คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ค่าปรับ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 401 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับมอบงานหลังเกินกำหนด ทำให้หมดสิทธิเรียกร้องค่าปรับ
โจทก์ว่าจ้างจำเลยซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ ซึ่งจะต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ มิฉะนั้นจำเลยจะต้องถูกปรับเป็นรายวันจนกว่าจะซ่อมเสร็จแต่เมื่อโจทก์ยอมรับมอบรถยนต์ที่จำเลยซ่อมเสร็จเรียบร้อยหลังจากที่ พ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว อันเป็นการยอมรับชำระหนี้โดยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับ โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับจากจำเลยตาม มาตรา 181วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2808/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการปรับสัญญาซื้อขายและการไม่เกิดดอกเบี้ยจากเงินค่าปรับคืน
โจทก์ทำสัญญาขายสินค้าให้จำเลย แล้วโจทก์ผิดสัญญาส่งมอบสินค้าให้จำเลยล่าช้ากว่ากำหนด จำเลยจึงปรับโจทก์ตามสัญญาโดยหักเงินค่าปรับไว้จากราคาสินค้า เมื่อศาลพิพากษาลดค่าปรับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา383 วรรคแรก ให้จำเลยคืนเงินค่าปรับบางส่วนแก่โจทก์โจทก์หามีสิทธิได้ดอกเบี้ย จากเงินค่าปรับที่ได้รับคืนนั้น ไม่ เพราะการที่จำเลยหักเงินค่าปรับไว้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาซื้อขาย ซึ่งเป็นสิทธิโดยชอบที่จำเลยจะกล่าวอ้างได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับใช้สัญญาซื้อขาย: การริบเงินประกัน ค่าปรับ และค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาขายหลอดเครื่องรับส่งวิทยุให้โจทก์ สัญญาข้อ 7 มีว่าเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญานี้ ผู้ขายได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมามอบไว้แก่ผู้ซื้อ ถ้าผู้ขายละเลยเสียไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาข้อหนึ่งข้อใดผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา โดยเรียกร้องเอาจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันนี้เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควรได้ทันทีข้อ 8 นี้ว่า ถ้าผู้ขายไม่นำหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ขายตามสัญญามาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อให้เป็นการถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนด ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นจำนวนเงินร้อยละห้าของราคาหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ยังไม่ได้ส่งโดยคิดเป็นรายเดือน จนกว่าผู้ขายจะได้นำสิ่งของมาส่งมอบให้ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญา กับให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียเมื่อใดก็ได้ในกรณีที่ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาให้สัญญานี้เป็นอันระงับไป ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิผู้ซื้อในอันที่จะริบเงินประกันตลอดจนค่าปรับตามสัญญา และสัญญาข้อ 9 มีว่านอกจากที่กล่าวมาแล้วในข้อ 8 ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆก็ตามจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายยอมรับผิดโดยสิ้นเชิง ดังนี้สัญญาทั้งสามข้อดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต่างกัน คือข้อ 7 ใช้บังคับในกรณีที่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามสัญญาเลย โดยไม่รวมถึงกรณีที่จำเลยส่งของให้โจทก์ แต่ส่งให้ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งอยู่ในบังคับตามสัญญาข้อ 8 และกรณีตามสัญญาข้อ 8 ยังให้สิทธิโจทก์บอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะริบเงินประกันและเรียกเอาค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญาส่วนข้อ 9 ใช้บังคับในกรณีที่โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากสัญญาข้อ 7 และข้อ 8 ฉะนั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญามิได้ส่งมอบของให้แก่โจทก์เลย โจทก์ย่อมมีสิทธิริบเงินประกันดังที่กำหนดไว้ในข้อ 7และเรียกค่าเสียหายตามข้อ 9 จะปรับจำเลยตามข้อ 8 มิได้(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงในสัญญาซื้อขาย: สิทธิริบเงินประกัน, ค่าปรับ, และความรับผิดจากความเสียหาย
จำเลยทำสัญญาขายหลอดเครื่องรับส่งวิทยุให้โจทก์ สัญญาข้อ 7 มีว่าเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญานี้ ผู้ขายได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมามอบไว้แก่ผู้ซื้อ ถ้าผู้ขายละเลยเสียไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาข้อหนึ่งข้อใดผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบเงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา โดยเรียกร้องเอาจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันนี้เป็นจำนวนเงินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ตามแต่จะเห็นสมควรได้ทันทีข้อ 8 นี้ว่า ถ้าผู้ขายไม่นำหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ขายตามสัญญามาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อให้เป็นการถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนด ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นจำนวนเงินร้อยละห้าของราคาหลอดเครื่องรับส่งวิทยุที่ยังไม่ได้ส่งโดยคิดเป็นรายเดือน จนกว่าผู้ขายจะได้นำสิ่งของมาส่งมอบให้ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญา กับให้ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียเมื่อใดก็ได้ในกรณีที่ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาให้สัญญานี้เป็นอันระงับไป ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิผู้ซื้อในอันที่จะริบเงินประกันตลอดจนค่าปรับตามสัญญา และสัญญาข้อ 9 มีว่านอกจากที่กล่าวมาแล้วในข้อ 8 ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆก็ตามจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายยอมรับผิดโดยสิ้นเชิง ดังนี้สัญญาทั้งสามข้อดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ต่างกัน คือข้อ 7 ใช้บังคับในกรณีที่จำเลยมิได้ปฏิบัติตามสัญญาเลย โดยไม่รวมถึงกรณีที่จำเลยส่งของให้โจทก์ แต่ส่งให้ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา ซึ่งอยู่ในบังคับตามสัญญาข้อ 8 และกรณีตามสัญญาข้อ 8 ยังให้สิทธิโจทก์บอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะริบเงินประกันและเรียกเอาค่าปรับหรือเบี้ยปรับตามสัญญาส่วนข้อ 9 ใช้บังคับในกรณีที่โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษนอกเหนือจากสัญญาข้อ 7 และข้อ 8 ฉะนั้น เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญามิได้ส่งมอบของให้แก่โจทก์เลย โจทก์ย่อมมีสิทธิริบเงินประกันดังที่กำหนดไว้ในข้อ 7 และเรียกค่าเสียหายตามข้อ 9 จะปรับจำเลยตามข้อ 8 มิได้(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1598/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันคนต่างด้าว, เหตุสุดวิสัย, การผิดสัญญา, วงเงินค่าปรับ, การห้ามฎีกา
แม้โจทก์ฟ้องกำหนดจำนวนทุนทรัพย์มา 100,000 บาท แต่ตามฟ้องปรากฏว่าจำเลยทำสัญญาค้ำประกันคนต่างด้าว 2 ราย ซึ่งเรียกว่าลูกประกันโดยแยกทำสัญญารายละฉบับ มีข้อสัญญาว่าถ้าจำเลยผิดสัญญาแต่ละรายยอมให้ปรับรายละ 50,000 บาททุนทรัพย์ในคดีจึงแยกออกตามสัญญาค้ำประกันแต่ละฉบับ คือฉบับละ 50,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยผิดสัญญาค้ำประกันและกำหนดค่าปรับรวมกันมา60,000 บาท ก็ยังถือได้ว่ากำหนดค่าปรับในวงเงินตามสัญญาค้ำประกันแต่ละฉบับ ไม่เกินฉบับละ 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2524)
ส่วนที่จำเลยอ้างว่า จำเลยส่งลูกประกันออกไปนอกราชอาณาจักรไม่ได้เพราะเหตุสุดวิสัย เนื่องจากในระยะเวลาที่เกิดเหตุประเทศไทยไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศกัมพูชา ซึ่งลูกประกันมีสัญชาตินั้น ปรากฏว่าหน้าที่ของจำเลยที่ต้องจัดการให้ลูกประกันออกไปเสียจากราชอาณาจักรก็มิได้กำหนดในสัญญาว่าต้องส่งกลับประเทศภูมิลำเนา ดังนั้นเพียงแต่ให้ออกไปนอกราชอาณาจักรก็เป็นการเพียงพอแล้วอีกทั้งเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์สั่งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาก็ล่วงเลยระยะเวลาที่ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาขาดความสัมพันธ์ทางการทูตกันแล้ว จำเลยจึงสามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ กรณีไม่เป็นเหตุสุดวิสัยดังที่จำเลยอ้าง นอกจากนี้เหตุสุดวิสัยที่จะอ้างเพื่อให้หลุดพ้นไม่ต้องปฏิบัติตามสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219 นั้นจะต้องเป็นเหตุซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ทำสัญญาด้วย ดังนั้นการที่จำเลยยังคงทำสัญญาค้ำประกันลูกประกันดังกล่าวทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าประเทศไทยและประเทศกัมพูชาไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน และพฤติการณ์ที่จำเลยไม่จัดการให้ลูกประกันออกไปนอกราชอาณาจักร ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์จึงถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับสัญญาซื้อขาย: คิดจากสิ่งที่ค้างส่ง ไม่ใช่ทั้งชุด แม้มีข้อตกลงเป็นชุด, ต้องมีการเลิกสัญญาก่อน
สัญญามีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่นำสิ่งของมาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อให้เป็นการถูกต้องภายในกำหนดตามสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นจำนวนเงินร้อยละห้าของราคาของที่ยังไม่ได้ส่งถ้าผู้ขายผิดสัญญาและได้มีการบอกเลิกสัญญาผู้ขายยินยอมให้ผู้ซื้อปรับอีกเป็นเงินร้อยละห้าของราคาสิ่งของทั้งหมดในสัญญา หรือตามราคาสิ่งของที่ยังขาดส่งอยู่ดังนี้ โจทก์ผู้ซื้อจะมีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลยผู้ขายอีกร้อยละห้าของราคาทั้งหมดได้ต่อเมื่อจำเลยผิดสัญญาและมีการเลิกสัญญากันเท่านั้น แต่เมื่อโจทก์มิได้บอกเลิกสัญญาและยังรับของที่จำเลยขายไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับเพิ่มในอัตราร้อยละห้าจากราคาของทั้งหมดอีกคงมีสิทธิเรียกได้เพียงร้อยละห้าจากราคาของที่ยังค้างส่ง และต้องคิดเฉพาะชิ้นส่วนที่ยังค้างส่งเท่านั้น ไม่ใช่คิดเป็นชุด เพราะตามสัญญาไม่ได้ระบุ ว่าถ้าเครื่องโทรพิมพ์ชุดใดขาดส่งเพียงบางชิ้นส่วนให้ถือว่าขาดส่งทั้งชุด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาในคดีค่าปรับจากสัญญาประกันตัว เมื่อทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัว จ.ผู้ต้องหา 30,000 บาท และฟ้องเรียกเงินค่าปรับตามสัญญาประกันตัว ฉ.ผู้ต้องหา 30,000 บาท โดยฟ้องจำเลยเรียกเงินดังกล่าวมาในฟ้องฉบับเดียวกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยชำระค่าปรับราย จ. 5,000 บาท และราย ฉ.20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยทุนทรัพย์ในคดีนี้ต้องถือตามจำนวนเงินในสัญญาประกันแต่ละฉบับ เพราะค่าปรับตามสัญญาประกันทั้ง 2 ฉบับเป็นคนละรายแบ่งแยกรับผิดเป็นส่วนสัดกัน เมื่อทุนทรัพย์แต่ละรายไม่เกิน 50,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับกับการคิดดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญา ค่าปรับครอบคลุมค่าเสียหายแล้ว
โจทก์ได้รับชดใช้ค่าปรับในการที่จำเลยไม่ชำระค่าจ้างงวดสองตามสัญญาเป็นเงินวันละ 100 บาทแล้ว โจทก์ก็ไม่ควรได้ดอกเบี้ยในการที่จำเลยไม่ชำระค่าจ้างนั้นอีก เพราะถือเป็นค่าเสียหายที่รวมอยู่ในค่าปรับนั้นอยู่แล้วโดยสภาพ โดยเฉพาะโจทก์มิได้พิสูจน์ค่าเสียหายของตนว่ามีจำนวนมากยิ่งกว่าค่าปรับประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1835/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักขังแทนค่าปรับต้องมีคำสั่งชัดเจน หากศาลไม่สั่งกักขังเกินหนึ่งปี แม้ปรับเกินสองหมื่นบาท และการคำนวณค่าปรับตามกฎหมายศุลกากร
การกักขังแทนค่าปรับในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทขึ้นไป ศาลมีอำนาจให้กักขังเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีได้แต่ศาลจะต้องสั่งไว้ให้ชัดแจ้งหากศาลไม่ได้สั่งไว้โดยชัดแจ้งก็จะกักขังเกินกำหนดหนึ่งปีไม่ได้
ผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาสั่งในคำร้องขอให้รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่า'พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้รับเป็นฎีกา สำเนาอีกฝ่ายแก้' คำสั่งดังกล่าวถือไม่ได้ว่าได้อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะในคำสั่งมิได้แสดงว่ามีข้อความใดที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยและอนุญาตให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 27 กำหนดให้ปรับเป็นสี่เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วการปรับจึงต้องปรับเป็นสี่เท่าของราคาของและค่าอากรรวมกันหาใช่ปรับสี่เท่าเฉพาะราคาของอย่างเดียวแล้วบวกกับค่าอากรไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการบังคับตามสัญญา – โจทก์ฟ้องเฉพาะค่าปรับตามสัญญา ข้อ 8 ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินกว่าที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องมุ่งขอบังคับตามสัญญาข้อ 8 คือ ค่าปรับร้อยละ 5 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้ส่งให้โจทก์ตามสัญญาเพียงกรณีเดียว มิได้ฟ้องขอบังคับเอาค่าเสียหายอย่างอื่นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายอย่างอื่นแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ฟ้อง
of 41