พบผลลัพธ์ทั้งหมด 291 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยคดีมรดกโดยอ้างอิงคำพิพากษาเดิมและประเด็นฟ้องซ้ำ
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องมรดกที่ดินต่างอ้างถึงสำนวนคดีแดงอีกเรื่องหนึ่งเมื่อศาลเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การประกอบกับสำนวนเรื่องนั้นก็พอวินิจฉัยคดีได้แล้วศาลก็อาจงดสืบพยานเสียแล้วนำสำนวนคดีนั้นมาวินิจฉัยประกอบได้เองโดยโจทก์จำเลยไม่ต้องขอระบุอ้าง
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกันข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วยและคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทจึงเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยว่าที่พิพาทโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิและปกครองร่วมกันข้อเท็จจริงอันนี้ย่อมผูกมัดโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่ความเดียวกันด้วยและคดีหลังนี้โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่พิพาทจึงเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดีตามประเด็นที่ตกลงกัน: ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่คู่ความตกลงกันเท่านั้น
โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยจับจองทับที่ของโจทก์ขอให้เพิกถอนการจับจอง จำเลยต่อสู้ว่า ที่ที่จับจองเป็นที่ว่างเปล่า ในที่สุดได้ตกลงท้ากันให้ศาลไปดูและวินิจฉัยเจาะจงข้อเถียงว่า ถ้าที่พิพาทเป็นที่ซึ่งปลูกพืชและธัญญะชาติ ก็ให้ โจทก์ชนะคดี ถ้าที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ปลูกพืชผลธัญญะชาติอะไรไปเลย ให้จำเลยชนะคดี ดังนี้ เมื่อ ศาลไปดูแล้วปรากฎว่า ที่พิพาทมีสภาพเป็นที่ซึ่งปลูกพืชผลธัญญะชาติสมจริงแล้ว แม้จะมิได้ปลูกเต็มเนื้อที่พิพาท ก็ต้องให้โจทก์ชนะคดี ได้ที่พิพาททั้งหมด จะแบ่งให้โจทก์ได้เฉพาะตอนที่ปลูกพืชผล ส่วนตอนที่ไม่ได้ปลูกให้ได้แก่ จำเลยนั้นไม่ถูกต้องเพราะมิได้อยู่ในขอบข่ายแห่งประเด็นข้อท้า เป็นการนอกประเด็น./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่ถือเป็นเหตุฎีกาในข้อเท็จจริง
ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 แปลง คือที่นาและที่สวนราคาแปลงละ 300 บาทและเรียกค่าเสียหาย 420 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่สวนเป็นของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 30 บาท แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่นาก็เป็นของโจทก์ด้วย กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีก 300 บาท ดังนี้ถือว่า เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำ: คู่ความเดิมไม่เหมือนกับคู่ความใหม่ คดีไม่ขาดอายุความ
ในคดีก่อน โจทก์ฟ้องเรียกกรรมสิทธิที่ดินจากจำเลย ศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์มาฟ้องมารดาจำเลยเป็นคดีอย่างเดียวกันอีกได้ และในคดีหลังนี้แม้จำเลยจะเข้ามาเป็นคู่ความในฐานะเป็นผู้ปกครองเด็กผู้เยาว์ (คือเป็นจำเลยร่วม) ถือว่ามิใช่คู่ความในคดีเดิม คดีจึงไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลพินิจศาลในการนับโทษจำเลย: นับโทษจากวันต้องขังในคดีหลังได้
แม้โจทก์จะร้องขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อนศาลก็ใช้ดุลพินิจให้นับโทษจำเลยตั้งแต่วันต้องขังในคดีหลังโดยไม่นับโทษต่อจากคดีก่อนตามโจทก์ขอได้ ทั้งนี้เพราะกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 32 ได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้จำเลยเบิกความแก้คดี แม้ยื่นระบุพยานล่าช้า หากมีเอกสารอ้างแล้ว
ในคดีแพ่ง จำเลยเพิ่งยื่นระบุพยานจำเลยเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว เพราะความพลั้งเผลอเข้าใจผิด แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นเอกสารเพื่ออ้างเป็นพยานต่อศาลไว้ 13 ฉบับ ศาลได้เรียกค่าอ้าง จากจำเลยไว้แล้ว ทั้งจำเลยก็ได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ไว้ด้วยแล้ว เช่นนี้ควรอนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเบิกความอธิบายเอกสารที่อ้างนี้และเบิกความแก้หรือหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดี: การรวมราคาที่ดินจากคำร้องสอดเพื่อทำให้คดีมีมูลค่าเกิน 500 บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยพิพาทกันมีทุนทรัพย์ 500 บาทแล้วมีผู้ร้องสอดเข้ามา ตั้งข้อพิพาทกับจำเลยอีกส่วนหนึ่ง ไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยดังนี้ จะเอาราคาทรัพย์ในส่วนที่ผู้ร้องสอดเข้ามารวมกับทุนทรัพย์ตามฟ้องด้วยไม่ได้เพื่อทำให้คดีของโจทก์มีทุนทรัพย์เกิน 500 บาทนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทุนทรัพย์คดี: การรวมราคาที่ดินจากคำร้องสอดที่ไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทเดิมเพื่อทำให้เกินเกณฑ์ค่าธรรมเนียมศาลไม่ได้
โจทก์จำเลยพิพาทกันมีทุนทรัพย์ 500 บาท แล้วมีผู้ร้องสอดเข้ามาตั้งข้อพิพาทกับจำเลยอีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยดังนี้ จะเอาราคาทุนทรัพย์ในส่วนที่ผู้ร้องสอดเข้ามารวมกับทุนทรัพย์ตามฟ้องด้วย เพื่อทำให้คดีของโจทก์มีทุนทรัพย์เกิน 500 บาทนั้น ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวในการห้ามขนย้ายข้าวทางทะเล ไม่เกินขอบเขต พ.ร.บ. และการพิพากษาคดี
คณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวมีอำนาจประกาศห้ามการขนย้ายข้าวทางทะเลเป็นเด็ดขาดเพราะถือว่าเท่ากับเป็นการกำหนดเขตขึ้นเอง เพราะฉะนั้นประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวฉบับที่ 9 และฉบับที่ 12 จึงไม่ขัดต่อมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.สำรวนและห้ามกักกันข้าวและมีผลใช้ได้ไม่เป็นโมฆะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1274/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่มีทุนทรัพย์น้อย และการเพิ่มทุนทรัพย์เพื่อฎีกา
คดีมีทุนทรัพย์เพียง 2000 บาท ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแล้ว จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 248 จำเลยจะยื่นคำร้องขอเพิ่มทุนทรัพย์ เพื่อจะให้เป็นคดีที่จะฎีกาได้ต่อไปนั้น ไม่ต้องด้วยความประสงค์และเป็นกรณีที่ไม่ต้องด้วย ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 150 วรรค 3 (จึงไม่ทำให้คดีของจำเลยเป็นคดีที่ฎีกาได้)