คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
แบ่งกรรมสิทธิ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4096/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วม: ผู้รับจำนองทราบข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวม การแบ่งแยกไม่ทำให้เสียหาย
การที่ผู้ร้องรับจำนองที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้คัดค้านที่ 2 เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 โดยผู้ร้องทราบถึงข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 แม้ตามโฉนดที่ดินพิพาทและสัญญาจำนองที่ได้จดทะเบียนไว้จะมิได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทออกเป็นส่วนของผู้คัดค้านที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ว่ามีอาณาเขตอย่างไร แต่เมื่อขณะทำสัญญาจดทะเบียนจำนอง ผู้ร้องทราบว่าที่ดินพิพาทส่วนของจำเลยที่ 2 อยู่ส่วนใดย่อมแสดงว่าผู้ร้องประสงค์รับจำนองที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 2ในส่วนนั้น การจำนองจึงครอบถึงที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 2 การที่ผู้คัดค้านที่ 1 อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำโฉนดที่ดินพิพาทไปจดทะเบียนแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ตามบันทึกข้อตกลงจึงไม่เป็นการกระทำให้ผู้ร้องเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3045/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งกรรมสิทธิ์รวม และผลบังคับใช้กับจำเลยอื่น
โจทก์กับจำเลยทั้งสามมีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดินพิพาท การกำหนดลงไปในเอกสารรวมสองฉบับว่า ผู้ใดได้ที่ดินส่วนใด ย่อมเป็นการระงับข้อพิพาทอันจะมีขึ้นให้เสร็จไป เพราะเป็นการตกลงเพื่อให้เป็นที่แน่นอนไม่โต้เถียง แย่งกันเอาที่ดินส่วนนั้นส่วนนี้ ทั้งตามข้อตกลงก็ระบุว่าจะนำช่าง รังวัดทำการปักหลักเขตแสดงว่า มีการตกลงกันแน่นอนแล้วมิฉะนั้นย่อมจะนำช่าง รังวัดที่ดินเพื่อแบ่งแยกมิได้ และหลังจากรังวัดแล้วจึงจะรู้เนื้อที่ของแต่ละคนเป็นที่แน่นอน เอกสารดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 ฟ้องแย้งเป็นเรื่องจำเลยขอให้บังคับโจทก์จะขอให้บังคับจำเลยด้วยกันมิได้เพราะขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 178.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 249/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
ที่ดิน แบ่งกรรมสิทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2474

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยไม่มีหนังสือสำคัญ และการแบ่งกรรมสิทธิ์เมื่อไม่สามารถระบุช่วงเวลาการครอบครองได้
ที่ไม่มีหนังสือสำคัญขาดปกครองเกิน 1 ปี ขาดกรรมสิทธิ์
หลักวินิจฉัย โจทก์จำเลยนำสืบไม่ได้ความชัดว่าปกครองที่ดินพิพาทตอนใด ต้องตัดสินให้ที่เป็นกรรมสิทธิ์คนละครึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนจำกัดหุ้นส่วน เลิกหุ้นส่วน ชำระบัญชี การฟ้องแบ่งกรรมสิทธิ์ก่อนชำระบัญชีไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองตกลงเข้าหุ้นกันเพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์แบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 1012 อันมีลักษณะเป็นหุ้นส่วน เมื่อโจทก์ทั้งสองเห็นว่าผลกำไรที่ได้รับจากจำเลยทั้งสองน้อยกว่าที่ควรจะเป็นทำให้โจทก์ทั้งสองขาดประโยชน์จากการใช้ที่ดิน โจทก์ทั้งสองก็ชอบที่จะต้องจัดการขอให้มีการเลิกหุ้นส่วนเพื่อชำระบัญชีดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1055 ถึง 1063 ก่อน เมื่อการชำระบัญชีไม่ถูกต้องอย่างใด โจทก์ทั้งสองจึงจะมีสิทธิฟ้องคดีได้ การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยยังไม่มีการชำระบัญชีไม่อาจกระทำได้ และโจทก์ทั้งสองยังไม่มีสิทธิจะเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยทั้งสองไม่แบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เช่นกัน ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ชอบที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ มาตรา 246
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้โจทก์ทั้งสองเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพิ่ม เป็นคำสั่งที่เกี่ยวเนื่องกับคำสั่งรับหรือไม่รับฎีกา โจทก์ทั้งสองชอบที่จะคัดค้านต่อศาลฎีกาได้
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้แบ่งกรรมสิทธิ์รวมจำเลยทั้งสองให้การกล่าวแก้อธิบายถึงเหตุขัดข้องไม่อาจแบ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้โจทก์ทั้งสอง ไม่ใช่กรณีที่จำเลยทั้งสองโต้แย้งกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7166/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน: การซื้อร่วมกันและผลกระทบต่อการครอบครองและแบ่งกรรมสิทธิ์
จำเลยที่ 1 ให้การตอนแรกว่าที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 โดยซื้อมาจาก ท. และได้ใส่ชื่อ ส. ไว้แทน เพราะขณะนั้นจำเลยที่ 1 ยังเป็นคนต่างด้าวอยู่ภายหลังจึงให้ใส่ชื่อ ต. ซึ่งเป็นมารดาของโจทก์ทั้งสามไว้แทน แต่ในตอนหลังกลับให้การว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ด้วยนั้น ซึ่งหากฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแล้ว ย่อมไม่เกิดประเด็นข้อพิพาทในเรื่องการครอบครองปรปักษ์อันเป็นการครอบครองที่ดินซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ไปในตัว คำให้การของจำเลยที่ 1 ในประเด็นเรื่องการครอบครองปรปักษ์จึงขัดแย้งกันเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ แต่คำให้การของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธฟ้องโจทก์ทั้งสามว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ทั้งสาม แต่เป็นของจำเลยที่ 1 คดีคงมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 หรือโจทก์ทั้งสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6034/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินหลังแบ่งแยกการครอบครอง การแบ่งตามสัดส่วนการครอบครองมีผลเหนือส่วนเท่ากันเดิม
ผู้เป็นเจ้าของรวมกันในที่ดินจะมีส่วนเท่ากันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1357 ต้องเป็นกรณีที่ยังไม่ได้มีการแบ่งแยกการครอบครองเป็นสัดส่วน ถ้าแบ่งแยกการครอบครองออกเป็นสัดส่วนแล้ว ก็ต้องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมไปตามที่มีการครอบครอง ซึ่งอาจไม่เท่ากันก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินหลังการโอนสิทธิ - การกำหนดส่วนแบ่งต้องไม่กระทบสิทธิเจ้าของรวมอื่น
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามเพื่อขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน เมื่อแบ่งแยกที่ดินเป็นของโจทก์ตามส่วนที่ได้ถือกรรมสิทธิ์ในฐานผู้จัดการมรดกของ ฉ. แล้ว ที่ดินส่วนที่เหลือจำเลยทั้งสามและเจ้าของรวมคนอื่นๆ ยังคงถือกรรมสิทธิ์รวมกันอยู่ การจะแบ่งที่ดินที่เหลือให้เป็นส่วนของจำเลยทั้งสามแยกต่างหากจากเจ้าของรวมคนอื่นอีกหรือไม่เพียงใด ย่อมเป็นสิทธิของจำเลยทั้งสามและเจ้าของรวมคนอื่นที่ต้องว่ากล่าวกันเอง โจทก์หามีสิทธิที่จะขอให้แบ่งแยกที่ดินในส่วนของจำเลยทั้งสามออกจากที่ดินที่เหลือดังกล่าวด้วยไม่ ทั้งการกำหนดส่วนแบ่งของจำเลยทั้งสามตามคำขอของโจทก์ย่อมกระทบต่อสิทธิของเจ้าของรวมคนอื่นที่มิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีกับจำเลยทั้งสาม คำขอของโจทก์ที่ให้แบ่งแยกที่ดินเป็นของจำเลยทั้งสามจึงไม่อาจบังคับได้ เป็นผลให้ต้องยกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2566

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกแบ่งกรรมสิทธิ์รวมไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ หากไม่ได้ระบุแนวเขตและเนื้อที่ชัดเจน
บันทึกถ้อยคำเรื่องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมและแบ่งหักที่สาธารณประโยชน์มีข้อความว่า โจทก์และจำเลยทั้งสี่ตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท โดยไม่ได้ระบุว่าส่วนของเจ้าของรวมแต่ละคนมีแนวเขตตั้งแต่บริเวณใดถึงบริเวณใด จำนวนเนื้อที่เท่าใด ไม่มีลักษณะเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 โจทก์ไม่มีสิทธินำบันทึกดังกล่าวมาฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสี่แบ่งกรรมสิทธิ์รวม ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1364
of 2