คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไถ่ถอนจำนอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญากู้เงิน, การนำหนี้เดิมมารวมกับหนี้ใหม่, การไถ่ถอนจำนอง, และการชำระหนี้ซ้ำซ้อน
การที่จำเลยทำสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 ไว้ให้โจทก์ด้วยความสมัครใจ และจำเลยได้รับเงินกู้จำนวน 145,000 บาทไปจากโจทก์แล้วส่วนต้นเงินจำนองจำนวน 350,000 บาทกับดอกเบี้ยที่ค้างชำระจำนวน 52,500 บาท จำเลยยินยอมให้นำมาเป็นต้นเงินในสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วเป็นต้นเงินใหม่จำนวน 547,500 บาท ก็ย่อมบังคับกันได้ตามข้อตกลงนั้น เมื่อโจทก์บังคับเอาเงินจำนวนนี้ซึ่งมีต้นเงินจำนองและดอกเบี้ยค้างชำระรวมอยู่จากจำเลยแล้ว โจทก์ก็มีหน้าที่จะต้องจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเพื่อให้ปลอดจำนองแก่จำเลยด้วย มิฉะนั้นแล้วโจทก์อาจบังคับจำนองเอาแก่จำเลยอันมีผลเท่ากับเรียกให้ชำระหนี้ซ้ำสอง ศาลฎีกาจึงมีอำนาจพิพากษาให้โจทก์จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองได้ เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเข้าใช้หนี้ไถ่ถอนจำนอง: การชำระหนี้ทั้งหมดเพื่อไถ่ถอนทรัพย์
จำเลยในคดีนี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องบังคับยึดทรัพย์จำนองรวมถึงทรัพย์พิพาทในคดีนี้ให้บริษัท ส.ชำระหนี้จำนองโดยการขายทอดตลาดรวมทั้งทรัพย์พิพาทตามที่บริษัท ส.เป็นลูกหนี้อยู่ ดังนั้น เมื่อโจทก์อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทที่อาจจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาท หากปล่อยให้จำเลยบังคับคดีโดยการขายทอดตลาด โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้ให้จำเลยแทนบริษัท ส.ตาม ป.พ.พ.มาตรา 230
หนี้จำนองที่บริษัท ส.มีต่อจำเลยในคดีนี้ยังมีเหลืออยู่อีกจำนวน5,396,629.37 บาท แต่มีทรัพย์จำนองเป็นประกันในการชำระหนี้คือที่ดินพิพาทแปลงนี้เหลืออยู่เพียงแปลงเดียว การที่จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง จึงต้องเป็นการชำระหนี้ทั้งหมดที่บริษัท ส.เป็นหนี้จำเลยอยู่ คือจำนวน 5,396,629.37 บาทโจทก์จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียงจำนวน 386,784.60 บาทหาได้ไม่ ทั้งนี้ตามนัย ป.พ.พ.มาตรา 716 และ 717 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับไถ่ถอนจำนองจากโจทก์ต่ำกว่าหนี้ที่จำเลยเป็นเจ้าหนี้อยู่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนจำนอง: โจทก์ในฐานะผู้รับโอนสิทธิมีหน้าที่ชำระหนี้จำนองทั้งหมด ไม่สามารถชำระเพียงบางส่วนได้
จำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ในอีกคดีหนึ่งฟ้องบริษัท ส.ขอให้บังคับจำนองที่ดินหลายแปลงซึ่งรวมถึงที่ดินพิพาทในคดีนี้ที่บริษัท ส. เป็นลูกหนี้อยู่ เมื่อโจทก์เป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่แบ่งแยกออกมาจากบริษัท ส. ที่ต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทหากปล่อยให้บังคับคดีโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้ให้จำเลยแทนบริษัท ส. ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 230 แต่แม้ว่าจะมีการไถ่ถอนจำนองไปบางส่วนแล้ว ทรัพย์สินซึ่งจำนองทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็จะต้องเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาจำนองของเงินจำนวนทั้งหมดที่ค้างอยู่ตามมาตรา 716 และ 717เมื่อหนี้จำนองที่บริษัท ส. มีต่อจำเลยยังเหลืออยู่อีก5,396,629.37 บาท แต่มีที่ดินพิพาทเหลืออยู่เพียงแปลงเดียวการไถ่ถอนจำนองก็ต้องชำระหนี้ทั้งหมดที่บริษัท ส.เป็นหนี้จำเลยอยู่ โจทก์จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียง 386,788.60 บาท ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4175/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนจำนองต้องชำระหนี้ทั้งหมด ห้ามชำระบางส่วน ศาลฎีกาพิพากษากลับ
จำเลยในคดีนี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องบังคับยึดทรัพย์จำนองรวมถึงทรัพย์พิพาทในคดีนี้ให้บริษัทส.ชำระหนี้จำนองโดยการขายทอดตลาดรวมทั้งทรัพย์พิพาทตามที่บริษัทส.เป็นลูกหนี้อยู่ดังนั้นเมื่อโจทก์อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทที่อาจจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในการที่จะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทหากปล่อยให้จำเลยบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะเข้าใช้หนี้ให้จำเลยแทนบริษัทส.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา230 หนี้จำนองที่บริษัทส.มีต่อจำเลยในคดีนี้ยังมีเหลืออยู่อีกจำนวน5,396,629.37บาทแต่มีทรัพย์จำนองเป็นประกันในการชำระหนี้ที่ดินพิพาทแปลงนี้เหลืออยู่เพียงแปลงเดียวการที่จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองจึงต้องเป็นการชำระหนี้ทั้งหมดที่บริษัทส. เป็นหนี้จำเลยอยู่คือจำนวน5,396,629.37บาทโจทก์จะบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองเพียงจำนวน386,784.60บาทหาได้ไม่ทั้งนี้ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา716และ717วรรคหนึ่งโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับไถ่ถอนจำนองจากโจทก์ต่ำกว่าหนี้ที่จำเลยเป็นเจ้าหนี้อยู่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7824/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ไถ่ถอนจำนองก่อนโอนที่ดิน
คำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดไปแล้วบังคับให้จำเลยที่ 2 ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกับธนาคารแล้วให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์จำนวนสามในสี่ส่วน หากเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และหากจำเลยที่ 1และที่ 2 ไม่สามารถโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่โจทก์โดยปลอดค่าภาระติดพันก็ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นการกำหนดให้จำเลยที่ 1และที่ 2 กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับ กล่าวคือหากไม่สามารถจะกระทำอย่างแรกแล้วจึงให้กระทำอย่างหลัง ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้นั้นมีหลายอย่าง แต่จะต้องกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวอันลูกหนี้จะพึงเลือกได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 198 จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงต้องปฏิบัติการชำระตามขั้นตอนที่ระบุไว้ตามลำดับในคำพิพากษา กล่าวคือ จำเลยที่ 2 ต้องไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกับธนาคารก่อน แล้วให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนให้โจทก์จำนวนสามในสี่ส่วน โดยปลอดค่าภาระติดพันตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเมื่อการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองเป็นกรณีที่จำเลยที่ 2 สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมปฏิบัติ กลับนำเงินไปวางต่อกรมบังคับคดีเพื่อให้โจทก์รับไปเป็นค่าเสียหายแทนการรับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามส่วนของโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะไถ่ถอนจำนองกับธนาคารแล้ว ขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ในส่วนที่จำเลยที่ 2ต้องชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างกับธนาคาร ทั้งนี้เพื่อให้โจทก์รับโอนที่พิพาทตามส่วนของโจทก์ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยปลอดค่าภาระติดพันซึ่งเป็นไปตามลำดับการบังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งถึงที่สุดแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7824/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการบังคับคดีตามคำพิพากษา: ไถ่ถอนจำนองก่อนโอนทรัพย์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับคดีตามลำดับ
คำพิพากษาที่บังคับให้จำเลยที่2ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินกับธนาคารแล้วให้จำเลยที่1ไปจดทะเบียนโอนให้โจทก์ที่2จำนวนสามในสี่ส่วนหากเพิกเฉยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาและหากจำเลยที่1และที่2ไม่สามารถโอนให้โดยปลอดค่าภาระติดพันก็ให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่2นั้นเป็นการกำหนดให้จำเลยที่1และที่2กระทำการชำระหนี้ทีละอย่างก่อนหลังตามลำดับเมื่อการจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองจำเลยที่2สามารถปฏิบัติได้แต่จำเลยที่2ไม่ยอมปฏิบัติโจทก์ที่2ก็ชอบที่จะไถ่ถอนจำนองแล้วขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่2ในส่วนที่จำเลยที่2ต้องชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้โจทก์ที่2จะขอบังคับคดีให้ขายทอดตลาดที่ดินแล้วนำเงินที่ขายได้แบ่งให้โจทก์ที่2ตามส่วนอันเป็นการบังคับคดีที่ไม่เป็นไปตามลำดับตามคำพิพากษาหาได้ไม่เพราะเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271ประกอบด้วยมาตรา302วรรคแรกและมิใช่เป็นเรื่องที่อยู่ในบังคับแห่งข้อยกเว้นที่ศาลจะมีคำสั่งได้ดังที่บัญญัติไว้ตามมาตรา144(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7170/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไถ่ถอนจำนองและสิทธิยึดหน่วงเอกสารสิทธิ: ข้อตกลงแยกต่างหากไม่อยู่ในข่ายหนี้ประโยชน์
โจทก์มีหนี้ผูกพันที่จะต้องคืนเงินที่จำเลยได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารแทนโจทก์ ส่วนข้อตกลงที่ว่า เมื่อจำเลยไถ่ถอนจำนองแล้ว โจทก์จะต้องขายที่ดินที่ไถ่ถอนจำนองดังกล่าวที่ให้จำเลยยึดเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินไว้ให้แก่จำเลยนั้นเป็นข้อตกลงอีกต่างหาก หาใช่หนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่จำเลยไถ่ถอนมาตาม ป.พ.พ. มาตรา 241 ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเอกสาร-สิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์ เมื่อโจทก์นำเงินมาวางศาลเต็มตามจำนวนที่จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารแทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องคืนเอกสารสิทธิที่อยู่กับจำเลยให้แก่โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินคืน จำเลยต่อสู้ว่าไม่ต้องคืน เป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ มิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7170/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองและสิทธิในการรับคืนเอกสารสิทธิ การตกลงซื้อขายที่ดินเป็นอีกสัญญาหนึ่ง
โจทก์มีหนี้ผูกพันที่จะต้องคืนเงินที่จำเลยได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารแทนโจทก์แก่จำเลย ส่วนข้อตกลงที่ว่าเมื่อจำเลยไถ่ถอนจำนองแล้ว โจทก์จะต้องขายที่ดินที่จำนองที่ให้จำเลยยึดเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินให้แก่จำเลยนั้นเป็นข้อตกลงอีกต่างหาก หาใช่หนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่จำเลยไถ่ถอนมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 ไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์ เมื่อโจทก์นำเงินมาวางศาลเต็มตามจำนวนที่จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคาร แทนโจทก์แล้ว จำเลยจึงต้องคืนเอกสารสิทธิ ที่อยู่กับจำเลยให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7170/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนเอกสารสิทธิที่ดินหลังชำระหนี้ค่าไถ่ถอนจำนอง ข้อตกลงขายที่ดินเป็นคนละส่วน
โจทก์มีหนี้ผูกพันที่จะต้องคืนเงินที่จำเลยได้ไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารแทนโจทก์ส่วนข้อตกลงที่ว่าเมื่อจำเลยไถ่ถอนจำนองแล้วโจทก์จะต้องขายที่ดินที่ไถ่ถอนจำนองดังกล่าวที่ให้จำเลยยึดเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินไว้ให้แก่จำเลยนั้นเป็นข้อตกลงอีกต่างหากหาใช่หนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่จำเลยไถ่ถอนมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา241ไม่จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินของโจทก์เมื่อโจทก์นำเงินมาวางศาลเต็มตามจำนวนที่จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินจากธนาคารแทนโจทก์แล้วจำเลยจึงต้องคืนเอกสารสิทธิที่อยู่กับจำเลยให้แก่โจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบเอกสารสิทธิสำหรับที่ดินคืนจำเลยต่อสู้ว่าไม่ต้องคืนเป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณราคาเป็นเงินได้มิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6123/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีใหม่เพื่อขอไถ่ถอนจำนองเมื่อคดีบังคับคดีเดิมยังไม่สิ้นสุด เป็นการไม่ชอบและศาลต้องพิจารณาในคดีเดิม
คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์บังคับจำนอง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินไถ่ถอนจำนอง หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินจำนอง ออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระ โจทก์ไม่ชำระ จำเลยขอให้บังคับคดี และนำยึดที่ดินจำนองออกขายทอดตลาด และศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้งดการบังคับคดีไว้ตามคำร้องของโจทก์ที่อ้างว่า ได้ ชำระหนี้ ตาม คำพิพากษา และ ได้ ฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่แล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าโจทก์ได้ชำระหนี้ตาม คำพิพากษาแก่จำเลยนอกศาลแล้ว ขอให้บังคับจำเลย จดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง และให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรองการ ทำประโยชน์ของที่ดินจำนองคืนแก่โจทก์ มีผลเป็นการขอ ให้ถอนบังคับคดีในคดีเดิม ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการ บังคับคดีในคดีเดิม จึงเป็นเรื่องต้องว่ากล่าวกันในคดีเดิม ในชั้นบังคับคดี ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่
of 6