พบผลลัพธ์ทั้งหมด 338 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลความผิดพลาดของจำเลยไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษ
การที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกสิบวันโดยอ้างว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์สองวัน ทนายจำเลยที่ 2 มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันยื่นอุทธรณ์ได้นั้นถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองมิใช่มีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลจากความผิดพลาดของจำเลย ไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
คำร้อง ของ จำเลยขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์อ้างเหตุว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัททนายจำเลยมิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อนเนื่องจากไม่คาดคิดว่ากรรมการผู้จัดการจะต้องเดินทางกะทันหัน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในกำหนดนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเพราะความผิดหรือบกพร่องของจำเลยเอง ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลพิเศษต้องเกิดจากเหตุการณ์นอกเหนือการควบคุมของจำเลย
การที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกสิบวันโดยอ้างว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์สองวัน ทนายจำเลยที่ 2 มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันยื่นอุทธรณ์ได้นั้นถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองมิใช่มีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่โจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198 เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลไม่อาจขยายเวลาได้
เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์มีหน้าที่ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 198 ที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่เวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดการที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ โดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด และศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวมีคำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย เป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย มิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับการยกเว้นที่จะไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนด ที่ดินของโจทก์ เพราะที่ดินอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนด ที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่งซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลก็อนุญาตอีก จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่12 สิงหาคม 2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ก็ไม่ได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มกลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้นถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้ามย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาการยื่นภาษี, เหตุสุดวิสัย, ความรับผิดของผู้เสียภาษี, และอำนาจการประเมินของเจ้าพนักงาน
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลต่อกรมสรรพากรจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ไม่แจ้งคำสั่งให้โจทก์ทราบ จะถือว่าจำเลยที่ 1 ได้อนุญาตให้โจทก์ขยายเวลาตามคำร้องของโจทก์โดยปริยายไม่ได้ เพราะตามประมวลรัษฎากร มาตรา 3 อัฏฐ มิได้บัญญัติบังคับให้ต้องแจ้งคำสั่งให้ผู้ร้องทราบ เหมือนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 (ข)
การที่โจทก์ไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลภายในกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 อนุญาตให้ขยายเวลาโดยอ้างว่าผู้ตรวจสอบบัญชีของโจทก์ไม่ยอมรับรองบัญชีงบดุลซึ่งจะต้องยื่นพร้อมแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี เนื่องจากสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีอยู่ที่จำเลยที่ 1 ผู้ตรวจสอบบัญชีของโจทก์ไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น ไม่ใช่เป็นเหตุสุดวิสัยและไม่ใช่ความบกพร่องของพนักงานของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด เพราะผู้ตรวจสอบบัญชีของโจทก์สามารถจะไปขออนุญาตตรวจสอบหรือขอถ่ายบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี ณ ที่ทำการของจำเลยที่ 1 ได้
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลภายในกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 ขยายให้ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1จึงมีอำนาจทำการประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 71 (1) ได้.
การที่โจทก์ไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลภายในกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 อนุญาตให้ขยายเวลาโดยอ้างว่าผู้ตรวจสอบบัญชีของโจทก์ไม่ยอมรับรองบัญชีงบดุลซึ่งจะต้องยื่นพร้อมแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี เนื่องจากสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีอยู่ที่จำเลยที่ 1 ผู้ตรวจสอบบัญชีของโจทก์ไม่สามารถตรวจสอบได้นั้น ไม่ใช่เป็นเหตุสุดวิสัยและไม่ใช่ความบกพร่องของพนักงานของจำเลยที่ 1 แต่อย่างใด เพราะผู้ตรวจสอบบัญชีของโจทก์สามารถจะไปขออนุญาตตรวจสอบหรือขอถ่ายบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี ณ ที่ทำการของจำเลยที่ 1 ได้
เมื่อโจทก์ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลภายในกำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 ขยายให้ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1จึงมีอำนาจทำการประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 71 (1) ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์ต้องมีพฤติการณ์พิเศษ การอ้างทนายเพิ่งได้รับมอบอำนาจไม่อาจใช้ขยายเวลาได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้ เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดี รูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษ ถึงกับจะเป็นเหตุให้ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน ทนายโจทก์ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีกไม่ถึง 7 วัน แสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอที่จะดำเนินการได้ ข้ออ้างของโจทก์ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาอุทธรณ์: เหตุผล 'ทนายเพิ่งได้รับมอบอำนาจ' ไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่า ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์เพิ่งได้รับแต่งตั้งจากโจทก์ ให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์แต่ทนายโจทก์ยังไม่ทราบรายละเอียด และข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะอุทธรณ์คำสั่งได้เมื่อการยื่นอุทธรณ์ดังกล่าว เป็นเพียงคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องในกรณีที่โจทก์ขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่ ยังมิได้เป็นการวินิจฉัยถึงเนื้อหาของคดี รูปคดีจึงมิได้มีความสลับซับซ้อนเป็นพิเศษถึงกับจะเป็นเหตุให้ ทนายโจทก์ศึกษารายละเอียดและข้อเท็จจริงไม่ทัน ทนายโจทก์ ก็ยอมรับมาในฎีกาว่าระยะเวลาที่จะทำอุทธรณ์เหลือเวลาอีก ไม่ถึง 7 วัน แสดงว่าก่อนครบกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ทนายโจทก์ยังมีเวลาเพียงพอ ที่จะดำเนินการได้ ข้ออ้างของโจทก์ ตามคำร้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะขยาย ระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4719/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระภาษีอากรตามแถลงการณ์กระทรวงการคลัง ไม่ครอบคลุมกรณีที่ผู้เสียภาษียื่นรายการล่าช้าเกินกำหนด
แถลงการณ์กระทรวงการคลังเรื่องเปิดโอกาสให้เสียภาษีอากรเพิ่มเติมลงวันที่26กุมภาพันธ์2525มีความประสงค์ที่จะขยายเวลาชำระภาษีอากรโดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีหรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือมิได้หักภาษีไว้ณที่จ่ายหรือหักไว้ไม่ครบถ้วนได้มายื่นชำระภาษีอากรหรือเสียภาษีอากรเพิ่มเติมหรือนำส่งภาษีให้ถูกต้องครบถ้วนโดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มใดๆทั้งสิ้นจากข้อความที่ว่าไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มนั้นแสดงอยู่ในตัวว่าในขณะที่กระทรวงการคลังออกแถลงการณ์ได้ล่วงเลยกำหนดเวลาชำระภาษีอากรหรือนำส่งภาษีอากรมาแล้วแต่ผู้ต้องเสียภาษีอากรยังมิได้ยื่นแบบแสดงรายการหรือยื่นแบบแสดงรายการไว้ไม่ถูกต้องครบถ้วนหรือมิได้หักภาษีไว้ณที่จ่ายโดยระบุว่าการขยายเวลานั้นไม่รวมถึงภาษีอากรที่ต้องเสียหรือนำส่งที่ถึงกำหนดเวลาเสียหรือนำส่งตามปกติในหรือหลังวันที่ที่ลงในแถลงการณ์แสดงว่าแถลงการณ์กระทรวงการคลังที่ขยายเวลาออกไปถึงวันที่31พฤษภาคม2525นั้นไม่รวมถึงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปี2524ที่ต้องยื่นรายการภายในวันที่31มีนาคม2525ดังนี้การที่โจทก์ขายที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิได้มุ่งในทางการค้าหรือหากำไรเมื่อวันที่10มีนาคม2524แต่โจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ภายในวันที่31มีนาคม2525ตามมาตรา56แห่งประมวลรัษฎากรโจทก์เพิ่งมายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เมื่อวันที่28พฤษภาคม2525ซึ่งล่วงเลยเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้โจทก์จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับประโยชน์จากแถลงการณ์กระทรวงการคลังฉบับดังกล่าวและไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา42(9).