พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินและการรื้อถอนทรัพย์สิน: การใช้สิทธิของเจ้าของทรัพย์ตามกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินเกิดเหตุย่อมมีสิทธิรื้อถอนทรัพย์ของโจทก์ร่วมที่นำเข้ามาไว้ในที่ดินของจำเลยโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายอันเป็นการขัดขวางการใช้สิทธิของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1336เมื่อจำเลยใช้สิทธิของเจ้าของทรัพย์ตามสมควรแก่พฤติการณ์จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา358
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3038/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางภารจำยอมเกิดจากการใช้สิทธิโดยสงบต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้มีทางออกอื่น แต่หากนิยมใช้ทางเดิมย่อมมีสิทธิ
จำเลยไม่ได้ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมดังที่จำเลยร่วมให้การถือว่าจำเลยไม่ได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นทั้งไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยจะยกปัญหานี้ขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ แม้โจทก์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินสามยทรัพย์นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง10ปีแต่เมื่อโจทก์ได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินนั้นและได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วทางพิพาทจึงตกเป็นทางภารจำยอมโดยอายุความได้สิทธิแก่โจทก์ แม้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินสามยทรัพย์เดินผ่านที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นภารยทรัพย์แล้วต้องเดินผ่านที่ดินของบุคคลอื่นก่อนจะไปออกสู่ถนนสาธารณะทางพิพาทก็เป็นทางภารจำยอมได้เมื่อได้เดินผ่านติดต่อกันเป็นเวลากว่า10ปีแล้ว แม้มีทางเดินอีกทางหนึ่งแล้วออกสู่ทางสาธารณะได้แต่โจทก์นิยมใช้ทางพิพาทเนื่องจากระยะทางใกล้กว่าทางพิพาทไม่ได้หมดประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทางภารจำยอมจึงยังไม่สิ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 220/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิในที่ดินของตนเองจนเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แม้โจทก์ก่อสร้างตึกผิดพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯและเทศบัญญัติก็เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะต้องดำเนินการกับโจทก์จำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุดังกล่าวก่อสร้างแผ่นเหล็กกั้นจนเป็นเหตุให้ปิดกั้นแสงแดดและทางลมที่จะเข้าตึกของโจทก์และแม้จำเลยจะก่อสร้างในเขตที่ดินของจำเลยก็เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นเป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา421
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ที่ดินขายฝาก: โจทก์พร้อมชำระเงินแต่จำเลยไม่ไปรับไถ่ ถือเป็นการใช้สิทธิไถ่แล้ว
เมื่อโจทก์จำเลยท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะ ก็ต้องพิจารณาถึงข้อความที่ท้าต่อกัน ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดไว้ปรากฏข้อความในตอนต้นว่า "พฤติการณ์ตามคำฟ้องที่ถึงกำหนดนัดไถ่ถอนการขายฝากที่ดินพิพาทโจทก์ได้ไปทำการไถ่ถอน ณ สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียนแล้ว แต่จำเลยไม่ไปตามนัด" จากข้อความดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่า ได้มีการนัดวันที่ไปจดทะเบียนไถ่ถอนแล้ว แต่จำเลยในฐานะผู้รับซื้อฝากไม่ไปตามนัด เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยรับกันต่อไปอีกว่า โจทก์ได้นำเงินจำนวน 125,000 บาท ไปวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง ยิ่งเป็นข้อชี้ชัดว่า โจทก์มีเงินพร้อมที่จะชำระให้แก่จำเลยตามสัญญาขายฝากในวันครบกำหนดนั้นแล้ว ถือว่า โจทก์ผู้ขายฝากพร้อมที่จะไถ่ถอนได้ภายในกำหนดแล้ว แต่เป็นเพราะจำเลยไม่ไปรับไถ่ ตามพฤติการณ์แห่งข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันดังกล่าว ฟังได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ที่ดินพิพาทจากจำเลยภายในกำหนดเวลาตามสัญญาขายฝากแล้ว แม้ผู้ขายฝากจะถอนเงินที่วางไว้คืนไป ก็ไม่ใช่กรณีที่จะนำมาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิไถ่คืน การวางทรัพย์เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่า ผู้ขายฝากมีเงินมาทำการไถ่คืนทรัพย์สินที่ขายฝากกับผู้รับซื้อฝากแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ทรัพย์ขายฝาก: การไปสำนักงานที่ดินพร้อมเงินคือการใช้สิทธิ แม้ถอนเงินวางทรัพย์
เมื่อโจทก์จำเลยท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะก็ต้องพิจารณาถึงข้อความที่ท้าต่อกันตามรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดไว้ปรากฏข้อความในตอนต้นว่า"พฤติการณ์ตามคำฟ้องที่ถึงกำหนดนัดไถ่ถอนการขายฝากที่ดินพิพาทโจทก์ได้ไปทำการไถ่ถอนณสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครสาขา บางขุนเทียน แล้วแต่จำเลยไม่ไปตามนัด"จากข้อความดังกล่าวแสดงว่าจำเลยได้ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่าได้มีการนัดวันที่ไปจดทะเบียนไถ่ถอนแล้วแต่จำเลยในฐานะผู้รับซื้อฝากไม่ไปตามนัดเมื่อพิเคราะห์ประกอบกับข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยรับกันต่อไปอีกว่าโจทก์ได้นำเงินจำนวน125,000บาทไปวางไว้ณสำนักงานวางทรัพย์กลางยิ่งเป็นข้อชี้ชัดว่าโจทก์มีเงินพร้อมที่จะชำระให้แก่จำเลยตามสัญญาขายฝากในวันครบกำหนดนั้นแล้วถือว่าโจทก์ผู้ขายฝากพร้อมที่จะไถ่ถอนได้ภายในกำหนดแล้วแต่เป็นเพราะจำเลยไม่ไปรับไถ่ตามพฤติการณ์แห่งข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันดังกล่าวฟังได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ที่ดินพิพาทจากจำเลยภายในกำหนดเวลาตามสัญญาขายฝากแล้วแม้ผู้ขายฝากจะถอนเงินที่วางไว้คืนไปก็ไม่ใช่กรณีที่จะนำมาวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิไถ่คืนการวางทรัพย์เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้ขายฝากมีเงินมาทำการไถ่คืนทรัพย์สินที่ขายฝากกับผู้รับซื้อฝากแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารรุกล้ำทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้าน ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สมควร
รั้วที่กั้นเขตบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยเดิมเมื่อจำเลยยังมิได้ต่อเติมอาคารโดยใช้กำแพงรั้วดังกล่าวเป็นฝาห้อง น้ำฝนก็จะสาดและไหลเป็นปกติทั้งสองด้านไม่มีผู้ใดเดือดร้อนครั้นจำเลยต่อเติมอาคารขึ้นน้ำฝนไม่สาดเข้าไปโดนทรัพย์สินของจำเลยและไหลไปในที่ดินของโจทก์มากกว่าปกติซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องป้องกันหรือแก้ไข เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยมิได้จัดการแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของฝ่ายของฝ่ายโจทก์การกระทำของจำเลยที่ต่อเติมอาคาร จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นสิ้นไปได้ตามมาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2617/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยสุจริตและการใช้สิทธิในที่ดินของผู้อื่น โดยไม่เป็นละเมิด
การที่โจทก์ห้ามปรามมิให้จำเลยนำดินมาถมในที่ดินพิพาทและไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันทีว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์และเจ้าหน้าที่ที่ดินรังวัดสำรวจแล้วสรุปว่าที่ดินพิพาทน่าจะอยู่ในเขต น.ส.3 ก. ของโจทก์ เป็นการสนับสนุนความเชื่อของโจทก์ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์จึงเชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ที่โจทก์เข้าไปปักเสาขึงลวดหนามในที่ดินพิพาทและคัดค้านไม่ให้จำเลยใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้จำเลยเสียหายไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาท: การใช้สิทธิโดยสุจริตเมื่อพิสูจน์แหล่งข่าวไม่ได้
ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์ตามฟ้องเมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ไขข่าวเป็นการใส่ความจำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย เมื่อโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ไขข่าว ฟ้องของจำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความเท็จและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลก็เป็นเพราะหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีวางจำหน่ายทั่วประเทศ การใช้สิทธิของจำเลยไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทโดยอาศัยข่าวหนังสือพิมพ์: การใช้สิทธิโดยสุจริตและการไม่เป็นละเมิด
ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์เมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นผู้ไขข่าว เมื่อข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความ จำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงไม่เป็นความเท็จ และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลจำเลยก็คงเข้าใจว่าตนมีสิทธิกระทำได้เพราะหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมีวางจำหน่ายทั่วประเทศ ประชาชนทั่วไปย่อมมีโอกาส อ่านและพบเห็นข้อความในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวได้ดังนั้น การใช้สิทธิของจำเลยที่ฟ้องโจทก์ดังกล่าวก็ไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์อีกเช่นกัน จึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิฟ้องหมิ่นประมาทโดยสุจริต แม้ฟ้องหลายศาล ไม่เป็นละเมิด หากข้อความที่ฟ้องไม่เป็นเท็จ
ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์ตามฟ้องเมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ไขข่าวเป็นการใส่ความจำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายเมื่อโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ไขข่าว ฟ้อง จำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความเท็จและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลก็เป็นเพราะหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีวางจำหน่ายทั่วประเทศการใช้สิทธิของจำเลยไม่เป็นการใช้สิทธิ ซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์