พบผลลัพธ์ทั้งหมด 298 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2484/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานก่อนพิสูจน์ความผิดจำเลยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา แม้ผู้เสียหายให้การเป็นประโยชน์ต่อจำเลย
ในคดีที่จำเลยให้การปฏิเสธเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะพิสูจน์ความผิดของจำเลยโดยนำพยานเข้าสืบเสร็จแล้วห้จำเลยนำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ต่อไปต่อจากนั้นศาลจึงจะวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าฉุดคร่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเสียจากความปกครองดูแลของผ.ซึ่งเป็นผู้ปกครองโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วยจำเลยให้การปฏิเสธในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลได้เรียกผู้เสียหายมาสอบถามผู้เสียหายแถลงว่าตนเองเต็มใจไปกับจำเลยเพื่ออยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้มีการฉุดคร่าแต่อย่างใดโจทก์แถลงขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังนี้คดียังไม่มีการสืบพยานคำแถลงของผู้เสียหายไม่ใช่คำพยานที่ได้มาจากการนำสืบและโจทก์หาได้ยอมรับไม่ เพราะโจทก์ยังติดใจสืบพยานอื่นอยู่อีกการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าฉุดคร่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปเสียจากความปกครองดูแลของผ.ซึ่งเป็นผู้ปกครองโดยผู้เสียหายไม่เต็มใจไปด้วยจำเลยให้การปฏิเสธในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลได้เรียกผู้เสียหายมาสอบถามผู้เสียหายแถลงว่าตนเองเต็มใจไปกับจำเลยเพื่ออยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้มีการฉุดคร่าแต่อย่างใดโจทก์แถลงขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ดังนี้คดียังไม่มีการสืบพยานคำแถลงของผู้เสียหายไม่ใช่คำพยานที่ได้มาจากการนำสืบและโจทก์หาได้ยอมรับไม่ เพราะโจทก์ยังติดใจสืบพยานอื่นอยู่อีกการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์: ศาลควรอนุญาตเลื่อนได้หากมีเหตุผลสมควร แม้จะมีการเลื่อนหลายนัดแล้ว
ศาลอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปตามความจำเป็นของโจทก์บ้างจำเลยบ้างหลายนัด ครั้นต่อมาโจทก์จำเลยแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อนไปนัดพร้อมกันอีกนัดหนึ่ง ศาลสั่งให้เลื่อนไปนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์ ครั้งถึงวันนัดโจทก์จำเลยมาศาลแถลงว่าตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นเพียงโจทก์อ้างตัวเองปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มา โจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อไปในนัดหน้า ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและงดสืบพยานโจทก์ต่อไปเสีย ดังนี้ แม้จะมีการเลื่อนมาหลายนัดแล้วก็ตามศาลก็ได้อนุญาตโดยเห็นพ้องตามความจำเป็นของโจทก์บ้าง จำเลยบ้าง เฉพาะคราวหลังก่อนนัดที่มีการสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยขอให้นัดพร้อม แต่ศาลสั่งนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์เป็นสองกรณีซึ่งไม่แน่ว่าจะได้สืบพยานโจทก์หรือไม่ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่ขอหมายเรียกหรือไม่นำพยานมาศาลเสียทีเดียวก็ไม่ถนัด และจำเลยก็มิได้คัดค้าน ทั้งในวันนั้นศาลออกนั่งพิจารณาเมื่อเวลา 15.35 น. สืบตัวโจทก์ปากเดียวก็หมดเวลาหรือเกือบหมดเวลาราชการแล้ว ถ้าพยานโจทก์อื่นมาศาลก็คงต้องเลื่อนไปสืบต่อนัดหน้าอยู่นั่นเอง จึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในนัดหน้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานโจทก์: ศาลควรอนุญาตเลื่อนได้หากมีเหตุผลและไม่ทำให้การพิจารณาคดีล่าช้า
ศาลอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์ไปตามความจำเป็นของโจทก์บ้างจำเลยบ้างหลายนัดครั้นต่อมาโจทก์จำเลยแถลงว่าคดีมีทางตกลงกันได้ขอเลื่อนไปนัดพร้อมกันอีกนัดหนึ่ง ศาลสั่งให้เลื่อนไปนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์ ครั้นถึงวันนัดโจทก์จำเลยมาศาลแถลงว่าตกลงกันไม่ได้ ศาลจึงดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปในวันนั้นเพียงโจทก์อ้างตัวเองปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มา โจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในนัดหน้า ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนและงดสืบพยานโจทก์ต่อไปเสีย ดังนี้ แม้จะมีการเลื่อนมาหลายนัดแล้วก็ตามศาลก็ได้อนุญาตโดยเห็นพ้องตามความจำเป็นของโจทก์บ้าง จำเลยบ้าง เฉพาะคราวหลังก่อนนัดที่มีการสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยขอให้นัดพร้อม แต่ศาลสั่งนัดพร้อมหรือนัดสืบพยานโจทก์เป็นสองกรณี ซึ่งไม่แน่ว่าจะได้สืบพยานโจทก์หรือไม่ จะถือว่าเป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่ขอหมายเรียกหรือไม่นำพยานมาศาลเสียทีเดียวก็ไม่ถนัด และจำเลยก็มิได้คัดค้าน ทั้งในวันนั้นศาลออกนั่งพิจารณาเมื่อเวลา 15.35 น. สืบตัวโจทก์ปากเดียวก็หมดเวลาหรือเกือบหมดเวลาราชการแล้ว ถ้าพยานโจทก์อื่นมาศาลก็คงต้องเลื่อนไปสืบต่อนัดหน้าอยู่นั่นเอง จึงสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ต่อในนัดหน้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2728/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลให้งดสืบพยานและการโต้แย้งคดี: ผลกระทบต่อสิทธิอุทธรณ์ และอำนาจฟ้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานคู่ความเมื่อสืบตัวโจทก์ยังไม่จบ แล้วสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความและพิพากษาคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้ความ ถือไม่ได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายอันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ซึ่งถือว่าไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 และระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจำเลยมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ (มีคำสั่งวันที่ 23 พฤษภาคม 2518 นัดฟังคำพิพากษา 30 พฤษภาคม 2518) แต่หาได้โต้แย้งไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งนี้ได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2728/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลให้งดสืบพยานและอำนาจฟ้อง: การที่จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลทันที ทำให้เสียสิทธิอุทธรณ์ และโจทก์มีอำนาจฟ้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานของคู่ความเมื่อสืบตัวโจทก์ยังไม่จบ แล้วสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความและพิพากษาคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้ความ ถือไม่ได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายอันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ซึ่งถือว่าไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 และระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจำเลยมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ (มีคำสั่งวันที่ 23 พฤษภาคม 2518 นัดฟังคำพิพากษา 30 พฤษภาคม 2518) แต่หาได้โต้แย้งไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้ได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาทแต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาทแต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2293/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีข้อผูกพันก่อนซื้อฝาก และสิทธิอุทธรณ์คำสั่งงดสืบพยาน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินร่วมกับเจ้าของรวมอีกคนหนึ่ง โจทก์ได้ครอบครองที่ดินนั้นเป็นส่วนสัดอยู่ก่อนจำเลยได้รับซื้อฝากที่ดินสืบต่อมาจากเจ้าของรวมคนนั้นแล้ว และจำเลยได้รู้เห็นยินยอมในการที่โจทก์กับเจ้าของรวมคนดังกล่าวขอรังวัดแบ่งแยกโฉนดไปตามส่วนของที่ดิน ที่โจทก์ครอบครอง ขอบังคับจำเลยให้แบ่งแยกโฉนดตามที่เจ้าพนักงานรังวัดไว้นั้น ดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามข้อผูกพันที่จำเลยได้รู้และมีอยู่ก่อนจำเลยได้รับซื้อฝากที่ดิน ไม่ใช่เรื่องฟ้องขอให้บังคับตามสัญญา หรือตามเรื่องประนีประนอมยอมความ กรณีเช่นนี้ แม้มิได้มีหนังสือระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องจำเลย
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำฟ้อง คำให้การ คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยข้อกฎหมายนั้น เป็นการที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ โจทก์ก็มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำฟ้อง คำให้การ คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยข้อกฎหมายนั้น เป็นการที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ โจทก์ก็มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย: พฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตามมาตรา 1529(5) และการงดสืบพยาน
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า โจทก์จำเลยได้เสียเป็นสามีภรรยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกันคนหนึ่ง เมื่อเกิดบุตรแล้วก็ได้แจ้งสูติบัตรและโจทก์แถลงรับข้อเท็จจริงในชั้นชี้สองสถานว่าโจทก์จำเลยได้เสียกัน ในโรงแรมแล้วโจทก์เองเป็นผู้ไปแจ้งการเกิดของบุตรเพื่อออกสูติบัตร ดังนี้ แม้จะมีการสืบพยานโจทก์และฟังข้อเท็จจริงได้ตามคำฟ้องดังกล่าวประกอบกับคำแถลงรับของโจทก์ กรณีก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปว่าเด็กนั้นเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยตามมาตรา 1529 (5) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่มีเหตุที่จะให้มีการสืบพยาน ศาลชั้นต้นชอบที่จะให้งดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาโดยไม่จำต้องสอบถามคำให้การจำเลย และการงดสืบพยาน
จำเลยแถลงว่าจะยื่นคำให้การแล้วไม่ยื่น ศาลไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้สอบถามคำให้การจำเลย โจทก์จำเลยตกลงกันให้ศาลพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งมีคำพยานชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอื่นและงดสืบพยานในคดีนี้ ถือว่ามีการพิจารณาต่อหน้าจำเลยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172 ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการอุทธรณ์คำสั่งศาล การที่คู่ความไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น ทำให้คำขอให้สืบพยานเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์เป็นเหตุต้องห้าม
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและคู่ความมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งดังกล่าวก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา แต่ไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งคำสั่งอุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปจึงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ที่ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปนั้นจึงไม่ชอบ และศาลฎีกาจำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานเท่าที่ปรากฏในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานก่อนพิพากษาคดี: ศาลอุทธรณ์สั่งย้อนสำนวนเพื่อสืบพยานใหม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้แล้วจึงสั่งงดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาคดีไป แม้คู่ความไม่โต้แย้งคำสั่งให้งดสืบพยาน ก็เป็นการพิจารณาผิดพลาด ศาลอุทธรณ์สั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ได้