พบผลลัพธ์ทั้งหมด 135 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8156/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไขคำสั่งไต่สวนมูลฟ้อง: เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีมีมูลแล้ว ศาลอุทธรณ์จะแก้ให้ยกฟ้องได้หรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,264,265,267, 83,86,91 ศาลชั้นต้น ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่า คดีโจทก์สำหรับ จำเลยที่ 1 มีมูลทุกข้อหา ดังนั้น คำสั่งของศาลที่ให้คดีมีมูลสำหรับ จำเลยที่ 1 ย่อมเด็ดขาด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 170 โจทก์อุทธรณ์ ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2เห็นว่าความผิดฐานเบิกความเท็จสำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลชั้นต้น สั่งมีมูลมานั้นเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้วมี คำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ในข้อหา เบิกความเท็จ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2891/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษายกฟ้องศาลชั้นต้นและอุทธรณ์: กรณีห้ามฎีกาตาม พ.ร.บ.ศาลแขวง
ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงมีคำสั่งให้งดไต่สวนมูลฟ้องและวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มาตรา 158 (5) พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายแม้คดีนี้จะเป็นการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม คดีก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499มาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2891/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องตามกฎหมายศาลแขวง
ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงมีคำสั่งให้งดไต่สวนมูลฟ้องและวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายแม้คดีนี้จะเป็นการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตามคดีก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499มาตรา4ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2540
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานเอกสารมาแสดงในชั้นไต่สวนมูลฟ้องอันจะทำให้ศาลชั้นต้นรับฟังได้ว่าเช็คตามฟ้องเป็นเรื่องที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูลโจทก์อุทธรณ์ว่าในการซื้อขายเพชรพลอยระหว่างจำเลยกับจ. ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เป็นการซื้อขายเสร็จเด็ดขาดไม่ต้องมีพยานหลักฐานเป็นหนังสือหรือหลักฐานเอกสารใดๆเท่ากับเป็นการอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องฟังได้ว่าจำเลยและจ.มีการซื้อขายเพชรพลอยกันจริงเช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้ค่าเพชรพลอยที่ซื้อขายกันดังกล่าวซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายจึงเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ.2499มาตรา22
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1830/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาลหลังศาลอนุญาตให้สืบหาจำเลย – เหตุสมควรให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องไว้ในวันที่ 25 มีนาคม 2537 เวลา13.30 นาฬิกา แต่ปรากฏว่าส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลยไม่ได้เพราะไม่พบจำเลย และจำเลยไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้อง ก่อนวันนัดทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาสืบหาภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อดำเนินการต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้สืบหาภูมิลำเนาจำเลยได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2537 ครั้นถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 วรรคหนึ่งดังนี้ เห็นได้ว่า การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบหาภูมิลำเนาจำเลยจนถึงวันที่ 31มีนาคม 2537 จึงมีเหตุทำให้โจทก์เชื่อว่าศาลไม่อาจทำการไต่สวนมูลฟ้องในวันนัดนั้นได้ เพราะยังไม่ได้ส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย ถือว่ามีเหตุสมควรให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 166 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1830/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสมควรยกคดีไต่สวนมูลฟ้องใหม่: ศาลอนุญาตสืบหาจำเลย & เชื่อว่ายังไม่ส่งหมายนัด
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้องไว้ในวันที่25มีนาคม2537เวลา13.30นาฬิกาแต่ปรากฏว่าส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลยไม่ได้เพราะไม่พบจำเลยและจำเลยไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้องก่อนวันนัดทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาสืบหาภูมิลำเนาของจำเลยเพื่อดำเนินการต่อไปศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้สืบหาภูมิลำเนาจำเลยได้จนถึงวันที่31มีนาคม2537ครั้นถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166วรรคหนึ่งดังนี้เห็นได้ว่าการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์สืบหาภูมิลำเนาจำเลยจนถึงวันที่31มีนาคม2537จึงมีเหตุทำให้โจทก์เชื่อว่าศาลไม่อาจทำการไต่สวนมูลฟ้องในวันนัดนั้นได้เพราะยังไม่ได้ส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยถือว่ามีเหตุสมควรให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มาศาลตามนัดไต่สวนมูลฟ้องส่งผลให้ศาลยกฟ้อง แม้จะมีการไต่สวนพยานไปแล้ว
การที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วในการไต่สวนมูลฟ้องจะพอฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่ ต้องเป็นกรณีที่โจทก์มาศาลตามกำหนดนัดแล้วไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวน ต่อไป แต่เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งที่สองแม้จะไม่ใช่วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรก ศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคแรก โดยไม่ต้องวินิจฉัยพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วในนัดก่อนว่าคดีมีมูลหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1214/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามนัดไต่สวนมูลฟ้อง แม้ไม่ใช่การนัดครั้งแรก
การที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไปแล้วในการไต่สวนมูลฟ้องจะพอฟังว่าคดีมีมูลหรือไม่ต้องเป็นกรณีที่โจทก์มาศาลตามกำหนดนัดแล้วไม่ติดใจนำพยานเข้าไต่สวนต่อไปแต่เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งที่สองแม้จะไม่ใช่วันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งแรกศาลก็ต้องยกฟ้องโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166วรรคแรกโดยไม่ต้องวินิจฉัยพยานโจทก์ที่สืบไปแล้วในนัดก่อนว่าคดีมีมูลหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกง – อายุความ – วันรู้ความผิด – ฟังได้จากชั้นไต่สวนมูลฟ้อง
แม้โจทก์จะมิได้นำสืบในชั้นพิจารณาถึงวันที่โจทก์ได้รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด โดยนำสืบแต่เพียงว่า ได้ไปดูที่ดินพิพาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2533 แต่โจทก์ได้เบิกความไว้ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิดเมื่อวันที่ 23กุมภาพันธ์ 2533 เมื่อนำคำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาฟังประกอบคำเบิกความพยานโจทก์ในชั้นพิจารณาแล้ว ฟังได้ว่าโจทก์ทราบถึงการกระทำผิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 โจทก์ฟ้องวันที่ 21พฤษภาคม 2533 จึงไม่เกินกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการกระทำผิด คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5417/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นหลักฐานในชั้นพิจารณา และการนับอายุความในคดีเช็ค
คำพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นเอกสารที่ใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาได้