คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
โจทก์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,033 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีละเมิด: การเริ่มต้นนับอายุความเมื่อโจทก์ทราบถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำละเมิด
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด จำเลยให้การต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความว่าคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ขณะโจทก์ฟ้องคดีนี้ ช. ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกได้รับมอบอำนาจให้กระทำการแทนโจทก์ การสอบสวนได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนจนถึงเจ้ากรมสารบรรณทหารบและผ่านมายังกองพระธรรมนูญ ในวันที่ 18 มีนาคม 2531 เพื่อเสนอให้ ช. อนุมัติดำเนินคดีแก่จำเลย และ ช. อนุมัติในวันที่ 26 มีนาคม 2538 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนเสนอรายงานผลการสอบสวนถึง 7 ปี การใช้เวลาในการเดินหนังสือเนิ่นนานไปจนผิดปกติเช่นนี้ โจทก์จึงควรมีพยานหลักฐานมาแสดงให้ปรากฏว่ามีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรบ้างและไปติดขัดอยู่ที่ใด ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่า โจทก์เพิ่งจะรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ 21 มีนาคม 2538 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 27 เมษายน 2538 จึงเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2178/2548 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องบังคับตัวแทนรับจำนองที่ดิน แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือก็ทำได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 810
โจทก์ให้จำเลยเป็นตัวแทนรับจำนองที่ดิน และโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยเปลี่ยนชื่อผู้รับจำนองมาเป็นชื่อโจทก์อันเป็นเรื่องตัวการฟ้องเรียกทรัพย์สินจากจำเลยซึ่งเป็นตัวแทน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 810 แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้โดยไม่ขัดต่อมาตรา 798

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2548

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีผิดสัญญาเช่า: ศาลชอบธรรมที่ห้ามเช่าช่วงเพื่อคุ้มครองสิทธิโจทก์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เนื่องจากจำเลยผิดสัญญาโดยนำทรัพย์สินไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง และยังปลูกสร้างอาคารหรือยินยอมให้ผู้อื่นปลูกสร้างอาคารในที่ดินของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณาขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามจำเลยมิให้นำทรัพย์สินของโจทก์ออกให้บุคคลอื่นเช่าช่วงและให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามจำเลยนำทรัพย์สินของโจทก์ตามฟ้องออกให้บุคคลอื่นเช่าช่วงจนกว่าคดีถึงที่สุด เป็นคำสั่งที่ออกภายในขอบเขตตามความจำเป็นเพื่อคุ้มครองโจทก์มิให้เสียหายจากการกระทำผิดสัญญาของจำเลยต่อไปจึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 254 (2) ประกอบมาตรา 255

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8794/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อและการแบ่งความรับผิดในอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อฝ่ายโจทก์ประมาทมากกว่าจำเลย สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายย่อมตกไป
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 442 ประกอบมาตรา 223 วรรคหนึ่ง เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างมีส่วนประมาท การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีสิทธิได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมากน้อยเพียงใดต้องอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาทมากกว่าจำเลยที่ 1 โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผิดมากกว่าก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายผิดน้อยกว่าให้รับผิดในความเสียหายของโจทก์ได้ จำเลยร่วมซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจึงไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7178/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่โจทก์ในคดีอาญา การไม่มาศาลตามนัด และผลของการยกฟ้อง
บทบัญญัติตาม ป.วิ.อ. มาตรา 166 และ 181 ได้กำหนดหน้าที่ของโจทก์ว่าในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี โจทก์จะต้องมาศาลตามนัด มิฉะนั้นให้ศาลยกฟ้องเสียเว้นแต่จะมีเหตุสมควรจึงจะให้เลื่อนคดีไป บทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดี จึงกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดในวันนัดสืบพยานโจทก์แม้จะมีพนักงานอัยการอื่นที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ที่ศาลชั้นต้นหาใช่มีฐานะเป็นเจ้าของสำนวนและก็หาได้มีพนักงานอัยการคนใดมาแถลงให้ศาลชั้นต้นทราบเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปไม่ โจทก์ในฐานะเป็นเจ้าของสำนวนต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในหน้าที่การงานของตนจะผลักภาระความรับผิดชอบของตนให้แก่พนักงานอัยการอื่นหาสมควรไม่ การที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดในกรณีดังกล่าว ถือเป็นความผิดพลาดบกพร่องของโจทก์เอง กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะยกคดีโจทก์ขึ้นพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5203/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยต้องรับผิดในเช็คปลอม หากไม่ได้ต่อสู้เรื่องประมาทเลินเล่อของโจทก์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยนอกประเด็นไม่ได้
จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า เช็คพิพาทเป็นของโจทก์ มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและตราประทับตรงกับตัวอย่างลายมือชื่อที่โจทก์ได้ให้ไว้แก่จำเลย จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ปล่อยปละละเลยจนเป็นเหตุให้ ว. ปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดี ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แม้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท คดีก็ไม่ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2547 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ภาษีอากรค้าง: จำเลยมีสิทธิหักเงินที่ต้องคืนให้โจทก์ได้ หากโจทก์ยังไม่ได้อนุมัติให้ทุเลาการชำระภาษี
การยึดทรัพย์สินเพื่อให้ได้รับชำระภาษีอากรค้างตาม ป. รัษฎากร มาตรา 12 ย่อมหมายความรวมถึงการนำเอาเงินที่จำเลยต้องคืนให้โจทก์มาหักกลบลบหนี้กับหนี้ภาษีอากรที่โจทก์ค้างจำเลยได้ด้วย แม้ในระหว่างนั้นโจทก์จะอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จำเลยก็มีอำนาจที่จะหักกลบลบหนี้ได้ เพราะไม่ถือว่าเป็นการทุเลาการเสียภาษีอากร ซึ่งโจทก์จะได้ทุเลาการเสียภาษีอากรต่อเมื่อโจทก์ได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากรให้รอคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือคำพิพากษาได้ เมื่อโจทก์ได้รับสิทธิในการทุเลาการเสียภาษีอากรโดยยังไม่ต้องชำระภาษีอากรจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ฉะนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะนำเงินที่จำเลยต้องคืนไปหักกลบลบหนี้กับภาษีอากรค้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4308/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องฉ้อโกงหลังพนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นการยักยอก โจทก์มีสิทธิปรับบทฟ้องได้
โจทก์ร่วมร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ พนักงานสอบสวนสอบสวนจำเลยแล้วมีความเห็นสั่งฟ้องจำเลยในข้อหายักยอก แต่โจทก์เห็นว่าการกระทำของจำเลยตามที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนเป็นความผิดฐานฉ้อโกงจึงฟ้องจำเลยในข้อหาฉ้อโกง กรณีเช่นนี้เป็นเรื่องความเห็นของโจทก์กับพนักงานสอบสวนแตกต่างกันในการปรับบทกฎหมายกับการกระทำของจำเลย ถือว่าพนักงานสอบสวนได้สอบสวนในข้อหาฉ้อโกงแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4043/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทุนทรัพย์ฎีกาไม่เกินสองแสนบาท, ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริง, การแยกคำนวณทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคน
คดีนี้โจทก์ทั้งสี่ต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวของโจทก์แต่ละคนฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวน 688,295 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสี่ตามความเสียหายของแต่ละคน ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ทั้งสี่ฎีกาขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้โจทก์ทั้งสี่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาของโจทก์ทั้งสี่จึงต้องถือตามทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคน แม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์แต่ละคนแยกกัน เมื่อทุนทรัพย์ชั้นฎีกาของโจทก์ทั้งสี่แต่ละคนไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3527/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำจากการกระทำต่อเนื่องในคดีบุกรุกป่า หากโจทก์ไม่บังคับคดีเดิม
จำเลยยึดถือครอบครองที่ดินที่เกิดเหตุตลอดมา หาได้ออกไปแล้วกลับเข้ายึดถือครอบครองใหม่ไม่ แม้จะฟังได้ว่า จำเลยแผ้วถางต้นไม้แล้วปลูกมันสำปะหลังก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากการกระทำความผิดในคดีก่อน คือการยึดถือครอบครองที่เกิดเหตุที่ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การแผ้วถางต้นไม้และขุดดินปลูกมันสำปะหลังเป็นการแสดงออกว่าจำเลยยังคงเป็นผู้ยึดถือครอบครองอยู่ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำลายและทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติขึ้นใหม่ การที่โจทก์มิได้บังคับคดีให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่เกิดเหตุในคดีก่อน แต่กลับฟ้องจำเลยในข้อหาเดียวกันนี้อีก ทั้งๆ ที่เป็นการกระทำต่อเนื่องจากคดีก่อน ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องซ้ำ
of 104