พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำพิพากษาขับไล่และห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดิน: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ได้ให้จำเลยอยู่อาศัย และมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ก็ย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆของจำเลยที่อยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วยดังนั้น เมื่อบ้านเป็นของจำเลย การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่พิพาทจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำพิพากษาขับไล่และห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดิน: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ได้ให้จำเลยอยู่อาศัย และมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ก็ย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆของจำเลยที่อยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วยดังนั้น เมื่อบ้านเป็นของจำเลย การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่พิพาทจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเพื่อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องในคดีขับไล่จากสัญญาเช่า
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้ร้องซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงต้องโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้องและไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ คำร้อง ของ ผู้ร้องตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง เป็นการแสดงเหตุแห่งการขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แล้วจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เนื่องจากจำเลยประพฤติเนรคุณหมิ่นประมาทและขับไล่โจทก์
โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยซึ่งเป็นหลานและอาศัยอยู่กับจำเลยต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยเป็นภริยาน้อยผู้อื่นจึงได้พูดจาตักเตือนจำเลย จำเลยโกรธและพูดว่า 'ข้าวน้ำมึงไม่ต้องกิน ไอ้แก่หัวหงอก มึงอยู่ที่ไหนได้ก็ให้ไป' การที่จำเลยพูดกับโจทก์ด้วยถ้อยคำดังกล่าวและขับไล่โจทก์นั้นถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์ย่อมฟ้องขอให้ถอนคืนการให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้หลานแล้วถูกขับไล่ ถือเป็นการประพฤติเนรคุณและหมิ่นประมาท โจทก์มีสิทธิขอถอนคืน
โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยซึ่งเป็นหลานและอาศัยอยู่กับจำเลยต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยเป็นภริยาน้อยผู้อื่นจึงได้พูดจาตักเตือนจำเลย จำเลยโกรธและพูดว่า 'ข้าวน้ำมึงไม่ต้องกินไอ้แก่หัวหงอก มึงอยู่ที่ไหนได้ก็ให้ไป' การที่จำเลยพูดกับโจทก์ด้วยถ้อยคำดังกล่าวและขับไล่โจทก์นั้นถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณโดยการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง โจทก์ย่อมฟ้องขอให้ถอนคืนการให้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3474/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่กรณีผู้เช่ายังไม่เข้าครอบครอง และการฟ้องซ้ำเมื่อสัญญาเช่าต่างฉบับ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอาศัยสัญญาเช่าอาคารระหว่างโจทก์กับวัดบางขวาง ฉบับลงวันที่ 25 กันยายน 2525 เป็นหลักแห่งข้อหา ส่วนคดีก่อนซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอาศัยเหตุจากสัญญาเช่าอาคารระหว่างโจทก์กับวัดบางขวางฉบับลงวันที่ 29 สิงหาคม 2522 จึงเป็นคนละเหตุแม้จะเป็นประเด็นอย่างเดียวกันก็ไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน แม้โจทก์เป็นผู้เช่าไม่เคยเข้าครอบครองตึกแถวพิพาท แต่โจทก์มีคำขอให้ศาลเรียกวัดบางขวางเข้าเป็นโจทก์ร่วมมาพร้อมกับคำฟ้องของโจทก์และวัดบางขวางซึ่งเป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในภายหลัง โดยถือเอาคำฟ้องเดิมของโจทก์ทั้งหมดเป็นคำฟ้องของตนหรือเป็นคำฟ้องส่วนหนึ่งของโจทก์ร่วมเมื่อศาลอนุญาตแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมจึงมีอำนาจฟ้องดำเนินคดีกับจำเลยได้ จำเลยเข้าอยู่อาศัยในตึกแถวพิพาทโดยเช่าช่วงจาก ล.เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่า สิทธิการเช่าระงับไป สิทธิการเช่าช่วงย่อมระงับตามไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3252/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาเกินคำขอในคดีขับไล่: ศาลยึดตามเจตนาของคู่ความ แม้เลขที่บ้านไม่ตรงกัน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านเลขที่7/29 ลงบนที่ดินแปลงที่จำเลยเช่า ส่วนคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 7 ออกไป ซึ่งแม้เลขที่บ้านจะไม่ตรงกับที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่าบ้านที่จำเลยปลูกในที่ดินที่เช่านั้นมีหลังอื่นอีก จึงย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า บ้านที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องก็คือบ้านหลังที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ทั้งการที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านที่ปลูกในที่ดินที่เช่าออกไปนั้น ไม่จำเป็นต้องระบุเลขที่บ้านก็มีผลบังคับได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อจำเลยไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินที่เช่าแล้ว จำเลยก็ต้องขนย้ายทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมดออกไปรวมทั้งบ้านที่ปลูกไว้ด้วย ดังนั้นคำพิพากษาที่ให้รื้อบ้านเลขที่ 7/29 ของจำเลยออกไปจากที่ดินที่เช่าจึงหาเป็นการพิพากษาเกินคำขอไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิอุทธรณ์คดีขับไล่ - ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 224
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่มีประเด็นเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบ ทั้งมีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ให้เช่ากับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบและค่าเสียหายของ โจทก์ไม่ถึงจำนวนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2886/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับไล่และการบอกเลิกสัญญาเช่า ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้ข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ทั้งไม่มีประเด็นเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์อ้างว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเป็นการไม่ชอบ ทั้งมีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างผู้ให้เช่ากับจำเลย โจทก์บอกเลิกการเช่าโดยมิชอบและค่าเสียหายของโจทก์ไม่ถึงจำนวนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีค่าเช่าและขับไล่: ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาไม่อาจวินิจฉัยได้
คดีฟ้องเรียกค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์อันมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาทและขอให้ขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ดังนี้เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 และจำเลยไม่มีสิทธิฎีกาได้อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249.