พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่มีหมายจับ: เหตุอันควรสงสัยและอำนาจตามกฎหมาย
จำเลยต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจนได้มีคำสั่งจับของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ครั้นเจ้าพนักงานพบจำเลยขี่รถจักรยานจึงได้จับจำเลย เช่นนี้ แม้จะไม่มีหมายจับ ก็ย่อมจับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 (3) คือ จับโดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้แล้ว แจ้งข้อหาให้ทราบ และว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้แล้ว แจ้งข้อหาให้ทราบ และว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ: เหตุอันควรสงสัยว่ากระทำผิดและจะหลบหนี
จำเลยต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจนได้มีคำสั่งจับของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ครั้นเจ้าพนักงานพบจำเลยขี่รถจักรยานจึงได้จับจำเลย เช่นนี้แม้จะไม่มีหมายจับ ก็ย่อมจับจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(3) คือ จับโดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจละเว้นหน้าที่ช่วยเหลือการจับกุมผู้กระทำผิด และขัดขวางพยาน ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย
จำเลยเป็นพลตำรวจขาดหนีราชการแต่ยังมีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดได้ประสบเหตุการณ์กระทำผิดอาญากลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่จะจับคนร้าย โดยเข้าขัดขวางพูดขู่พยานผู้รู้เห็นมิให้ยืนยันว่ารู้เห็นการกระทำผิด การละเว้นปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ เป็นการละเว้นโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าทรัพย์ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทวงหนี้ไม่ใช่ค่าไถ่ ไม่เป็นความผิดฐานจับคนเรียกค่าไถ่
จำเลยถูกสลากกินรวบแล้วไปเอาเงินที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้ามือ แต่ผู้เสียหายไม่ให้ จำเลยกับพวกตามไปพบผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วยกัน จำเลยได้ให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงภริยาให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือและได้ให้ผู้เสียหายทำสัญญากู้เงินจำเลยตามจำนวนที่ถูกสลากกินรวบไว้แล้วให้ผู้เสียหายกลับไป ดังนี้ เจตนาของจำเลยเป็นเพียงแต่จะทวงเอาเงินซึ่งจำเลยเชื่อว่าควรจะได้ เงินประเภทนี้จึงไม่ใช่สินไถ่หรือค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 การกรทะำของจำเลยขาดเจตนาเพื่อค่าไถ่อันเป็นองค์ความผิดประการสำคัญตามมาตรานี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่ตามมาตรา 313
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 64/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายผู้ช่วยเหลือและเจ้าพนักงานขณะจับกุม: การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย
จำเลยได้ทำร้ายผู้ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านโดยเจตนาฆ่า และทำร้ายผู้ใหญ่บ้านที่เข้าจับจำเลยในที่ระโหฐาน ในเวลากลางคืนโดยไม่มีอำนาจ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำความผิดซึ่งหนาแต่ประการใด ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าตาม มาตรา 288, 80 และฐานทำร้ายร่างกายตาม มาตรา 295 ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า ผู้กระทำการช่วยเหลือ เจ้าพนักงานตามมาตรา 289, 80 และฐานทำร้ายเจ้าพนักงานตามมาตรา 296
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ไม่จำเป็นต้องตรงกับสถานที่จับกุม หากไม่แตกต่างในสาระสำคัญ ศาลยังลงโทษได้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในข้อหาพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำเลยต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าจับจำเลยได้ที่ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคายก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยไม่พาคนต่างด้าวไปผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ทีทำการตรวจคนเข้าเมืองทีใกล้ที่สุด ซึ่งทางพิจารณาได้ความว่า เป็นตำบลในเมืองอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เช่นนี้ถือว่า ในข้อสถานที่เกิดเหตุ ทางพิจารณาไม่แตกต่างกับที่โจทก์บรรยายในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด ลงโทษตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่ทำให้ผู้อื่นถูกจับกุม ไม่ถือเป็นการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังตามกฎหมาย หากเป็นการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่
จำเลยเอาเครื่องมือปลอมเงินตราและเหรียญปลอมไปซุกใส่บ้านผู้เสียหาย แล้วจำเลยติดต่อให้ตำรวจมาจับ ตำรวจมาค้นได้ของกลาง และจับผู้เสียหายขัง 4 วัน จึงได้ประกันตัวเช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานทำให้เลื่อมเสียอิสรภาพตาม มาตรา 270 เพราะการที่ผู้เสียหายถูกจับตัวไปกักขังนั้น เป็นเรื่องอยู่ในดุลยพินิจของตำรวจที่จะพิจารณาเห็นสมควรจับกุมตามควรแก่กรณี หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายแต่ประการใดไม่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2503)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่นำไปสู่การจับกุมผู้อื่นโดยตำรวจ ไม่ถือเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังตามกฎหมาย
จำเลยเอาเครื่องมือปลอมเงินตราและเหรียญปลอมไปซุกใส่บ้านผู้เสียหายแล้วจำเลยติดต่อให้ตำรวจมาจับ ตำรวจมาค้นได้ของกลางและจับผู้เสียหายขัง 4 วัน จึงได้ประกันตัวเช่นนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตาม มาตรา 270 เพราะการที่ผู้เสียหายถูกจับตัวไปกักขังนั้น เป็นเรื่องอยู่ในดุลพินิจของตำรวจที่จะพิจารณาเห็นสมควรจับกุมตามควรแก่กรณี หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายแต่ประการใดไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม กรณีฆ่าข้าราชการขณะปฏิบัติหน้าที่
พลตำรวจเข้าไปจับหญิงนครโสเภณี เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งนั่งคุยในห้องซึ่งเปิดประตูอยู่ เช่นนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่า หญิงคนนั้นกำลังกระทำผิดหรือพยายามกระทำผิดหรือพบโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะกระทำผิดโดยมีเครื่องมืออาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำความผิดมาแล้ว และจะหลบหนีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 พลตำรวจจึงไม่มีอำนาจจับหญิงนั้น โดยไม่มีหมายจับ กรณีเช่นนี้ ต้องให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่จับด้วยตนเองได โดยไม่ต้องมีหมายจับ เมื่อการจับกุมของพลตำรวจเช่นนี้ไม่มีกฎหมายสนับสนุนแล้ว การที่จำเลยฆ่าพลตำรวจผู้จับจึงไม่เรียกว่าฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการป้องกันสิทธิโดยชอบธรรม กรณีฆ่าเจ้าพนักงาน
พลตำรวจเข้าไปจับหญิงนครโสเภณี เห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งนั่งคุยกันในห้องซึ่งเปิดประตูอยู่ เช่นนี้ ยังเรียกไม่ได้ว่า หญิงคนนั้นกำลังกระทำผิดหรือพยายามกระทำผิด หรือพบโดยมีพฤติการณ์อันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะกระทำผิดโดยมีเครื่องมืออาวุธหรือวัตถุอย่างอื่นอันสามารถอาจใช้ในการกระทำความผิด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำความผิดมาแล้ว และจะหลบหนีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 พลตำรวจจึงไม่มีอำนาจจับหญิงนั้นโดยไม่มีหมายจับ กรณีเช่นนี้ ต้องให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่จับด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับ เมื่อการจับกุมของพลตำรวจเช่นนี้ไม่มีกฎหมายสนับสนุนแล้ว การที่จำเลยฆ่าพลตำรวจผู้จับจึงไม่เรียกว่าฆ่าเจ้าพนักงานเพราะเหตุที่กระทำการตามหน้าที่