คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไต่สวนพยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2149/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนไต่สวนพยาน: กรณีข้อพิพาทเรื่องครอบครองที่ดิน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 255 วรรคแรกเป็นบทบัญญัติบังคับไว้ว่า ศาลจะสั่งอนุญาตตามคำร้องขอโดยไม่ไต่สวนฟังข้อเท็จจริงให้ได้ความตามอนุมาตรา (1) (2)ของมาตรา 255 เสียก่อนไม่ได้ ส่วนในกรณีที่ศาลพิเคราะห์คำร้องแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรก็ดี ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอมาใช้ก็ดี ศาลย่อมมีอำนาจสั่งยกคำร้องเสียได้โดยหาจำต้องไต่สวนฟังพยานผู้ร้องขอเสียก่อนไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินพิพาทห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเป็นที่ของจำเลย ขอให้ห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง เป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองที่พิพาทคู่ความยังโต้แย้งฟ้องและฟ้องแย้งขอบังคับมิให้อีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบพยานหลักฐานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้อยู่ จึงยังไม่มีเหตุสมควร และไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามคำขอของโจทก์ ที่ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารขัดขวางการครอบครองของโจทก์อ้างว่าเป็นการกระทำซ้ำในเรื่องที่ถูกฟ้องไว้ก่อนมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 มาใช้ ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของโจทก์เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยานของโจทก์ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ไต่สวนพยานในชั้นอุทธรณ์และการสิ้นสุดประเด็น ทำให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกายกอุทธรณ์ได้
คดีมีปัญหาแต่เพียงว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ที่ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารโดยไม่ไต่สวนพยานของผู้ร้องก่อนไม่ชอบ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ ผู้ร้องก็มิได้อุทธรณ์คำสั่ง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไว้ด้วยว่า นอกนั้นให้รับเป็นอุทธรณ์ แต่เมื่ออุทธรณ์ของผู้ร้องไม่มีประเด็นขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์เสียแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาให้ยกอุทธรณ์เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ไต่สวนพยานในประเด็นบริวาร และผลกระทบต่อการอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกามีอำนาจยกอุทธรณ์เมื่อไม่มีประเด็นขึ้นสู่ศาล
คดีมีปัญหาแต่เพียงว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่เมื่อผู้ร้องอุทธรณ์ว่าที่ศาลชั้นต้นฟังว่าผู้ร้องเป็นบริวารโดยไม่ไต่สวนพยานของผู้ร้องก่อนไม่ชอบ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ผู้ร้องก็มิได้อุทธรณ์คำสั่ง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งไว้ด้วยว่า นอกนั้นให้รับเป็นอุทธรณ์ แต่เมื่ออุทธรณ์ของผู้ร้องไม่มีประเด็นขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์เสียแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษาให้ยกอุทธรณ์เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการรับคำคัดค้านหลังเริ่มไต่สวนพยานในคดีผู้จัดการมรดก
การที่ผู้ร้องคัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านในกรณีขอเป็นผู้จัดการมรดก ภายหลังจากศาลได้เริ่มสืบพยานผู้ร้องไปแล้วนั้น ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะเห็นสมควรรับคำร้องคัดค้านหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการรับคำคัดค้านหลังเริ่มไต่สวนพยานในคดีจัดการมรดก
การที่ผู้ร้องคัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านในกรณีขอเป็นผู้จัดการมรดก. ภายหลังจากศาลได้เริ่มสืบพยานผู้ร้องไปแล้วนั้น. ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะเห็นสมควรรับคำร้องคัดค้านหรือไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความมาตรา 207(1) พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง และการไต่สวนพยานในคำร้องพิจารณาคดีใหม่
การตีความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 207(1)จะต้องตีความอย่างจำกัด อนุมาตรานี้บัญญัติท้าวถึงกรณีตามมาตรา 204 เมื่อมาตรา 204 ถูกยกเลิกไปแล้ว ผลก็เป็นเสมือนว่ามาตรา 207(1) ถูกยกเลิกไปด้วยโดยปริยาย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และยังติดใจขอให้ไต่สวนคำร้องอยู่ ศาลควรไต่สวนพยานให้สิ้นกระแสความเสียก่อนจะพิจารณาพฤติการณ์ต่างๆ ตามสำนวนแล้วฟังว่าจำเลยจงใจขาดนัดและไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาต ให้จำเลยยื่นคำให้การหรือยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตามนัยมาตรา 205(3)แล้วสั่งยกคำร้องเสียดังนี้ หาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเท็จเกี่ยวกับทายาทเพื่อรับมรดก ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนพยานโจทก์ให้สิ้นกระบวนความก่อนตัดสิน
การนำความเท็จไปแจ้งแก่พนักงานอำเภอและพนักงานที่ดินว่าเจ้ามรดกมีทายาทเฉพาะแต่จำเลยเท่านั้น ความจริงเจ้ามรดกมีทายาทมากกว่านั้นอาจมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบที่จะฟังพยานโจทก์ให้สิ้นกระบวนความ (ฎีกาที่ 679/2470)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2486 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จในคดีแพ่งและการฟ้องคดีอาญา: สิทธิในการไต่สวนพยานและมูลความผิด
การที่โจทขอไห้สาลไต่สวนพยานที่สืบไว้แล้วไนคดีแพ่งและที่จะขอสืบไหม่ว่าคดีของโจทมีมูลนั้น สาลชั้นต้นหาชอบที่จะสั่งงดการไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากสายกฟ้องเสียไม่
คำพิพากสาไนคดีแพ่งย่อมไม่ตัดสิทธิโจทที่จะฟ้องคดีอาญาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13965/2558 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนพยานที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ และองค์คณะพิจารณาคดีไม่ครบถ้วนในคดีครอบครัว
โจทก์กล่าวอ้างข้อเท็จจริงในเรื่องของเหตุหย่า จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์ผู้มีภาระการพิสูจน์จึงมีหน้าที่จะต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 84/1 แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้มีการไต่สวนพยานโจทก์จำเลยโดยศาลชั้นต้นเป็นผู้สอบถามโจทก์จำเลยเองทั้งหมด ไม่ได้ให้ทนายโจทก์หรือทนายจำเลยซักถามหรือถามค้านพยาน แล้วก็มีคำสั่งว่า คดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย จากนั้นก็วินิจฉัยคดีตามประเด็นข้อพิพาท สำหรับประเด็นเรื่องฟ้องหย่าก็วินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานเหมือนคดีที่มีการสืบพยานทั่วไป เพียงแต่เป็นพยานหลักฐานที่เกิดจากศาลเป็นผู้ไต่สวนเองและฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์เท่าที่ควร แต่เมื่อคดีนี้เป็นคดีมีข้อพิพาท ซึ่งใน ป.วิ.พ. ไม่ได้ให้อำนาจศาลเรียกพยานมาไต่สวนเอง แม้ศาลจะมีอำนาจซักถามพยาน แต่ก็ต้องเป็นพยานที่คู่ความอ้างเข้ามาและศาลต้องให้คู่ความซักถามต่อจากศาล ทั้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นไต่สวนก็มิได้สอดคล้องและครบถ้วนตามข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวอ้างมาในคำฟ้องและประเด็นข้อพิพาท การที่ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานโจทก์และพยานจำเลยเองทั้งหมดจึงเป็นการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
คดีที่ผู้เยาว์มีผลประโยชน์หรือส่วนได้เสียอยู่ด้วยในการพิจารณาพิพากษาคดีครอบครัวต้องมีผู้พิพากษาสมทบอีกสองคนซึ่งอย่างน้อยคนหนึ่งต้องเป็นสตรีเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 23 ประกอบมาตรา 147 การที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีโดยมีเพียงผู้พิพากษาสองคนเป็นองค์คณะ ไม่มีผู้พิพากษาสมทบอีกสองคนซึ่งอย่างน้อยคนหนึ่งต้องเป็นสตรีเป็นองค์คณะร่วมอยู่ด้วยจึงเป็นการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 6
of 2