คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่ผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 67 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5925/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีเฮโรอีนในครอบครองเพื่อเสพ และการพาอาวุธปืนเพื่อป้องกันทรัพย์สิน ไม่เป็นความผิด
ข้อเท็จจริงได้ความจากคำพยานโจทก์แต่เพียงว่า เฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลยเท่านั้น แต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์หรือพยานแวดล้อมมานำสืบพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่ใคร ที่ไหนและอย่างไร หลังจากถูกจับแล้วจำเลยก็ให้การรับสารภาพมาแต่แรกว่า จำเลยมีเฮโรอีน ของกลางไว้เพื่อเสพ ตลอดจนเฮโรอีนของกลางก็มีน้ำหนักเพียง 9.90 กรัม จึงไม่ต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ขณะถูกจับกุมจำเลยกำลังรอรับเงินตามเช็คจากธนาคารจำนวน 700,000 บาท ซึ่งเป็นการเบิกเงินสดจำนวนมากดังนั้น การที่จำเลยนำอาวุธปืนของกลางติดตัวไป ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่มีเหตุอันสมควรเพราะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันทรัพย์สินอันมีค่าของตน อีกทั้งอาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนของจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีไว้ในครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย และการพาอาวุธปืนของกลางติดตัวไปของจำเลยก็เป็นการใส่ไว้ในกระเป๋าถืออย่างมิดชิดอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นการพอไปโดยมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ การที่จำเลยพาอาวุธปืนของกลาง ติดตัวไปดังกล่าวจึงไม่มีความผิดต่อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกที่ดิน - เจตนา - แนวเขตไม่ชัดเจน - ไม่มีความผิด
ที่ดินของผู้เสียหายไม่มีแนวเขตที่แน่นอน จำเลยโต้เถียงตลอดมาว่า ที่ดินไม่ใช่ของผู้เสียหาย ขณะที่จำเลยเข้าไปก่อสร้างห้องแถวบ้านพักชั่วคราว ปักหลักกั้นรั้ว และก่อสร้างรั้วคอนกรีตในที่ดินจำเลยจึงไม่รู้ว่าที่ดินนั้นอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของโจทก์อันเป็นองค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ซึ่งตามมาตรา 59 วรรคสาม จะถือว่าจำเลยกระทำโดยประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลไม่ได้จึงไม่เป็นการกระทำโดยเจตนาไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2028/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วม vs. ผู้รู้เห็น: จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์เพราะไม่ได้มีส่วนร่วมวางแผนหรือกระทำความผิด
จำเลยที่ 2 มีครรภ์แก่ได้ 7 เดือน รู้ถึงเจตนาของจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นสามีว่าจะไปชิงทรัพย์ผู้ตาย แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 ล๊อกคอผู้ตาย จำเลยที่ 2 รีบปลีกตัวออกไปจากที่เกิดเหตุ มิได้ร่วมเป็นตัวการในการชิงทรัพย์ผู้ตายกับจำเลยที่ 1 เพราะมิได้แบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนที่ได้มีการนัดหมายระหว่างจำเลยทั้งสองว่า หากจำเลยที่ 1ลงมือกระทำผิดขณะใดให้จำเลยที่ 2 หลบไปนั้น ก็มิใช่การร่วมมือกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบียดบังทรัพย์สิน: จำเลยไม่ได้รับเงินค่ารถยนต์จากผู้ซื้อ จึงไม่สามารถเบียดบังได้ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น. ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก. เป็นหนี้บริษัท น. อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น.ไว้แทนผู้เสียหายเลย จำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์: จำเลยไม่ได้รับเงินจากผู้ซื้อจึงไม่อาจเบียดบังได้ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น. ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก.เป็นหนี้บริษัท น. อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น. ไว้แทนผู้เสียหายเลยจำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้ การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินรุกล้ำสาธารณสมบัติโดยสุจริตและไม่ได้มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ถือว่ามีความผิด
บ้านของจำเลยบางส่วนปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเป็นเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางเมตรอยู่แต่เดิมแล้วจำเลยมิได้เป็นผู้ปลูกสร้างเมื่อบิดามารดาจำเลยถึงแก่กรรมบ้านและที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นสิทธิแก่จำเลย โดยจำเลยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด ดังนั้นการที่จำเลยสร้างรั้วสังกะสีปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นทางสาะารณะที่ใช้เดินสู่ชายทะเล เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยเข้าใจว่าที่ดินที่ปลูกบ้านและที่จำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินนั้นเป็นของตนโดยสุจริต จำเลยไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินชายทะเลโดยมีเจตนาทีจะฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5837/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารโดยความยินยอมของผู้เสียหายที่เชื่อมั่นในวิธีการรักษาของแพทย์แผนโบราณ ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
ผู้เสียหายยอมให้จำเลยซึ่งเป็นแพทย์แผนโบราณกระทำอนาจารโดยโง่เขลาเบาปัญญาหลงเชื่ออย่างงมงายว่า จำเลยทำการรักษาโรคให้ได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เมื่อจำเลยกระทำต่อผู้เสียหายซึ่งมีอายุเกินกว่า 13 ปี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์: จำเลยรับเด็กกลับเพราะกลัวถูกทำโทษ ไม่เข้าข่ายความผิด
ผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบสามปีออกจากบ้านไปคนเดียว จำเลยซึ่งเป็นป้ารับกลับมาแล้วไม่พาไปหาบิดามารดาเพราะผู้เยาว์กลัวถูกทำโทษไม่ยอมกลับ จนย่า ของผู้เยาว์ต้องนำไปบวชเณรเพื่อไม่ให้ถูกบิดามารดาทำโทษแล้วจึงให้ ส. ไปบอกบิดามารดาไปรับกลับเอง ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตาม ป.อ. มาตรา 317.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนของสมาชิก อพป. เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
จำเลยเป็นสมาชิก อพป. มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ได้รับแจกอาวุธปืนคาร์บินและกระสุนปืนของกลาง ซึ่งเป็นของทางราชการไว้ใช้ประจำตัว เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีและพาอาวุธปืน ฯ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รถตู้โดยสารส่วนบุคคลไม่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ขนส่งทางบก หากบรรทุกไม่เกิน 12 คน
การที่จำเลยนำรถยนต์ตู้มาแล่นรับส่งคนโดยสารเพื่อสินจ้างอันมีลักษณะเป็นการประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่บริษัทขนส่ง จำกัด ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางนั้น เมื่อปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยดังกล่าวเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินสิบสองคน ซึ่งมีพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 5(2) บัญญัติไว้ว่าเป็นรถยนต์ที่ไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 23
of 7