คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชดใช้ค่าเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 321 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ศาลมีอำนาจพิจารณาสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายแทนการรับกลับเข้าทำงานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ขอให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ชอบแล้วดังนี้ ถือว่าจำเลยต่อสู้ว่าไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างอันไม่เป็นธรรม เป็นการปฏิเสธที่จะรับโจทก์กลับเข้าทำงานหาใช่เป็นการยอมรับไม่ ศาลจะสั่งให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ ที่ให้อำนาจศาลที่จะวินิจฉัยว่าลูกจ้างกับนายจ้างสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้หรือไม่ด้วย ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลโดยต้องคำนึงถึงสภาพจากสถานประกอบการนั้น และความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างถ้าเห็นว่าไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปได้ก็จะกำหนดให้นายจ้างชดใช้ค่าเสียหายแก่ลูกจ้างแทนการบังคับให้รับกลับเข้าทำงาน ดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางนำข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณาว่าโจทก์จำเลยไม่อาจทำงานร่วมกันได้มาวินิจฉัยให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้กับโจทก์แทนการรับโจทก์กลับเข้าทำงาน จึงหาใช่เป็นเรื่องวินิจฉัยนอกประเด็นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ศาลมีอำนาจวินิจฉัยให้ชดใช้ค่าเสียหายแทนการรับกลับเข้าทำงานได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ชอบแล้วดังนี้ ถือว่าจำเลยต่อสู้ว่าไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างอันไม่เป็นธรรม เป็นการปฏิเสธที่จะรับโจทก์กลับเข้าทำงานหาใช่เป็นการยอมรับไม่ ศาลจะสั่งให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานหรือไม่นั้นจะต้องพิจารณาตามมาตรา 49แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ ที่ให้อำนาจศาลที่จะวินิจฉัยว่าลูกจ้างกับนายจ้างสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้หรือไม่ด้วยซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลโดยต้องคำนึงถึงสภาพจากสถานประกอบการนั้น และความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างถ้าเห็นว่าไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปได้ก็จะกำหนดให้นายจ้างชดใช้ค่าเสียหายแก่ลูกจ้างแทนการบังคับให้รับกลับเข้าทำงาน ดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางนำข้อเท็จจริงที่ฟังได้ในการพิจารณาว่าโจทก์จำเลยไม่อาจทำงานร่วมกันได้มาวินิจฉัยให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายให้กับโจทก์แทนการรับโจทก์กลับเข้าทำงาน จึงหาใช่เป็นเรื่องวินิจฉัยนอกประเด็นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2201/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: ละเมิดและการชดใช้ค่าเสียหาย
แม้คดีส่วนอาญาจะเป็นคำพิพากษาของศาลทหาร ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญานั้น ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 54

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2201/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: การชดใช้ค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกาย
แม้คดีส่วนอาญาจะเป็นคำพิพากษาของศาลทหาร ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลก็จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญานั้น ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 มาตรา 54

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัยรถยนต์: ผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ตามวงเงินกรมธรรม์ แม้ผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ
รถยนต์เป็นของโจทก์ได้ให้ผู้อื่นเช่าซื้อไป ได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยในวงเงิน 700,000 บาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ ผู้เช่าซื้อคงค้างค่าเช่าซื้ออยู่ 562,508 บาท รถคันพิพาทก็หายไป เช่นนี้ ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีปรากฏว่าผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้รับประโยชน์เป็นเงิน 700,000 บาท เมื่อรถยนต์เกิดหายไปผู้รับประกันภัยก็จะต้องชดใช้ตามจำนวนดังกล่าว หาใช่จำนวนตามที่ผู้เช่าซื้อค้างค่าเช่าซื้อไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิยึดหน่วงค่าเช่าล่วงหน้าเพื่อชดใช้ค่าเสียหายจากการอยู่อาศัยเกินสัญญา
เงินค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเงินของจำเลยซึ่งโจทก์รับไว้ในความครอบครองโดยชอบ เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมออกไปจากทรัพย์สินที่เช่าเมื่อการเช่าได้สิ้นสุดลงจึงเป็นการอยู่โดยละเมิด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมใช้สิทธิยึดหน่วงเงินจำนวนนี้ เพื่อรับการชดใช้ค่าเสียหายจากการที่จำเลยอยู่ในทรัพย์สินของโจทก์โดยละเมิดได้ และกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์จำเลยต่างอยู่ในฐานะเป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ที่มีความผูกพันซึ่งกันและกัน โดยมูลหนี้อันมีวัตถุคือการชำระหนี้เป็นเงินอย่างเดียวกัน และต่างถึงกำหนดชำระแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิจะหักกลบลบหนี้จากที่ยึดหน่วงไว้นั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1629/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาจ้างเหมา การชดใช้ค่าเสียหาย และเบี้ยปรับรายวัน ศาลฎีกาวินิจฉัยผูกพันจำเลยและหุ้นส่วนผู้จัดการ
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยฐานผิดสัญญาและให้จ่ายเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 5 เป็นเงิน608,000 บาท ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาคำพิพากษาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้น และผูกพันจำเลยที่ 2 ที่ 3ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ด้วย ข้อเท็จจริงในคดีนี้จึงฟังเป็นยุติว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายผิดสัญญาเกี่ยวกับการทาสีบานประตูหน้าต่างภายในตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง
การที่จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาทำให้โจทก์ต้องจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. ทำการก่อสร้างเป็นเงินเพิ่มไปจากเดิมที่ทำไว้กับจำเลยที่ 1 จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับโดยตรงจากการที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญา จำเลยทั้งสามต้องร่วมรับผิดชดใช้ให้โจทก์
โจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ 1 โดยอาศัยเหตุที่ว่าจำเลยที่ 1 ทาสีไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดในสัญญา ไม่ได้อาศัยเหตุที่ว่า จำเลยที่ 1 ทำการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จบริบูรณ์ภายใน 300 วัน โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับรายวันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยอมความในคดีอาญาต่อส่วนตัว: ผลกระทบต่อการดำเนินคดีและการระงับสิทธิฟ้อง
คดีความผิดต่อส่วนตัว การที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องว่าผู้เสียหายไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยเพราะจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 15,000 บาท เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายกับจำเลยได้ตกลงยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ส่วนการที่ผู้เสียหายแถลงต่อศาลว่าการดำเนินคดีสุดแต่ศาลจะพิจารณานั้นหมายความว่า ให้ศาลดำเนินการต่อไปตามกฎหมายศาลจึงต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดี เพราะสิทธิที่โจทก์จะนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัยค้ำจุนและการใช้สิทธิไล่เบี้ย: ศาลชอบที่จะพิพากษาให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายก่อนผู้เอาประกันภัย
บริษัทจำเลยร่วมเป็นผู้รับประกันภัยประเภทค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 1เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลหมายเรียก จำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) มีผลเสมือนจำเลยร่วมถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ จำเลยที่ 1 มีสิทธิที่จะให้เรียกค่าเสียหายเอาจากจำเลยร่วมได้โดยตรงก่อนตามจำนวนเงินในกรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชดใช้ค่าเสียหายจากการไม่ส่งคืนทรัพย์สินที่เช่าใช้ และการครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นโดยไม่ชอบ
จำเลยได้รับมอบเครื่องอุปกรณ์การทำอาหารกระป๋องของโจทก์ไปเพื่อใช้ผลิตมะเขือเทศกระป๋องตกลงกันว่าในภายหน้าหากตกลงราคากันได้จำเลยก็จะรับซื้อไว้หากตกลงกันไม่ได้ จำเลยจะคืนเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวให้ ต่อมาจำเลยไม่รับซื้อและส่งคืนอุปกรณ์ให้โจทก์เพียงบางส่วนโจทก์ไม่รับคืนทั้งที่แยกใช้ได้เป็นส่วน ๆ เป็นการไม่บรรเทาความเสียหาย การที่จำเลยหน่วงเหนี่ยวไม่ส่งเครื่องอุปกรณ์ในจำนวนส่วนที่เหลือจึงเป็นการครอบครองทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในส่วนนี้ต่อมาจนถึงวันส่งมอบ
แม้เครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวที่เหลืออยู่จะเป็นส่วนใหญ่แต่ประโยชน์การใช้สอยที่โจทก์สามารถให้เช่าได้จะเป็นจำนวนเงินมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏ ศาลกำหนดให้ตามที่เห็นสมควรได้
of 33