พบผลลัพธ์ทั้งหมด 26 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนของกลางสำหรับเจ้าของทรัพย์ที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางเจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33วรรคท้ายและต้องคืนแก่เจ้าของ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเงินประกอบการธนาคารพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตและผลกระทบต่อสิทธิผู้ฝาก เงินฝากไม่เป็นโมฆะหากผู้ฝากไม่รู้
การประกอบกิจการรับฝากเงินซึ่งต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม โดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ฝากเป็นดอกเบี้ย และใช้ประโยชน์เงินฝากนั้นในการให้พ่อค้าและผู้รู้จักชอบพอกู้ยืมโดยเรียกค่านายหน้าค่ารางวัล และดอกเบี้ยจากผู้กู้ยืมมีจำนวนสูงกว่าดอกเบี้ยที่จะจ่ายแก่ผู้ฝาก หากกระทำเป็นปกติธุระย่อมเป็นการประกอบการธนาคารพาณิชย์ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
การใดอันมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายซึ่งตกเป็นโมฆะกรรมนั้น ในสัญญาซึ่งเป็นนิติกรรมทำโดยบุคคลสองฝ่าย ประโยชน์อันเป็นผลสุดท้ายที่ทั้งสองฝ่ายต้องการคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมรู้กัน จึงจะเป็นวัตถุที่ประสงค์ของนิติกรรมสัญญานั้นถ้าคู่สัญญาแต่ฝ่ายเดียวรู้ถึงการกระทำของตนว่าเป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย โดยอีกฝ่ายมิได้ร่วมรู้ด้วย จะถือว่านิติกรรมสัญญานั้นมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมายหาได้ไม่
แม้ผู้รับฝากเงินจะประกอบการธนาคารพาณิชย์โดยมิได้รับอนุญาตแต่ผู้ฝากมิได้ร่วมรู้ ในการกระทำของผู้รับฝากซึ่งมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย ดังนี้นิติกรรมรับฝากเงินระหว่างผู้ฝากกับผู้รับฝากย่อมไม่เป็นโมฆะ ผู้ฝากมีสิทธิเรียกเงินฝากคืนจากผู้รับฝากได้
คดีล้มละลายที่ได้ยื่นฟ้องก่อนวันที่พระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511 ใช้บังคับ และยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แม้จะมีการอุทธรณ์ฎีกา คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลหลังจากใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว ค่าธรรมเนียมในการอุทธรณ์ฎีกาก็ยังคงเสียตามอัตราเดิมที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
การใดอันมีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายซึ่งตกเป็นโมฆะกรรมนั้น ในสัญญาซึ่งเป็นนิติกรรมทำโดยบุคคลสองฝ่าย ประโยชน์อันเป็นผลสุดท้ายที่ทั้งสองฝ่ายต้องการคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมรู้กัน จึงจะเป็นวัตถุที่ประสงค์ของนิติกรรมสัญญานั้นถ้าคู่สัญญาแต่ฝ่ายเดียวรู้ถึงการกระทำของตนว่าเป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย โดยอีกฝ่ายมิได้ร่วมรู้ด้วย จะถือว่านิติกรรมสัญญานั้นมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมายหาได้ไม่
แม้ผู้รับฝากเงินจะประกอบการธนาคารพาณิชย์โดยมิได้รับอนุญาตแต่ผู้ฝากมิได้ร่วมรู้ ในการกระทำของผู้รับฝากซึ่งมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย ดังนี้นิติกรรมรับฝากเงินระหว่างผู้ฝากกับผู้รับฝากย่อมไม่เป็นโมฆะ ผู้ฝากมีสิทธิเรียกเงินฝากคืนจากผู้รับฝากได้
คดีล้มละลายที่ได้ยื่นฟ้องก่อนวันที่พระราชบัญญัติล้มละลาย(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2511 ใช้บังคับ และยังค้างพิจารณาอยู่ในศาลหรืออยู่ในระหว่างปฏิบัติการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แม้จะมีการอุทธรณ์ฎีกา คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลหลังจากใช้บังคับพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว ค่าธรรมเนียมในการอุทธรณ์ฎีกาก็ยังคงเสียตามอัตราเดิมที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความต่อผู้จัดการมรดกคนใหม่ แม้จะไม่รู้เห็นสัญญาเดิม
ผู้จัดการมรดกทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล และศาลได้พิพากษาตามยอม ผลของคำพิพากษายอ่มผูกพันผู้จัดการมรดกในฐานะคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 นับแต่วันพิพากษา จนกว่าคำพิพากษานั้นถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข
ผู้จัดการมรดกคนใหม่ย่อมถูกผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมซึ่งผูกพัน ผู้จัดการมรดกคนก่อนในฐานะเป็นคู่ความต่อไป จะอ้างความไม่รู้เห็นในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นเป็นเหตุให้พ้นความผูกพันไม่ได้
ผู้จัดการมรดกคนใหม่ย่อมถูกผูกพันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมซึ่งผูกพัน ผู้จัดการมรดกคนก่อนในฐานะเป็นคู่ความต่อไป จะอ้างความไม่รู้เห็นในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นเป็นเหตุให้พ้นความผูกพันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด ไม่ควรริบเป็นของกลาง
เมื่อได้ความว่าปืนของกลางที่จับได้จากจำเลยเป็นปืนของผู้มีชื่อซื้อจากทางราชการขายทอดตลาด ยังไม่ได้ใบรับอนุญาต ในวันเกิดเหตุผู้มีชื่อได้นำไปฝากจำเลยไว้ ดังนี้ ปืนของกลางจึงเป็นปืนของผู้อื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงยังไม่ควรริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด การริบของกลาง
เมื่อได้ความว่าปืนของกลางที่จับได้จากจำเลยเป็นปืนของผู้มีชื่อซื้อจากทางราชการขายทอดตลาด ยังไม่ได้รับใบอนุญาตในวันเกิดเหตุผู้มีชื่อได้นำไปฝากจำเลยไว้ดังนี้ ปืนของกลางจึงเป็นปืนของผู้อื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดในคดีนี้ จึงยังไม่ควรรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบทำร้ายร่างกาย: ความรับผิดของจำเลยที่ไม่รู้เห็นการกระทำ
จำเลยสามคนไล่ทำร้ายบุคคลสองคน บุคคลทั้งสองนั้นวิ่งหนีไปที่เรือนผู้เสียหาย ผู้เสียหายช่วยป้องกันคนทั้งสองโดยสอดมือออกมาจะขัดประตูเรือน จำเลยคนหนึ่งใช้ดาบฟันมือผู้เสียหายจนนิ้วขาด ดั่งนี้ เป็นเรื่องนอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลยอีก 2 คนคดีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยอีก 2 คนนั้นสมคบในการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954-955/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมงผิดกฎหมายและการริบของกลาง: เจ้าของเรือไม่รู้เห็นการกระทำผิดไม่ถูกริบ
คนต่างด้าวนำเรือและอวนเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำไทยอันเป็นผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิการประมงในเขตการประมงไทยพ.ศ.2482 มาตรา 4,7,8,10,11 นั้น เมื่อปรากฏว่าเรือยนต์และอวนของกลางนั้นเป็นของผู้อื่นมิได้รู้เห็นในการกระทำผิดนี้ด้วยจะริบไม่ได้ ศาลพิพากษาให้คืนเรือยนต์และอวนนั้นให้เจ้าของไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเครื่องมือประมง: เจ้าของที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิดไม่ต้องรับโทษ
มาตรา 70 แห่ง พ.ร.บ.การประมง 2490 บัญญัติว่า "เครื่องมือทำการประมงที่ได้มีประกาศตามความในมาตรา 32 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้โดยเด็ดขาดนั้น ถ้านำมาใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ ให้ศาลริบเครื่องมือนั้นเสีย " นั้น ถ้าปรากฎว่าเจ้าของเครื่องมือนั้นมิได้รู้เห็นในการกระทำผิดด้วย ก็จะไปริบเครื่องมือนั้นไม่ได้ ต้องคืนแก่เจ้าของไปเพราะการริบเป็นโทษอย่างหนึ่งจะไปลงโทษเอาแก่เจ้าของซึ่งเป็นผู้ไม่ได้กระทำผิดย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรถไม่รู้เห็นการใช้รถในการกระทำผิดศุลกากร ศาลไม่ริบรถ
เจ้าของรถจักรยาน 3 ล้อให้ผู้อื่นเช่ารถไป แล้วผู้เช่าไปบรรทุกของเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักร์อันเป็นผิดต่อ พ.ร.บ.ศุลกากร โดยเจ้าของรถผู้ให้เช่ามิได้รู้เห็นนั้น ศาลไม่รับรถจักร์ยาน อ้างฎีกาที่ 172/2484, 961/2484
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง (บุหรี่ต่างประเทศ) แม้เจ้าของไม่รู้เห็นการลักลอบนำเข้าเพื่อเลี่ยงภาษี
นำบุหรี่ต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร์ โดยเจตนาหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร มาตรา 27 บุหรี่ของกลางต้องริบโดยมิต้องคำนึงว่าผู้เป็นเจ้าของจะต้องรู้เห็นในการกระทำผิดด้วยหรือไม่