พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินด้วยกำแพงแยกจากโรงเรือน ไม่ถือเป็นโรงเรือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยต้องรื้อถอน
เสากำแพงที่แยกต่างหากจากเสาโรงเรือน ไม่ใช่ส่วนหนึ่ง ของโรงเรือนอันจะถือเป็นโรงเรือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 วรรคแรก ฉะนั้นจำเลยจะอ้างว่าก่อสร้างกำแพงรุกล้ำโดยสุจริตไม่ต้องรื้อถอนตามบทกฎหมายดังกล่าวหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทางจำเป็น: เจ้าของที่ดินเท่านั้นที่ฟ้องได้ แม้โรงเรือนถูกล้อมก็ไม่มีสิทธิ
ผู้ที่จะได้สิทธิทางจำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมรอบหากเป็นเพียงเจ้าของโรงเรือนแม้จะถูกที่ดินอื่นล้อมก็ไม่มีสิทธิเรียกร้องทางจำเป็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4908/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดค่ารายปีโรงเรือนติดตั้งเครื่องจักร และการประเมินค่ารายปีตามดัชนีราคาผู้บริโภคที่สมเหตุสมผล
พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 13, 18
โรงเรือนรายการที่ 9 ในแบบ ภ.ร.ด.2 เป็นโรงซ่อมเครื่องจักร ช่างไม้ ซ่อมไฟฟ้า ห้องทดลอง ซึ่งมีเครื่องจักรเป็นเครื่องทดลองเครื่องซ่อมเครื่องจักร เครื่องซ่อมเครื่องช่างไม้ และมีอุปกรณ์การซ่อมไฟฟ้าตั้งอยู่ดังนั้น โรงเรือนดังกล่าวจึงมิใช่เป็นโรงเรือนธรรมดา แต่เป็นโรงเรือนที่ติดตั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการซ่อมเครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ของเครื่องจักรที่ใช้กระทำหรือกำเนิดสินค้า ถือได้ว่าเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ในการดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ได้รับการลดค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3 ตามความในมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 แล้ว บทบัญญัติดังกล่าวมิได้จำกัดไว้แต่เพียงว่าต้องเป็นเครื่องที่ใช้กระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าโดยตรงเท่านั้น จึงจะได้รับการลดค่ารายปี
ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งกองระดับราคากรมเศรษฐกิจการพาณิชย์กระทรวงการคลัง เป็นผู้จัดทำขึ้นเฉพาะหมวดเคหสถาน แบ่งออกเป็น 2 ส่วนส่วนที่ 1 เป็นค่าเช่าเคหสถาน ส่วนที่ 2 เป็นราคาวัสดุก่อสร้าง การสำรวจค่าเช่าเคหสถานจะดำเนินการสำรวจเดือนละ 1 ครั้ง การจัดกลุ่มสำรวจในกรุงเทพมหานครจัดกลุ่มตามชื่อเขตต่าง ๆ ระหว่างปี 2522 ถึงปี 2532 ดัชนีดังกล่าวมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นรายปีตั้งแต่ปี 2522 ถึงปี 2532 และกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องการตรวจสอบระดับราคาผู้บริโภคตามหมวดต่าง ๆ ดังกล่าวรวมทั้งค่าเช่าเคหสถาน และได้บันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้อ้างอิง การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าเช่าและค่ารายปีที่ปรากฏในดัชนี ราคาผู้บริโภคหมวดเคหสถานนี้ จึงเป็นอัตราที่มีเหตุผลและตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 18 ที่บัญญัติว่า "ค่ารายปีของปีที่ล่วงแล้วนั้นท่านให้เป็นหลักสำหรับการคำนวณค่าภาษีซึ่งจะต้องเสียในปีต่อมา" นั้นมีความหมายเพียงว่า ให้นำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วมาเป็นหลักหรือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีในปีต่อมาเท่านั้น แต่มิใช่เป็นการบังคับให้ต้องถือตามนั้นเสมอไป อีกทั้งในคดีนี้การประเมินค่ารายปีสำหรับโรงเรือนของโจทก์ในปี 2531โจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังโต้แย้งกันอยู่ ยังไม่ยุติว่าจะถูกต้องเพียงใด จึงไม่อาจที่จะนำค่ารายปีของปี 2531 มาเป็นหลักในการคำนวณภาษีของปี 2532 ได้ดังนั้น การที่โจทก์นำค่ารายปีสำหรับโรงเรือนของโจทก์ในปี 2522 ในปี 2527และในปี 2529 ซึ่งโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ได้โต้แย้งและยุติแล้วมาเป็นหลักในการคำนวณภาษีตามดัชนีราคาผู้บริโภคดังกล่าวข้างต้น จึงไม่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา 18 ดังกล่าวข้างต้น โรงเรือนทั้ง 5 รายการที่พิพาทเป็นโรงเก็บสินค้า มีลักษณะการใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อได้พิจารณาถึงสภาพของโรงเรือนและลักษณะการใช้สอยแล้วเห็นว่ามีสภาพและลักษณะคล้ายคลึงกัน คือเป็นโรงใช้สำหรับเก็บสินค้า ค่ารายปีจึงควรเท่ากัน การที่จำเลยทั้งสองคำนึงเฉพาะสภาพหรือลักษณะที่เป็นโรงหรือเป็นตึกโดยไม่คำนึงถึงข้ออื่น แล้วประเมินค่ารายปีสำหรับโรงเรือนที่เป็นตึกสูงกว่าโรงเรือนที่เป็นโรงสีจึงไม่ชอบด้วยเหตุผล
โรงเรือนรายการที่ 9 ในแบบ ภ.ร.ด.2 เป็นโรงซ่อมเครื่องจักร ช่างไม้ ซ่อมไฟฟ้า ห้องทดลอง ซึ่งมีเครื่องจักรเป็นเครื่องทดลองเครื่องซ่อมเครื่องจักร เครื่องซ่อมเครื่องช่างไม้ และมีอุปกรณ์การซ่อมไฟฟ้าตั้งอยู่ดังนั้น โรงเรือนดังกล่าวจึงมิใช่เป็นโรงเรือนธรรมดา แต่เป็นโรงเรือนที่ติดตั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการซ่อมเครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ของเครื่องจักรที่ใช้กระทำหรือกำเนิดสินค้า ถือได้ว่าเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ในการดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ได้รับการลดค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3 ตามความในมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 แล้ว บทบัญญัติดังกล่าวมิได้จำกัดไว้แต่เพียงว่าต้องเป็นเครื่องที่ใช้กระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าโดยตรงเท่านั้น จึงจะได้รับการลดค่ารายปี
ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งกองระดับราคากรมเศรษฐกิจการพาณิชย์กระทรวงการคลัง เป็นผู้จัดทำขึ้นเฉพาะหมวดเคหสถาน แบ่งออกเป็น 2 ส่วนส่วนที่ 1 เป็นค่าเช่าเคหสถาน ส่วนที่ 2 เป็นราคาวัสดุก่อสร้าง การสำรวจค่าเช่าเคหสถานจะดำเนินการสำรวจเดือนละ 1 ครั้ง การจัดกลุ่มสำรวจในกรุงเทพมหานครจัดกลุ่มตามชื่อเขตต่าง ๆ ระหว่างปี 2522 ถึงปี 2532 ดัชนีดังกล่าวมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นรายปีตั้งแต่ปี 2522 ถึงปี 2532 และกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องการตรวจสอบระดับราคาผู้บริโภคตามหมวดต่าง ๆ ดังกล่าวรวมทั้งค่าเช่าเคหสถาน และได้บันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้อ้างอิง การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าเช่าและค่ารายปีที่ปรากฏในดัชนี ราคาผู้บริโภคหมวดเคหสถานนี้ จึงเป็นอัตราที่มีเหตุผลและตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 18 ที่บัญญัติว่า "ค่ารายปีของปีที่ล่วงแล้วนั้นท่านให้เป็นหลักสำหรับการคำนวณค่าภาษีซึ่งจะต้องเสียในปีต่อมา" นั้นมีความหมายเพียงว่า ให้นำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วมาเป็นหลักหรือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษีในปีต่อมาเท่านั้น แต่มิใช่เป็นการบังคับให้ต้องถือตามนั้นเสมอไป อีกทั้งในคดีนี้การประเมินค่ารายปีสำหรับโรงเรือนของโจทก์ในปี 2531โจทก์กับจำเลยที่ 1 ยังโต้แย้งกันอยู่ ยังไม่ยุติว่าจะถูกต้องเพียงใด จึงไม่อาจที่จะนำค่ารายปีของปี 2531 มาเป็นหลักในการคำนวณภาษีของปี 2532 ได้ดังนั้น การที่โจทก์นำค่ารายปีสำหรับโรงเรือนของโจทก์ในปี 2522 ในปี 2527และในปี 2529 ซึ่งโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ได้โต้แย้งและยุติแล้วมาเป็นหลักในการคำนวณภาษีตามดัชนีราคาผู้บริโภคดังกล่าวข้างต้น จึงไม่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา 18 ดังกล่าวข้างต้น โรงเรือนทั้ง 5 รายการที่พิพาทเป็นโรงเก็บสินค้า มีลักษณะการใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อได้พิจารณาถึงสภาพของโรงเรือนและลักษณะการใช้สอยแล้วเห็นว่ามีสภาพและลักษณะคล้ายคลึงกัน คือเป็นโรงใช้สำหรับเก็บสินค้า ค่ารายปีจึงควรเท่ากัน การที่จำเลยทั้งสองคำนึงเฉพาะสภาพหรือลักษณะที่เป็นโรงหรือเป็นตึกโดยไม่คำนึงถึงข้ออื่น แล้วประเมินค่ารายปีสำหรับโรงเรือนที่เป็นตึกสูงกว่าโรงเรือนที่เป็นโรงสีจึงไม่ชอบด้วยเหตุผล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1760/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเผาโรงเรือนที่อยู่อาศัย แม้ไม่สำเร็จผล ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) ประกอบ มาตรา 80
จำเลยใช้น้ำมันเบนซินราดที่พื้นซีเมนต์หน้าประตูและที่ประตูเข้าบ้านชั้นล่างของผู้เสียหายแล้วใช้ไม้ขีดจุดจนเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้พื้นซีเมนต์และประตูหน้าบ้านลุกลามไปเผาผนังซีเมนต์กระจกหน้าต่างและเสื้อผ้าของผู้เสียหายพฤติการณ์เช่นนี้หาเป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้เพลิงไหม้บ้านของผู้เสียหายได้หากชาวบ้านไม่ช่วยดับเพลิงไว้ทันท่วงทีบ้านของผู้เสียหายก็ต้องถูกเพลิงไหม้วอดหมดการกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลมิใช่เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำหรือเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งกระทำต่อกรณีจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา80ไม่ใช่มาตรา81
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6738/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่า และวางเพลิงเผาโรงเรือน จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา
จำเลยใช้ของเหลวไวไฟเทราดผู้ตายตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงฟื้นห้องของเหลวไวไฟดังกล่าวเป็นวัตถุไวไฟที่ร้ายแรงติดไฟได้ง่ายและสามารถลุกลามไปได้ทั้งร่างกาย เมื่อเทของเหลวไวไฟแล้วจำเลยใช้ไฟแช็กจุดไฟที่ต้นคอผู้ตาย ก่อให้ไฟไหม้ตามตัวของผู้ตายร้อยละ90 ของร่างกาย จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลที่จะฆ่าผู้ตาย จำเลยได้ขอซื้อไฟแช็คจากส. ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพื่อนจำเลยห้ามไม่ให้ ส.ขายให้ทั้งจำเลยเป็นผู้ริเริ่มโทรศัพท์นัดให้ ค.และผู้ตายไปตกลงเรื่องชู้สาวในวันเกิดเหตุและตระเตรียมการซื้อไฟแช็กเพื่อประสงค์ใช้ในการจุดไฟการกระทำของจำเลยชี้ให้เห็นว่าจำเลยได้คิดทบทวนล่วงหน้าก่อนจะกระทำผิดแล้วจำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะจำเลยใช้ของเหลวไวไฟเทราดไปที่ผู้ตายนั้น โจทก์ร่วมที่ 2 ลุกจากที่นั่งมาที่ผู้ตายห่างเพียง 1 เมตร จะเข้าไปห้ามปรามจำเลย แต่กลับรู้สึกตัวว่ามีไฟลุกไหม้ที่หน้าตามลำตัวด้านหน้าและที่มือทั้งสองข้าง อันเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ใช้ของเหลวไวไฟเทราดผู้ตายแล้วของเหลวไวไฟกระเด็นไปถูกตัวโจทก์ร่วมที่ 2ด้วย ทำให้โจทก์ร่วมที่ 2 ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าและตามลำตัวด้านหน้าใช้เวลารักษา 5 เดือน ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาฆ่าแก่โจทก์ร่วมที่ 2 ซึ่งได้รับผลร้ายจากการกระทำนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 ด้วย เมื่อโจทก์ร่วมที่ 2 ไม่ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ที่ 2 โดยไตร่ตรองไว้ก่อนอีกบทหนึ่ง จำเลยใช้ของเหลวไวไฟเทราดและจุดไฟให้ลุกไหม้ผู้ตายขณะอยู่ในห้องทำงานของโจทก์ร่วมที่ 2 บนชั้นสองของตึกแถวที่เกิดเหตุซึ่งเป็นโรงเรือนที่พักอาศัยและเป็นโรงเรียนสอนตัดเสื้อของโจทก์ที่ 1 ปรากฏว่านอกจากไฟจะลุกไหม้ผู้ตาย และโจทก์ร่วมที่ 2 แล้วยังลุกไหม้โต๊ะ เก้าอี้ และพื้นห้องของโจทก์ร่วมที่ 1 ดังกล่าวเสียหาย ซึ่งเห็นได้ว่าโดยลักษณะแห่งการกระทำของจำเลยเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลการกระทำของจำเลยดังกล่าวได้ว่า ไฟต้องลุกไหม้ขึ้นภายในอาคารตึกแถวที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยมีเจตนาวางเพลิงเผาโรงเรือนของโจทก์ร่วมที่ 1 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: การพิจารณาโรงเรือนที่มีส่วนควบเป็นเครื่องจักรกลไก
เมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่า ค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้น มีอัตราแตกต่างกัน อันจะทำให้การที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำจำนวนที่ดินทั้งหมดมารวมคิดค่ารายปีในอัตราเคียงกันเป็นการไม่ถูกต้อง ดังนั้น การที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 คิดค่ารายปีจากจำนวนที่ดิน ที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดรวมกัน ในอัตราเดียวกันแล้วประเมินค่าภาษีในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี จึงเป็นการชอบ โมบายออฟฟิศ มีเพียงแผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงาน ของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีต ผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็นอุตสาหกรรมของโจทก์ ความสำคัญ อยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต หาใช่อยู่ที่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุม การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตไม่ เมื่อเครื่องจักรผสมคอนกรีต อันเป็นส่วนที่มีลักษณะสำคัญเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ มิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุม การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ โมบายออฟฟิศ จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 ที่จะได้รับลดค่ารายปีลงเหลือ หนึ่งในสาม ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่ เป็นฐานติดตรึง กับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง เป็นส่วนควบอยู่ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับ ให้เครื่องจักรผสมคอนกรีตได้ติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ ทรัพย์สินดังกล่าวจึงไม่เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ ห้องปั๊มลมนั้น สภาพของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลม ไว้มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดติดกับพื้นคอนกรีตมีประตูทางเข้า 1 บานภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไก ที่สนับสนุน การทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับพื้นคอนกรีต สภาพ ดังกล่าวจึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกันเครื่องปั๊มลม เท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้ซึ่งสิ่งของคล้าย โรงเรือนไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ สายพานลำเลียงปูนซีเมนต์มีสภาพเป็นสายพานลำเลียงแขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึง อยู่กับพื้นคอนกรีตในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็น เครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ไม่ โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้านมีหลังคาคลุม เป็นพื้นที่ขนาด 10.30x12 เมตร โครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึง กับพื้นคอนกรีตอย่างมั่นคงแข็งแรง มีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึง อยู่ กับพื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซิเมนต์ ด้วยรอก ร้อย โซ่ มีมอเตอร์ ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียงปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บ สำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตในการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ จำหน่ายคานรอก โซ่ สายพานลำเลียงและมอเตอร์ ไฟฟ้าพร้อมล้อ ดังกล่าวประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก ในการส่งด้วยแรงได้จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่สำคัญเพื่อใช้ ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้ง ส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกจึงถือได้ว่า เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ ที่ลักษณะเป็น เครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ขึ้นใน โรงเรือนนั้น ตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13ต้องลดค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน: การพิจารณาโรงเรือนที่มีเครื่องจักรกลไกและการลดหย่อนภาษี
โจทก์ยอมรับในคำฟ้องว่า ที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดมีเนื้อที่ 4,090.99 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2528และ พ.ศ. 2529 กับมีเนื้อที่ 3,870.05 ตารางเมตร สำหรับปี พ.ศ. 2531เพียงแต่อ้างว่าที่ดินที่โจทก์ใช้ ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย ควรมีเนื้อที่เพียง 324.56 เมตร ที่เหลือนอกนั้นเป็นที่ดินที่โจทก์ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนและ สิ่งปลูกสร้างอื่น แต่มิได้กล่าวอ้างในคำฟ้องว่าค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขายและที่ใช้ต่อเนื่อง กับโรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่นนั้นมีอัตราแตกต่างกัน โจทก์ย่อมมี หน้าที่จะ ต้องชำระค่าภาษีปีละครั้งตามค่ารายปีของที่ดินที่ใช้ ต่อเนื่องกับโรงเรือนสำนักงานขาย และที่ใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือน และสิ่งปลูกสร้างอื่นทั้งหมดในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ. 2475 มาตรา 8พระราชบัญญัติ ญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า"ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะ เป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อ ใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม...ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมิน ท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสาม..." ดังนี้ เครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าที่ติดตั้งนั้น ต้องติดตั้ง ในโรงเรือน และเป็นส่วนควบ อันสำคัญ โมบายออฟฟิศ มีเพียง แผงสวิตซ์ สำหรับควบคุมการทำงาน ของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง อยู่เท่านั้น แต่การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเพื่อจำหน่ายอันเป็น อุตสาหกรรมของโจทก์ ความสำคัญอยู่ที่เครื่องจักรผสมคอนกรีต ซึ่งมิได้ติดตั้งในโมบายออฟฟิศ ลำพังแต่แผงสวิตช์สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตจึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญ มี ลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ตามความหมายของบทกฎหมายดังกล่าว ที่วางเครื่องจักรผสมคอนกรีต มีสภาพเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นฐานติดตรึง กับพื้นดินโดยมีเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้ง เป็นส่วนควบอยู่ ตอนบนเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นโรงเรือนสำหรับ ให้เครื่องจักร ผสมคอนกรีตติดตั้งเป็นส่วนควบเข้าด้วยไม่ จึงไม่เป็น โรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของโจทก์ ห้องปั๊มลม มีผนังของห้องทั้งสี่ด้านและด้านบนทำด้วยแผ่นเหล็กมีรูปลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ครอบเครื่องปั๊มลมไว้มุมฝาทั้งสี่ด้านมีขาเหล็กยึดกับพื้นคอนกรีต มีประตูทางเข้า 1 บาน ภายในห้องมีเครื่องปั๊มลมอันเป็นเครื่องจักรกลไกที่ สนับสนุนการทำงานของเครื่องจักรผสมคอนกรีตติดตั้งอยู่กับ พื้นคอนกรีต ห้องปั๊มลมจึงเป็นเพียง สิ่งปลูกสร้างสำหรับคุ้มกัน เครื่องปั๊มลมเท่านั้น หาได้มีสภาพเป็นที่สำหรับอยู่หรือไว้สิ่งของคล้ายโรงเรือนไม่ ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้ง ส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อดำเนินการ อุตสาหกรรม ของ โจทก์ สายพานลำเลียงปูนซิเมนต์มีสภาพเป็นสายพานลำเลียง แขวนอยู่บนคานเหล็กซึ่งมีขาตั้งเป็นเหล็กติดตรึงอยู่ กับพื้นคอนกรีต ในที่โล่ง ไม่มีฝาหรือหลังคาคลุม จึงมีสภาพเป็นเพียง สิ่งปลูกสร้าง หาได้มีสภาพ เป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญ มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมของ โจทก์ไม่ โรงคุมสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ มีสภาพเป็นโรงขนาดสูงใหญ่มีฝาสองด้าน มีหลังคาคลุม โครงสร้างเป็นเหล็กติดตรึง กับ พื้นคอนกรีตอย่างมั่งคงแข็งแรงมีคานเหล็กพร้อมขาตั้งเหล็กที่ติดตรึง อยู่ กับ พื้นคอนกรีตภายในโรงอย่างมั่นคงแข็งแรงเช่นกัน คานเหล็กดังกล่าวใช้เป็นที่แขวนสายพานลำเลียงปูนซีเมนต์ ด้วยรอก ร้อยโซ่ มีมอเตอร์ ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนล้อในการลำเลียง ปูนซีเมนต์บรรจุถุงจากเรือสู่รถยนต์บรรทุกเพื่อนำไปยังถังเก็บ สำหรับใช้ส่งเข้าเครื่องจักรผสมคอนกรีตใน การผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ จำหน่าย คาน รอก โซ่ สายพานลำเลียงและ มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมล้อ ดังกล่าวประกอบกันสามารถใช้เป็นเครื่องมืออำนาจความสะดวกในการ ส่งถ่ายแรงได้ จึงเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม ของโจทก์ เมื่อโรงคุมสายพานได้ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะ เป็นเครื่องจักรกลไกดังกล่าว จึงถือได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่ง ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ ดำเนินการ อุตสาหกรรมของโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6331/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดิน: คุ้มครองเฉพาะโรงเรือนที่สร้างโดยสุจริต สิ่งปลูกสร้างอื่นต้องรื้อ
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 เฉพาะตัวโรงเรือนที่สร้างรุกล้ำที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ได้รับความคุ้มครอง สิ่งอื่น ๆ ที่มิใช่โรงเรือนแม้จะสร้างขึ้นโดยสุจริตก็หาได้รับความคุ้มครองด้วยไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6111/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจประเมินค่ารายปีภาษีโรงเรือน และข้อยกเว้นภาษีสำหรับโรงเรือนที่ไม่ได้ให้เช่า
ค่ารายปีที่จะใช้ในการคำนวณภาษีนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะแก้ไขเสียใหม่ในแต่ละปีที่จะต้องชำระภาษีได้ ถ้าเห็นว่าค่ารายปีที่กำหนดตามค่าเช่าเดิมนั้นมิใช่จำนวนอันเป็นการจะให้เช่าได้ในปีที่จะเรียกเก็บภาษีนั้น ฟ้องโจทก์มิได้ยกขึ้นเลยว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่มีเหตุที่จะกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้น จึงต้องถือว่าพนักงานเจ้าหน้าที่มีเหตุพึงกำหนดค่ารายปีเพิ่มขึ้น ส่วนที่กำหนดเพิ่มใหม่จะเป็นค่ารายปีที่ชอบหรือไม่นั้น โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่า ค่ารายปีที่ประเมินใหม่นั้นเป็นค่ารายปีที่สูงกว่าค่าเช่าที่อาจให้เช่าได้ในปีนั้น โจทก์มิได้นำสืบในข้อนี้กรณีต้องฟังว่าค่ารายปีที่เจ้าพนักงานประเมินใหม่นั้นเป็นการประเมินที่ชอบ โรงเรือนที่จะได้รับการยกเว้นมิต้องเสียภาษีตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินฯ มาตรา 9(5) จะต้องเป็นโรงเรือนที่ปิดไว้ตลอดปี และเจ้าของมิได้อยู่เองหรือให้ผู้อื่นอยู่ นอกจากคนเฝ้าในโรงเรือน โรงเรือนที่พิพาทนั้นมิใช่โรงเรือนที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอยู่เอง การที่ข้อเท็จจริงยุติเพียงว่า โรงเรือนที่พิพาทมิได้ให้เช่านั้นมิได้หมายความว่าโรงเรือนนั้นจะมิได้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นอันจะถือได้เหมือนกับเป็นโรงเรือนซึ่งปิดไว้ตลอดปี ดังนั้นโรงเรือนที่พิพาทของโจทก์จึงไม่อยู่ในข้อยกเว้นที่จะได้รับยกเว้นภาษีโรงเรือน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของโรงเรือนบนที่ดินขายฝาก: การเข้าร่วมเป็นคู่ความเพื่อคุ้มครองสิทธิและค่าชดเชย
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและบ้านที่รับซื้อฝาก ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่งตามฟ้องซึ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินที่โจทก์รับซื้อฝากจากจำเลยโดยผู้ร้องสอดได้รับอนุญาตจากจำเลยให้ปลูกสร้างในระหว่างสัญญาขายฝากยังไม่ครบกำหนดการไถ่คืนเป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต โจทก์จะขับไล่ผู้ร้องสอดโดยไม่ใช้ค่าโรงเรือนไม่ได้ ขอร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ ขอให้ศาลพิพากษาว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องสอด หากจะขับไล่ผู้ร้องสอดออกจากที่ดินก็ให้โจทก์จ่ายค่าโรงเรือนดังกล่าวเป็นเงิน 50,000 บาท แก่ผู้ร้องสอด ดังนี้ หากความจริงเป็นดังที่ผู้ร้องสอดกล่าวอ้างในคำร้อง บ้านเลขที่ดังกล่าวย่อมไม่เป็นส่วนควบกับที่ดิน โจทก์อาจต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะการสร้างโรงเรือนนั้นให้แก่ผู้ร้องสอด หรือผู้ร้องสอดอาจมีสิทธิรื้อถอนโรงเรือนนั้นไปก็ได้จึงเป็นการจำเป็นที่ผู้ร้องสอดต้องเข้ามาเป็นคู่ความเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ชอบที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านทั้ง 5 หลังตามฟ้องแล้วคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ดังนั้น หากศาลฎีกาจะมีคำสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ทั้งหมด ก็จะทำให้คดีดังกล่าวข้างต้นต้องล่าช้าไปไม่เป็นประโยชน์แก่คู่กรณี ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ผู้ร้องสอดไปฟ้องเป็นคดีใหม่ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านทั้ง 5 หลังตามฟ้องแล้วคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ดังนั้น หากศาลฎีกาจะมีคำสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาใหม่ทั้งหมด ก็จะทำให้คดีดังกล่าวข้างต้นต้องล่าช้าไปไม่เป็นประโยชน์แก่คู่กรณี ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ผู้ร้องสอดไปฟ้องเป็นคดีใหม่ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม