พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหาร: คดีเบิกความเท็จของทหาร ไม่เกี่ยวพันกับคดีแพ่งเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนายทหารเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีแพ่งของศาลพลเรือน การที่โจทก์นำคำเบิกความของจำเลยทั้งสองมาฟ้องคดีนี้ หาใช่คดีนี้เกี่ยวพันกับคดีแพ่งดังกล่าวไม่แต่เป็นเพียงนำคำเบิกความดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานที่จะอ้างอิงในคดีนี้เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรประจำการและจำเลยที่ 2 เป็นนายทหารประทวนประจำการ จำเลยทั้งสองจึงเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารพ.ศ. 2498 มาตรา 16(1) และ (3) ตามลำดับ ทั้งเป็นคดีที่ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 14 คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาตามมาตรา 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวพันกับมูลหนี้เดิม ศาลไม่รับพิจารณา ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่
ฟ้องเดิมโจทก์เรียกหนี้เงินกู้ตามสัญญายืม ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยเรียกเงินค่าป่วยการที่จำเลยจ่ายให้โจทก์ตามสัญญาต่างตอบแทนคืน ดังนี้ เป็นคนละเรื่องคนละประเด็นไม่เกี่ยวพันกับมูลหนี้เดิมตามฟ้องโจทก์ ศาลไม่รับฟ้องแย้ง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2972/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งมีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม จึงไม่สามารถรวมพิจารณาได้
ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นคำฟ้องที่ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าปรับและใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยก็ต่อเมื่อศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทแล้ว การที่จำเลยจะต้องออกไปจากอาคารพิพาทหรือไม่ ยังไม่เป็นที่แน่นอนโดยจะต้องรอจนคำพิพากษาขับไล่จำเลยตามฟ้องเดิมเสียก่อน ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคสุดท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเรียกเงินตามเช็คกับฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากสัญญาจ้างทำของ ไม่เกี่ยวพันกัน
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์รับจ้างจำเลยต่อตัวถังรถยนต์ และจำเลยมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นประกันสินจ้าง โจทก์ผิดสัญญาทำงานล่าช้า จำเลยบอกเลิกสัญญา เรียกรถยนต์และเช็คประกันคืน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถัง อุปกรณ์หายไปหลายอย่าง จำเลยต้องจ้างบุคคลอื่นต่อตัวถังรถเสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น และจำเลยต้องขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า จึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปกรณ์หาย ค่าจ้างที่เสียเพิ่มและค่าขาดรายได้จากโจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม เพราะตามคำฟ้องเดิมมีประเด็นเพียงว่า. จำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงใดตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็ค ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องมาจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหาก กรณีไม่เกี่ยวพันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวพันกับคำฟ้องเดิม หากประเด็นต่างกัน แม้เกิดจากสัญญาเดียวกัน ศาลไม่รับฟ้องแย้ง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง. จำเลยให้การต่อสู้ว่า.โจทก์รับจ้างจำเลยต่อตัวถังรถยนต์. และจำเลยมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นประกันสินจ้าง. โจทก์ผิดสัญญาทำงานล่าช้า. จำเลยบอกเลิกสัญญา เรียกรถยนต์และเช็คประกันคืน. โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็ค. ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถัง. อุปกรณ์หายไปหลายอย่าง. จำเลยต้องจ้างบุคคลอื่นต่อตัวถังรถเสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น. และจำเลยต้องขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า. จึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปกรณ์หาย ค่าจ้างที่เสียเพิ่มและค่าขาดรายได้จากโจทก์. ดังนี้เป็นฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม. เพราะตามคำฟ้องเดิมมีประเด็นเพียงว่า. จำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงใดตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็ค. ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องมาจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหาก. กรณีไม่เกี่ยวพันกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่เกี่ยวพันกับความผิดอื่น อัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาตนั้น ข้อเท็จจริงไม่เป็นอันเดียวกันเกี่ยวพันกันหรือต่อเนื่องกันกับความผิดฐานพกอาวุธปืนไปในทางสาธารณโดยไม่มีเหตุสมควรและฐานใช้อาวุธปืนขู่เข็ญข่มเหงรังแกผู้อื่นให้ตกใจกลัวตามความหมายในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2484
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาซ้ำกับจำเลยอื่น ศาลพิจารณาว่าคดีไม่เกี่ยวพันกันตามหลักกฎหมาย
โจทก์เคยฟ้องคนอื่นเป็นจำเลยฐานฆ่าคนตายรายนี้ ศาลยกฟ้องคดีถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนตายรายเดียวกันนั้นได้ ถ้าจำเลยต่างคนกัน คดีย่อมไม่อยู่ในบังคับวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
อ้างฎีกาที่ 1048/2478
อ้างฎีกาที่ 1048/2478
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4717/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำคุกคดีอาญาต่างสำนวนที่ไม่เกี่ยวพันกัน ศาลสามารถนับโทษต่อกันได้โดยไม่จำกัด 20 ปีตาม ป.อ. มาตรา 91(2)
การรวมโทษของจำเลยทุกคดีแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 20 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91 (2) นั้น จะต้องปรากฏว่าการกระทำความผิดของจำเลยทุกคดีมีลักษณะเกี่ยวพันกันจนอาจจะฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 160 วรรคหนึ่ง หรือรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันได้ แต่โจทก์กลับแยกฟ้องเป็นหลายคดีและไม่มีการรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน แต่สำหรับคดีนี้และคดีที่นับโทษต่อ จำเลยกระทำความผิดต่อผู้เสียหายต่างคนกัน คดีแต่ละสำนวนไม่เกี่ยวพันกันและไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ ศาลย่อมนับโทษจำคุกจำเลยติดต่อกันอันอาจทำให้จำเลยต้องโทษจำคุกทุกคดีเกิน 20 ปีได้ หาได้อยู่ในบังคับของ ป.อ. มาตรา 91 (2) ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3676/2564
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษหลายกระทงความผิดที่ผู้เสียหายต่างรายกัน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่านับโทษรวมได้เกิน 20 ปีได้หากคดีไม่เกี่ยวพันกัน
แม้การกระทำความผิดของจำเลยในคดีนี้กับคดีอื่น ๆ ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ จะเป็นการกระทำด้วยเจตนาเหมือนกัน และมีการดำเนินการในลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ทั้งการกระทำความผิดเกิดขึ้นคนละสถานที่และต่างวันเวลากัน คดีแต่ละสำนวนจึงมิได้เกี่ยวพันกัน แม้โดยรูปคดีอาจพิจารณาไปด้วยกันได้ก็เป็นเพราะจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกันเพื่อความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาแต่ละคดีและให้นับโทษต่อกันตาม ป.อ. มาตรา 22 แล้ว มีกำหนดระยะเวลาจำคุกเกินกว่า 20 ปี ก็ย่อมพิพากษาให้บังคับเช่นนี้ได้ หาได้อยู่ในบังคับตาม ป.อ. มาตรา 91 (2) ไม่