พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกเพื่อเพิ่มโทษกักกันตาม พ.ร.บ.กักกันฯ ต้องพิจารณาเป็นรายครั้ง หากยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกถึง 2 ครั้ง การเพิ่มโทษกักกันจึงไม่ชอบ
ปัญหาว่าโทษครั้งก่อนที่จำเลยกระทำผิดมาจะเข้าเกณฑ์ที่ศาลจะใช้ดุลพินิจวางโทษจำเลยฐานมีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พระราชบัญญัติกักกันฯ พ.ศ.2479 หรือไม่นั้น ถือว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายฎีกาได้
ตาม พระราชบัญญัติกักกันฯ พ.ศ.2479 มาตรา 8 ว่า บุคคลที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายจะต้องเป็นบุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งๆ คำว่า "ครั้ง" ตามมาตรานี้หมายความว่าเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วซึ่งเรียกได้ว่าครั้งที่ 1 ยังขืนไปกระทำความผิดขึ้นใหม่ และเมื่อศาลพิพากษาลงโทษสำหรับความผิดครั้งใหม่นี้จึงเป็นครั้งที่ 2 หาใช่เรื่องบุคคลที่จะทำความผิดมาแล้วหลายเรื่องหรือกระทำความผิดหลายกระทงและถูกแยกฟ้องเป็นหลายสำนวนไม่ ในกรณีเช่นนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษตามสำนวนนั้นได้เรียกได้ว่ากระทำความผิดเพียงครั้งเดียวเพราะยังมิได้กระทำความผิดอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลมาแล้ว จะเอาโทษสำหรับความผิดในเรื่องก่อนๆ มาวินิจฉัยเป็นหลายครั้งไม่ได้
ตาม พระราชบัญญัติกักกันฯ พ.ศ.2479 มาตรา 8 ว่า บุคคลที่มีสันดานเป็นผู้ร้ายจะต้องเป็นบุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งๆ คำว่า "ครั้ง" ตามมาตรานี้หมายความว่าเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้วซึ่งเรียกได้ว่าครั้งที่ 1 ยังขืนไปกระทำความผิดขึ้นใหม่ และเมื่อศาลพิพากษาลงโทษสำหรับความผิดครั้งใหม่นี้จึงเป็นครั้งที่ 2 หาใช่เรื่องบุคคลที่จะทำความผิดมาแล้วหลายเรื่องหรือกระทำความผิดหลายกระทงและถูกแยกฟ้องเป็นหลายสำนวนไม่ ในกรณีเช่นนี้เมื่อศาลพิพากษาลงโทษตามสำนวนนั้นได้เรียกได้ว่ากระทำความผิดเพียงครั้งเดียวเพราะยังมิได้กระทำความผิดอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้รับโทษตามคำพิพากษาของศาลมาแล้ว จะเอาโทษสำหรับความผิดในเรื่องก่อนๆ มาวินิจฉัยเป็นหลายครั้งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 120/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษและการงดกักกันในคดีลักทรัพย์: ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษกักกันได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 294 เพิ่มโทษและลดโทษ มีส่วนเท่ากันให้หักกลบลบกันไปคงจำคุก 1 ปี พ้นโทษแล้วให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันมีกำหนด 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ แม้คู่ความจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ก็ดี แต่เมื่อจำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อ ก.ม.ขึ้นมาศาลฎีกาแล้ว และศาลฎีกาเห็นในข้อ ก.ม.ตามศาลอุทธรณ์ก็ตาม ศาลฎีกาก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาให้งดส่งตัวจำเลยไปกักกันเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 873/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากประวัติอาชญากรรมและพฤติการณ์
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาคดีอาญาฐานลักทรัพย์มา 3 ครั้ง แต่เวลานั้นจำเลยมีอายุน้อย ศาลเรียกประกันทัณฑ์บล บ้าง ต้องขังมาพอแก่โทษบ้าง ส่งโรงเรียนดัดสันดานบ้าง ต่อมาจำเลยมากระทำผิดฐานลักทรัพย์ต้องจำคุก 4 เดือน ครั้ง 1 และต้องโทษฐานรับของโจรจำคุก 2 เดือน อีกครั้งหนึ่ง และในครั้งหลังจำเลยมากระทำผิดฐานชิงทรัพย์อีก ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย ต้องเพิ่มโทษกักกันตามมาตรา 9 แห่งพระ ราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย 2479../
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายเป็นโทษเพิ่มต่างหาก ลดหย่อนตามมาตรา 59 มิได้
แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำนั้น พร้อมกับเพิ่มโทษตาม
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 72 แล้วก็ตาม ถ้าปรากฎว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ศาลก็เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง.
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา
59 ไม่ได้./
(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 72 แล้วก็ตาม ถ้าปรากฎว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ศาลก็เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง.
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา
59 ไม่ได้./
(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย เป็นโทษเสริมจากโทษฐานความผิด ลดโทษตามมาตรา 59 ไม่ได้
แม้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำนั้น พร้อมกับเพิ่มโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 72 แล้วก็ตาม ถ้าปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายแล้ว ศาลก็เพิ่มโทษกักกันขึ้นอีกโสดหนึ่ง
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษ อันเป็นฐานความผิดจึงจะลดโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 1387/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้ต้องโทษจำคุกซ้ำ แม้พ้นโทษมานาน และการพิจารณาโทษกักกันตาม พ.ร.บ.กักกันฯ
การที่จำเลยเคยต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษามาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ครั้งนั้น ตาม พ.ร.บ.กักกันฯ พ.ศ.2479 หาได้
บัญญัติไว้ว่ากระทำแต่เมื่อใด และพ้นโทษมาแล้วนานเท่าใด แต่ได้ถือเอาความผิดที่จำเลยกระทำครั้งที่ฟ้องเป็น
หลักสำคัญ ส่วนความผิดในครั้งก่อน ๆ เพียงแต่เป็นเหตุเพื่อเพิ่มโทษกักกันอีกโสดหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะ
พ้นโทษครั้งสุดท้ายมาถึง 20 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจจะเพิ่มโทษกักกันได้.
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปี ก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป, จึงไม่เข้าอยู่ตาม ป.ม.วิ.อาญา
มาตาา 176.
บัญญัติไว้ว่ากระทำแต่เมื่อใด และพ้นโทษมาแล้วนานเท่าใด แต่ได้ถือเอาความผิดที่จำเลยกระทำครั้งที่ฟ้องเป็น
หลักสำคัญ ส่วนความผิดในครั้งก่อน ๆ เพียงแต่เป็นเหตุเพื่อเพิ่มโทษกักกันอีกโสดหนึ่งเท่านั้น ฉะนั้นแม้จำเลยจะ
พ้นโทษครั้งสุดท้ายมาถึง 20 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ศาลอาจจะเพิ่มโทษกักกันได้.
โทษกักกัน แม้จะมีถึง 10 ปี ก็ไม่ใช่เป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป, จึงไม่เข้าอยู่ตาม ป.ม.วิ.อาญา
มาตาา 176.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาโทษกักกัน แม้ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ในคดีอาญาที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี และให้กักกันมีกำหนด 7 ปี นั้นแม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืน จำเลยก็มีสิทธิฎีกาขอให้ยกหรือลดโทษกักกันได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1398/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาโทษกักกัน แม้ศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาเดิม
ในคดีอาญาที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปีและให้กักกันมีกำหนด 7 ปี นั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืน จำเลยก็มีสิทธิฎีกาขอให้ยกหรือลดโทษกักกันได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1387/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถาน ลดหย่อนตามมาตรา 59 มิได้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษอันเป็นฐานความผิดที่ได้กระทำลง ฉะนั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพศาลก็ลดทษกักกันให้ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 59 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1387/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มเติมนอกเหนือจากโทษฐานความผิด การลดโทษตามมาตรา 59 จึงใช้ไม่ได้
โทษกักกันเป็นโทษเพิ่มสถานหนึ่งต่างหากจากโทษอันเป็นฐานความผิดที่ได้กระทำลง ฉะนั้นแม้จำเลยจะรับสารภาพศาลก็จะลดโทษกักกันให้ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 59 ไม่ได้