกฎหมายบัญญัติความหมายไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะ ก็ต้องตีความตามความหมายธรรมดา คือ หมายถึงกิริยาแทรกหรือเสียด คือ เบียดเข้าไปหรือ เฉียดไป ตามฟ้องของโจทก์จึงมีความหมายไปในทางที่ว่า ขับรถเสียดหรือแทรกรถเมล์ได้ ซึ่งอาจจะเป็นไปในทางที่แล่นขึ้นหน้าหรือสวนกัน จะตีความหมายว่า แซง หมายถึงขับรถขึ้นหน้าแต่อย่างเดียวดังที่จำเลยโต้เถียงขึ้นมาหาได้ไม่ และตามฟ้องที่บรรยายมาก็แสดงให้เห็นอยู่ว่า รถทั้งสองคันมุ่งหน้าไปคนละทางจะสวนกันข้อเท็จจริงในการพิจารณายังเรียกไม่ได้ว่าแตกต่างกับฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'แซง' ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก: การกระทำที่เบียดเสียดหรือเฉียดไป แม้จะเป็นการสวนกัน ก็อาจเข้าข่ายได้
ฟ้องกล่าวว่า จำเลยบังอาจขับรถแซงรถเมล์โดยฝ่าฝืนป้ายห้ามแซงของเจ้าพนักงานที่ติดตั้งไว้ เป็นเหตุให้ชนรถเมล์เสียหายและหมุดคอสะพานเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยขับรถสวนกับรถเมล์เหลืองแล้วเกิดชนกันเสียหาย ดังนี้ เมื่อตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ ไม่มีบทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า "แซง" ไว้ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2493 คำว่า "แซง" หมายความถึงกิริยาที่แทรกหรือเสียด ซึ่งหมายความว่า เบียดเข้าไป หรือเฉียดไป เมื่อไม่มีบทกฎหมายบัญญัติความหมายไว้เป็นพิเศษโดยเฉพาะ ก็ต้องตีความตามความหมายธรรมดาคือหมายถึงกิริยาแทรกหรือเสียดคือเบียดเข้าไปหรือเฉียดไป ตามฟ้องของโจทก์จึงมีความหมายไปในทางที่ว่า ขับรถเสียดหรือแทรกรถเมล์ได้ ซึ่งอาจจะเป็นไปในทางที่แล่นขึ้นหน้าหรือสวนกัน จะตีความหมายว่า แซง หมายถึงขับรถขึ้นหน้าแต่อย่างเดียวดังที่จำเลยโต้เถียงขึ้นมาหาได้ไม่และตามฟ้องที่บรรยายมาก็แสดงให้เห็นอยู่ว่า รถทั้งสองคันมุ่งหน้าไปคนละทางจะสวนกัน ข้อเท็จจริงในการพิจารณายังเรียกไม่ได้ว่าแตกต่างกับฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1804/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถแซงบนสะพานแคบ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
จำเลยขับรถยนต์โดยสารซึ่งกว้างถึง 2 เมตรเศษ โดยไม่ใช้ความระมัดระวังแซงขึ้นหน้ารถกะบะลากเซ็นและรถจักรยานสองล้อบนสะพานซึ่งกว้างประมาณ 6 เมตร ขณะที่รถยนต์สองคันจะหลีกกันได้เท่านั้น เมื่อมีรถยนต์อื่นซึ่งสวนขึ้นสะพานมา จำเลยจึงเบนรถกลับเข้าไปโดนรถจักรยานสองล้อซึ่งผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ นับว่าจำเลยกระทำโดยประมาทตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแซงรถที่จอดนิ่งไม่ผิดตาม พ.ร.บ.จราจรฯ มาตรา 11 หากไม่ใช่การแซงรถที่กำลังวิ่ง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 11 มีความมุ่งหมายที่จะห้ามขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ซึ่งกำลังแล่นอยู่ตรงที่ที่ไม่ปลอดภัยดังที่ระบุไว้คือ ตรงทางร่วม ทางแยกหัวเลี้ยว ฯลฯ คำว่า เดินรถขึ้นหน้ารถคันอื่น ในมาตรานี้หมายความว่า ขับรถแซงขึ้นหน้ารถที่กำลังแล่นอยู่ด้วย
การที่จำเลยขับรถหลีกผ่านรถบันทุกดินที่ จอดนิ่งอยู่ขึ้นไปนั้น ไม่เป็นการต้องห้าม ตาม มาตรา 11 นี้ (ฎีกาที่ 1988/2497 ก็วินิจฉัยว่า มาตรา 11 พระราชบัญญัติจราจรทางบก นั้น หมายความถึงการแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นที่กำลังแล่นอยู่ มิใช่แล่นหลีกรถที่จอดอยู่ขึ้นไป)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแซงรถที่จอดนิ่งไม่ผิด พ.ร.บ.จราจร มาตรา 11 เน้นการแซงรถที่กำลังวิ่ง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มาตรา 11 มีความมุ่งหมายที่จะห้ามขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นซึ่งกำลังแล่นอยู่ตรงที่ที่ไม่ปลอดภัยดังที่ระบุไว้ คือ ตรงทางร่วม ทางแยกหัวเลี้ยวฯลฯ คำว่า "เดินรถขึ้นหน้ารถคันอื่น" ในมาตรานี้หมายความว่า ขับรถแซงขึ้นหน้ารถที่กำลังแล่นอยู่ด้วยกัน
การที่จำเลยขับรถหลีกผ่านรถบรรทุกดินที่จอดนิ่งอยู่ขึ้นไปนั้น ไม่เป็นการต้องห้ามตามมาตรา 11 นี้
(ฎีกาที่ 1988/2497 ก็วินิจฉัยว่ามาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบกนั้นหมายความถึงการแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นที่กำลังแล่นอยู่ มิใช่แล่นหลีกรถที่จอดอยู่ขึ้นไป)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขับรถแซงหลีกรถจอด กรณีไม่เข้าข่ายผิดกฎจราจร
จำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถบรรทุกของทหารที่จอดอยู่ข้างหน้านั้นเป็นการขับหลีกรถที่จอดอยู่ไปเท่านั้นย่อมจะขับหลีกไปได้ไม่ใช่การเดินรถขึ้นหน้ารถคันใดซึ่งกำลังเดินไปข้างหน้าของรถจำเลยการกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดกฎจราจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแซงในโค้งและการใช้ความระวัง: ผู้ขับขี่มีหน้าที่ระวังเป็นพิเศษเมื่อแซงในโค้ง แต่หากใช้ความระวังสมควรแล้ว ไม่ถือว่าประมาท
เมื่อมีรถจอดนิ่งอยู่กับที่แม้ตรงนั้นเป็นทางเลี้ยวโค้ง จำเลยซึ่งขับรถแล่นมาตามทางที่รถจอดอยู่ก็ชอบที่จะหลีกแซงขึ้นหน้าได้ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.11 แต่ต้องมีหน้าที่ระวังเป็นพิเศษเมื่อปรากฎว่าตรงนั้นเป็นที่โค้งทบศอก จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อเข้ามากระชั้นชิดและไม่มีทางจะหลบเลี่ยงได้ทั้งจำเลยขับรถไม่เร็วและพยายาม+ ดังนี้เป็นอันว่าจำเลยได้ใช้ความระวังสมควรกับหน้าที่แล้ว
of 3