พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับสารภาพความผิดฐานหนึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว โจทก์ไม่อาจนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจร ดังนี้ ถือว่าจำเลยรับสารภาพเต็มตามฟ้องในความผิดฐานหนึ่งแล้ว ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับของจำเลย โจทก์จะโต้แย้งขอนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งไม่ได้ เพราะจะเป็นการนำสืบให้กลายเป็นความผิด 2 ฐานไป(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจรและจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจรและจำเลยรับสารภาพฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242(1)247 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบเมื่อคู่ความโต้แย้งความถูกต้องของเอกสาร หากไม่นำสืบตามหน้าที่ ศาลอาจฟังตามข้อต่อสู้ของอีกฝ่ายได้
เมื่อศาลมีคำสั่งกำหนดหน้าที่นำสืบให้ฝ่ายใดนำสืบก่อนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่นำสืบตามข้ออ้าง ฝ่ายนั้นต้องแพ้คดี
โจทก์อ้างว่าโจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยเกินไป ฝ่ายจำเลยปฏิเสธว่ามิได้รับเงินเกิน เพราะเลขจำนวนเงินในเอกสารถูกปลอมโดยเติมเลข เอกสารอยู่ในความยึดถือของโจทก์ จำเลยไม่ได้รับรองความถูกต้องแท้จริงทำให้เอกสารไม่เป็นผลให้โจทก์ได้สิทธิจากเอกสารนั้น จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องพิสูจน์จำนวนเงินให้ได้ความจริงตามเอกสารนั้น
โจทก์อ้างว่าโจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยเกินไป ฝ่ายจำเลยปฏิเสธว่ามิได้รับเงินเกิน เพราะเลขจำนวนเงินในเอกสารถูกปลอมโดยเติมเลข เอกสารอยู่ในความยึดถือของโจทก์ จำเลยไม่ได้รับรองความถูกต้องแท้จริงทำให้เอกสารไม่เป็นผลให้โจทก์ได้สิทธิจากเอกสารนั้น จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องพิสูจน์จำนวนเงินให้ได้ความจริงตามเอกสารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์สถานะสินเดิมและผลของการไม่นำสืบพยานตามกฎหมายแพ่ง
โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นสินเดิม จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทจะเป็นสินเดิมของโจทก์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ เช่นนี้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ โจทก์ต้องนำสืบว่าทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินเดิมของโจทก์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่นำสืบพยาน แม้จำเลยไม่คัดค้านการดำเนินกระบวนพิจารณา
คดีแพ่ง โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ครั้นถึงวันนัด โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายไปกิจธุระยังไม่กลับ และทั้งปรากฎว่าโจทก์ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพะยานต่อศาล จำเลยคัดค้านในการเลื่อน ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน และพิพากษายกฟ้อง โดยถือว่าโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการทิ้งฟ้องตาม มาตรา 174 ป.ม.วิ.แพ่ง ทั้งไม่ใช่การขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 201 คดีได้มีการดำเนินกระบวนพิจารณาหากแต่พะยานหลักฐานของโจทก์ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามมาตรา 87(2) คำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีพะยานหลักฐานสนับสนุน ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง และจะสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ แม้จะถือว่าโจทก์ขาดนัด เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาไป ศาลก็ต้องตัดสินคดีไปเช่นเดียวกัน ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 201 วรรค 2.