คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไม่เป็นสาระ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 14 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4302/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องแล้วมีคำสั่งยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ทำให้ฎีกาเดิมไม่เป็นสาระ
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นด้วย ต่อมาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง ของ โจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ดังนี้ ไม่ว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องดังกล่าวจะชอบหรือไม่แต่ศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งให้ยกคดีของโจทก์ขึ้นพิจารณาใหม่แล้วฎีกาของโจทก์ในเรื่องที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: แก้ไขเล็กน้อย, ข้อเท็จจริง, ไม่เป็นสาระ, ไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กรรมรวมจำคุกจำเลยที่ 1, ที่ 2 และที่ 3 คนละ 5 ปี และปรับคนละ 1,000 บาท ลงโทษปรับจำเลยที่ 4 เป็นเงิน 11,000 บาท ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนเงิน 1,997,400 บาท แก่ผู้เสียหายศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสี่ใช้เงินแก่ผู้เสียหายเพียง 1,985,400 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ที่จำเลยฎีกาว่าไม่มีพยานโจทก์ยืนยันถึงการกระทำผิดของจำเลยนั้นเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ข้อหนึ่งของจำเลยเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยอุทธรณ์ในข้อดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 มาตรา 7, 27 มิใช่มาตรา 7, 28 ตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี เพราะโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามมาตรา 7, 28 ทั้งมาตรา 27 และ 28 ต่างก็เป็นบทลงโทษของมาตรา 7 ซึ่งกำหนดโทษไว้เท่ากัน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม – ละเมิดอำนาจศาล – รัฐธรรมนูญสิ้นสุด – ไม่เป็นสาระวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงโทษจำเลยฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1), 33 วรรคท้าย ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จำเลยอุทธรณ์เพียงขอให้ลดโทษจำคุกเหลือ 15 วัน หรือรอการลงอาญาโทษจำคุกส่วนที่เหลือเท่านั้น ดังนี้การกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจึงยุติไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยไม่อาจฎีกาว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้อีก ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ.มาตรา 15
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นดำเนินคดีแก่จำเลยโดยไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 40 (2) บัญญัติไว้ นั้น เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สิ้นสุดลงแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระอันควรวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7685/2555

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ที่ไม่ใช่ของเจ้าหนี้: ฎีกานอกประเด็นและไม่เป็นสาระต่อคดี
ผู้ร้องร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดโดยอ้างว่าเป็นของผู้ร้อง เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของต้นยางพาราที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ การที่ผู้ร้องฎีกาว่า ต้นยางพาราพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงต้องถูกห้ามยึดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1307 ประกอบ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 25 จึงเป็นฎีกานอกคำร้องและนอกประเด็น ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
of 2