คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่รับพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1707/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นว่ากันในศาลล่าง เป็นเหตุไม่รับพิจารณาฎีกา
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โดยไม่ได้กล่าวในคำร้องว่าผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องชำระหนี้ การที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่า ก่อนที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องทั้งสองชำระหนี้อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา 119 แล้วนั้นเป็นฎีกากล่าวอ้างข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ถือได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกากล่าวอ้างดังกล่าว เป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 153.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องอ้างข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายชัดเจน การอ้างคำแถลงการณ์ปิดคดีในศาลชั้นต้นในฎีกาไม่ชอบ และการไม่โต้แย้งคำวินิจฉัยศาลอุทธรณ์ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ฎีกาทุกฉบับต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับจำเลยจะขอถือเอาคำแถลงการณ์ปิดคดีในศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาจำเลยไม่ได้
จำเลยไม่ได้ฎีกาคัดค้านว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 225 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเลยการส่งสำเนาอุทธรณ์ตามกำหนด และยกเหตุผลใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ ถ้า ส่งไม่ได้ให้แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วันนับแต่วันส่งไม่ได้มิฉะนั้นถือ ว่าดำเนินการต่อไปเมื่อล่วงเลยเวลาตาม ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ โดย มิได้อ้างเหตุผลและความจำเป็นใด ๆ ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยเพิ่งจะยกข้ออ้างที่ว่าเพิ่งรู้ว่าส่งสำเนาอุทธรณ์ไม่ได้เมื่อไปดู รายงานการเดินหมายมาอ้างในชั้นฎีกาข้ออ้างดังกล่าวจึงไม่ใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5899/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งต้องชัดเจนเฉพาะเจาะจงข้อกล่าวหา หากคลุมเครือศาลไม่รับพิจารณา
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 79 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสองด้วย คำร้อง ของ ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า กรรมการตรวจคะแนนลงคะแนนเอง ลงชื่อแทนผู้มีสิทธิลงคะแนนที่ไม่มาใช้สิทธิไม่จดหมายเลขกับสถานที่ออกบัตรประจำตัวประชาชนในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและที่จดไว้ก็ไม่ตรงกับความจริง การนับคะแนนของคณะกรรมการทุกหน่วยเลือกตั้งไม่ตรงต่อความเป็นจริงที่ปรากฏในบัตรเลือกตั้งโดยอ่านบัตรเลือกตั้งหมายเลขของผู้ร้องเป็นหมายเลขอื่นทำให้คะแนนของผู้ร้องลดลงคณะกรรมการตรวจคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งกรอกคะแนนลงในแบบรายงานแสดงผลของการนับคะแนนไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ตรงกับคะแนนที่อ่านได้โดยลดคะแนนของผู้ร้องแล้วเพิ่มคะแนนให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งซึ่งมีหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน รวมคะแนนของผู้ร้องผิดไปจากความจริงโดยลดคะแนนของผู้ร้องลงและบวกคะแนนเพิ่มให้แก่ผู้สมัครหมายเลขอื่นนั้นเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะไม่อาจทราบได้ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ของหน่วยเลือกตั้งที่เท่าใด ของอำเภอใดเป็นผู้กระทำเช่นนั้นและที่อ้างว่ากรรมการตรวจคะแนนและนายอำเภอในเขตเลือกตั้งรวมคะแนนผิดไปจากความจริงนั้น ความจริงมีจำนวนเท่าใดก็ไม่ปรากฏ ผู้ร้องเพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งและส่อแสดงว่าเป็นการคาดคะเนเอาเอง จึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2320/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยโฆษณาประกาศขายสินค้าจำพวกเครื่องบันทึกภาพ (วีดีโอ) และตลับเทปบันทึกภาพยี่ห้อโซนี่เลียนแบบการโฆษณาของ โจทก์ เป็นการละเมิดทำให้โจทก์เสียหายเป็นคำฟ้องในเรื่อง จำเลยขายสินค้ายี่ห้อ และชนิดเดียวกับของโจทก์ส่วน ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องว่า โจทก์กลั่นแกล้งใส่ความฟ้อง จำเลยฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นการละเมิด ทำให้จำเลยเสียหายต้องเสียค่าจ้างทนายความว่าต่างแก้ข้อกล่าวหา ทำให้จำเลยต้องเสียชื่อเสียงเกียรติคุณลูกค้าของจำเลยดูถูกเหยียดหยามไม่ยอมซื้อสินค้าของจำเลย ไม่เกี่ยวกับการขายสินค้าตามคำฟ้อง ของโจทก์เป็นคนละเรื่องกันฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็น เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งค่าเสียหายต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม หากไม่เกี่ยว ฟ้องแย้งนั้นไม่รับพิจารณา
จำเลยอ้างในฟ้องแย้งเกี่ยวกับค่าเสียหายที่เรียกร้องจากโจทก์ว่า เจ้าหน้าที่ของโจทก์ทุจริตนำเอาที่ดินพิพาทที่โจทก์แจ้งว่าจะให้จำเลยผู้เช่าเดิมได้เป็นผู้เช่าต่อไปหลังจากที่โจทก์ได้ปรับปรุงการจัดประโยชน์ในที่พิพาทเสร็จแล้วไปให้บุคคลภายนอกเช่า ทำให้ จำเลยได้รับความเสียหายไม่สามารถทำสัญญาเช่ากับโจทก์ได้ ดังนี้เป็นการยกข้ออ้างขึ้นมาใหม่ ไม่ได้อาศัยฟ้องเดิมเป็นมูลแห่งหนี้ที่เรียกร้องให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องขับไล่เพราะจำเลยคงอยู่ในที่พิพาทหลังจากสิ้นกำหนดการเช่าแล้วโดยไม่มี สิทธิ ชอบที่จำเลยจะฟ้องเป็นคดีต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่า ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์เพราะครบกำหนดสัญญาเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมเป็นผู้เช่าต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์กระทำการโดยทุจริตนำที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าแล้วมาฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่เป็นธรรมฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรัฐมนตรีและคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงขอคิดค่าเสียหายจากโจทก์ ดังนี้ แม้ข้ออ้างของจำเลยจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณา เนื่องจากเป็นคนละเรื่องและภารจำยอมคนละแปลง
โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองมีที่ดินติดต่อกัน ต่างฝ่ายต่างฟ้องอ้างว่าที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งตกอยู่ในภารจำยอมโดยอายุความ จึงเป็นที่เห็นได้ว่าที่ดินที่ตกเป็นภารจำยอมตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นที่ดินคนละแปลงกับภารจำยอมตามฟ้องของโจทก์ทั้งสอง จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จะรับไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากจำเลยไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมศาล และคำสั่งศาลอุทธรณ์อนุญาตให้นางสาวคล้อยเป็นผู้รับมรดกชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้ยื่นฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถา จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมศาลในการยื่นฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149ซึ่งจำเลยไม่ได้ชำระ คำฟ้องฎีกาของจำเลยที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย รับไว้พิจารณาไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกาก็ไม่วินิจฉัยให้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยหาหลักประกันสำหรับค่าธรรมเนียมจำนวนนี้มาวางศาลและทำสัญญาประกันไว้ก็ไม่ทำให้ฟ้องฎีกาของจำเลยเป็นฟ้องที่ถูกต้องสมบูรณ์ขึ้นมาได้
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเจวะ เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะนั้น นางสาวคล้อยได้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านเป็นพยานว่าโจทก์ที่ 1 เป็นหัวหน้าครอบครัวนางสาวคล้อยมีความเกี่ยวพันกับหัวหน้าครอบครัวโดยเป็นพี่ เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับคำแถลงและคำให้การของจำเลยที่ว่านางสาวคล้อยเป็นพี่ของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่1 ไม่มีภรรยาและบุตร. บิดามารดาถึงแก่กรรมไปหมดแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่านางสาวคล้อยผู้ร้องเป็นทายาทของโจทก์ที่ 1 จริงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ตั้งให้นางสาวคล้อยเป็นคู่ความแทนโจทก์ ที่ 1 ผู้มรณะจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 43
ฎีกาของจำเลยที่ว่าผู้ร้องไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นผู้รับมรดกแทนโจทก์ที่ 1 ผู้มรณะได้เพราะอายุมากยังหาคู่สมรสไม่ได้ ไม่มีความรู้เขียนอ่านหนังสือไม่ได้ เป็นฎีกาที่กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไร้สาระ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3357/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต่างเรื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับพิจารณาพร้อมกันได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องเช่ากับเรียกค่าเสียหายจำเลยรับว่าได้เช่าห้องโจทก์จริง แต่ได้ตกลงกับโจทก์ให้โจทก์ปรับปรุงห้องเช่าใหม่ โจทก์บิดพลิ้วจำเลยจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ก่อสร้างตึกแถวใหม่แล้วให้โจทก์จดทะเบียนให้จำเลยเช่ามีกำหนด 30 ปี ในอัตราค่าเช่าตามที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันไว้ ฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวต่างเรื่องต่างประเด็นกับฟ้องเดิม เป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้ ศาลไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยชอบแล้ว
of 6