พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำกล่าวตามธรรมดาสามัญไม่เป็นหมิ่นประมาท แม้ใช้คำหยาบ หากความหมายไม่ใส่ร้าย
กล่าวคำว่า เขาว่าครูชาติหมาสอนให้เด็กชกต่อยกัน ดังนี้ไม่เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทตามมาตรา 282
ถ้อยคำที่กล่าวตามภาษาไทยธรรมดานั้น ศาลเป็นผู้พิจารณาความหมายได้เอง คู่ความไม่ต้องนำสืบแสดงความหมาย
ถ้าในฟ้องไม่ได้แสดงว่า คำที่จำเลยกล่าวมีความหมายเป็นพิเศษแล้ว ศาลก็ถือว่าเป็นคำกล่าวตามธรรมดาสามัญ
ถ้อยคำที่กล่าวตามภาษาไทยธรรมดานั้น ศาลเป็นผู้พิจารณาความหมายได้เอง คู่ความไม่ต้องนำสืบแสดงความหมาย
ถ้าในฟ้องไม่ได้แสดงว่า คำที่จำเลยกล่าวมีความหมายเป็นพิเศษแล้ว ศาลก็ถือว่าเป็นคำกล่าวตามธรรมดาสามัญ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหมิ่นประมาทจากการยืนยันข้อความใส่ร้ายถึงพระภิกษุ
มีคนมาบอกโจทก์ซึ่งเป็นพระภิกษุว่าจำเลยแอบดูโจทก์สังวาสกับสตรี โจทก์กับจำเลยจึงไถ่ถาม จำเลยพูดตอบโจทก์ว่าเห็นตริงได้เกิดโต้เถียงกันขึ้นจำเลยยังย้ำว่า "มึงเอากันจริง แล้วยังมาพาลหาเรื่องอีก" ดังนี้ถือว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 394/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ร้ายต่อบุคคลอื่นทำให้เสียชื่อเสียง มีความผิดตามกฎหมาย
กล่าวต่อหน้าบุคคลเกินกว่าสองคนว่าโจทก์ชำเรากระบือมีผิดตาม ม.282
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน/ผู้พิพากษา แม้พ้นหน้าที่ก็ผิดได้ การกล่าวใส่ร้ายด้วยถ้อยคำที่ดูถูกและใส่ความเข้าข่ายความผิด
กล่าววาจาใส่ร้ายหมิ่นประมาทผู้พิพากษาเพราะเหตุที่ได้กระทำการตามหน้าที่ แม้จะกล่าวเมื่อพ้นจากที่ได้กระทำตามหน้าที่แล้ว ก็ต้องมีผิดตาม ม.116 ทั้งเป็นผิดตาม ม.282 ด้วย แต่ไม่เป็นผิดตาม ม.136 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่ง หน้าที่นำสืบ คำกล่าวที่เป็นผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ม.282 นั้น เพียงแต่อาจทำให้เจ้าทุกข์เสียขื่อเสียงหรือทำให้คนทั้งหลายดูหมิ่นหรือเกลียดชังก็ต้องเป็นผิดฐานนี้ โจทก์หาจำต้องสืบว่าเจ้าทุกข์ได้รับความเสียชื่อเสียงอย่างใดไม่ กล่าวใส่ร้ายว่าผู้พิพากษากินไข่ โจทก์นำสืบว่าหมายความถึงกินินบนจำเลยต้องมีผิดฐานหมิ่นประมาทกะทงโทษ กล่าวคำหมิ่นประมาท 2 คราวแต่ละคราวเป็นผิดตาม ม.116-282 ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในบทที่หนักตามมาตรา 282 -70-71 ได้ ฎีกาอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงเจตนาหรือไม่เป็นข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกล่าวโทษผู้อื่นโดยสุจริต: เหตุยกเว้นความผิดฐานใส่ร้าย
ข้อความที่ร้องเรียนกล่าวโทษผู้อื่นโดยสุจริตคิดว่าเขาทำผิดต่อหน้าที่ ไม่มีความผิดตามมาตราข้างบน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเพื่อใส่ร้ายผู้อื่น: ความผิดฐานให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ศาลล่างวางบทผิดทำหลักฐานเท็จแล้วไปแจ้งต่ออำเภอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5644/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง: เสนอผลประโยชน์-ใส่ร้ายคู่แข่งเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำเลยซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุ และ ส. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุ จำเลยได้ปราศรัยหาเสียงว่า "จะตั้งทนายประจำทีมและจะดำเนินการช่วยเหลือโดยการประกันตัวให้กับทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง" คำปราศรัยของจำเลยมุ่งประสงค์จะช่วยเหลือในการยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการหรือศาล เพื่อให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยซึ่งถูกควบคุมหรือขังได้รับการปล่อยชั่วคราว นอกจากที่ตามปกติผู้ขอประกันจะต้องนำหลักทรัพย์ ซึ่งอาจต้องเสียเงินเช่าหลักทรัพย์หรือจัดซื้อกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ ดังนั้น การเสนอว่าจะใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการของจำเลยที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุหรือตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านพรุและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับจำเลยเป็นหลักประกันในการยื่นคำร้องปล่อยชั่วคราว ทั้งที่มิใช่งานในหน้าที่ตามกฎหมายของนายกเทศมนตรี จึงมีลักษณะเป็นการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย หาใช่เป็นเพียงนโยบายของกลุ่มของจำเลยที่จะให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 57 (1) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 การปราศรัยหาเสียงของจำเลยว่า "นายกมีหน้าที่อะไร มีหน้าที่อย่าให้ใครมาซื้อซองเพราะซื้อซองฮั้วไม่ได้ ซอย 5 บ้านคลองปอมไม่ได้ทำเพราะไม่มีฮั้ว" คำปราศรัยของจำเลยเป็นการมุ่งประสงค์ให้ผู้ฟังเข้าใจว่า นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพรุ แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ แต่พอเข้าใจได้ว่าคือ ส. ผู้สมัครรับเลือกตั้งแข่งกับจำเลย ไม่ดำเนินการให้มีการก่อสร้างถนนมุสลิมซอย 5 บ้านคลองปอม เพราะไม่มีการฮั้ว มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริต จึงมีลักษณะเป็นการใส่ร้ายหรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องการประมูลก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กถนนมุสลิม ซอย 5 เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย อันเป็นความผิดตามมาตรา 57 (5) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 และการปราศรัยของจำเลยที่ว่า "เรื่องส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรม ถ้าผมได้จัดงานมั่นใจไหมครับ ถ้าผมจัดงานหรอยไม่หรอย (ดีไม่ดี) ชัวร์ไหมครับ เวทีผมไม่คิดเบี้ยเลย (ไม่คิดเงินเลย) ถ้าผมไปจัดงานให้ถ้ามีโอกาสก็จะจัดให้อลังการ 5 วัน 5 คืน 10 วัน 10 คืน โดยที่ทางวัดไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายไหร (อะไร) เลย" คำปราศรัยของจำเลยมีความหมายว่า จำเลยซึ่งมีอาชีพในการจัดเวทีและเครื่องเสียง ถ้าจำเลยเป็นผู้จัดงานส่งเสริมประเพณีและวัฒนธรรม จำเลยจะจัดงานให้ยิ่งใหญ่ โดยจำเลยไม่คิดค่าเวที จึงเป็นการเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่วัดที่เป็นเจ้าภาพจัดงานส่งเสริมประเพณีและวัฒนธรรม เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 57 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8611/2553 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและหมิ่นประมาท: การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดฐานลักทรัพย์ และการใส่ร้ายทำให้เสียชื่อเสียง
จำเลยรู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดในข้อหาลักทรัพย์เกิดขึ้นแต่กลับไปแจ้งความแก่พนักงานสอบสวนว่าได้มีการกระทำผิดในข้อหาลักทรัพย์อันเป็นเท็จเพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดข้อหาลักทรัพย์เกิดขึ้นเพื่อให้โจทก์ร่วมได้รับโทษ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จตาม ป.อ. มาตรา 137 มาตรา 174 วรรคสอง ประกอบมาตรา 173 จำเลยยังมีเจตนาแจ้งความเพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่โจทก์ร่วมอันเป็นการใส่ความโจทก์ร่วมต่อบุคคลที่สามเพื่อให้โจทก์ร่วมถูกดูหมิ่น เกลียดชังและเสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10448/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดด้วยการแพร่ข่าวเท็จใส่ร้ายโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายทางการเงิน
ข้อความทั้งหมดตามบทความสรุปว่า โจทก์ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่กำกับดูแลกรมศาสนา ทำงานไม่เป็น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวัดพระธรรมกาย ท่าดีทีเหลว โอบอุ้มพระธัมมชโยเนื่องจากรับเงินสินบนจากพระธัมมชโย 150,000,000 บาท เมื่ออ่านโดยตลอดแล้วมีลักษณะเป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง ซึ่งจำเลยทั้งสามก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ลักษณะของการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอข้อเท็จจริงโดยสุจริตหรือติชมด้วยความเป็นธรรม จำเลยทั้งสามจึงกระทำละเมิดต่อโจทก์