พบผลลัพธ์ทั้งหมด 271 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: โจทก์ต้องพิสูจน์ก่อนว่าที่ดินเป็นของตน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินเพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ จำเลยโต้แย้งว่าเป็นที่ดินของยายและมารดาจำเลยเช่นนี้โจทก์ต้องมีหน้าที่นำสืบก่อนว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระการพิสูจน์ในคดีขัดทรัพย์: ผู้อ้างทรัพย์เป็นของตนต้องนำสืบก่อน
คดีร้องขัดทรัพย์ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลย ดังนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบก่อน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 / 2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8 / 2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ต้องนำสืบก่อนหากอ้างทรัพย์เป็นของตนเอง แม้โจทก์อ้างเป็นของจำเลย
คดีร้องขัดทรัพย์ เมื่อผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์ที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของจำเลยดังนี้ผู้ร้องมีหน้าที่นำสืบก่อน(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยรับสารภาพความผิดฐานหนึ่ง ศาลพิพากษาลงโทษตามคำรับสารภาพ โจทก์ไม่อาจนำสืบความผิดฐานอื่นได้
ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ในข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพรับของโจร ดังนี้ ถือว่า จำเลยรับสารภาพเต็มตามฟ้องในความผิดฐานหนึ่งแล้ว ศาลก็พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำรับของจำเลย โจทก์จะโต้แย้งขอนำสืบให้เป็นความผิดอีกฐานหนึ่งไม่ได้ เพราะจะเป็นการนำสืบให้กลายเป็นความผิด 2 ฐานไป
(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร และจำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 242(1), 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
(อ้างฎีกาที่ 1801/2493)
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งศาลแขวงสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะฐานรับของโจร ศาลอาญาจึงประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานรับของโจร และจำเลยรับสารภาพ ฐานรับของโจรและศาลลงโทษไปแล้ว โจทก์จะฎีกาขอให้รับประทับฟ้องทั้งฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จึงไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 242(1), 247 และ ป.วิ.อ. มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบ: การไม่โต้แย้งคำสั่งศาล และการนำสืบตามที่รับไว้ ย่อมทำให้ไม่อุทธรณ์ฎีกาเรื่องหน้าที่นำสืบได้
ในชั้นชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับว่าตนมีหน้าที่นำสืบก่อนตามประเด็นที่ศาลกะ ภายหลังยื่นคำแถลงโต้แย้งแต่เมื่อศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตตามที่ขอ ก็ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งไว้ และได้นำสืบก่อนตามที่ได้รับนำสืบไว้ และจนอีกฝ่ายหนึ่งนำสืบแก้เสร็จสิ้นแล้วดังนี้จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบอีกไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226,247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 531/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องขัดทรัพย์ของคู่สมรส: แม้มิได้ระบุในคำร้อง แต่หากนำสืบได้ว่าทรัพย์สินเป็นของภริยา ผู้ร้องก็มีสิทธิ
แม้ในคำร้องจะมิได้กล่าวว่าทรัพย์ที่ร้องขัดทรัพย์เป็นของภรรยาผู้ร้อง แต่ในชั้นพิจารณานำสืบได้ความว่าเป็นทรัพย์ของภรรยาผู้ร้องก็ถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ของภรรยาได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2501)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327-328/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบแก้ไขจำนวนเงินกู้และดอกเบี้ยที่ผิดจากเอกสาร ไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94
การสืบว่าสามีโจทก์ผู้ให้กู้ใส่จำนวนเงินในสัญญากู้ผิดจากที่ขอกู้ เป็นการสืบให้เห็นว่าจำนวนที่เขียนลงในสัญญากู้ผิดจากที่กู้จริง ถือว่าเท่ากับสืบว่าสามีโจทก์ปลอมจำนวนเงินกู้อันเป็นเรื่องสืบว่าเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ย่อมนำสืบได้ตามข้อยกเว้นของ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ 1.25 ดังที่ปรากฎในเอกสาร เป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ 1.25 ดังที่ปรากฎในเอกสาร เป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327-328/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบแก้ไขสัญญากู้ การปลอมแปลงเอกสาร และการคิดดอกเบี้ยผิดกฎหมาย
การสืบว่าสามีโจทก์ผู้ให้กู้ใส่จำนวนเงินในสัญญากู้ผิดจากที่ขอกู้เป็นการสืบให้เห็นว่าจำนวนเงินที่เขียนลงในสัญญากู้ผิดจากที่กู้จริงถือว่าเท่ากับสืบว่าสามีโจทก์ปลอมจำนวนเงินกู้อันเป็นเรื่องสืบว่าเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วนย่อมนำสืบได้ตามข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ1.25 ดังที่ปรากฏในเอกสารเป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
การนำสืบว่าผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 มิใช่ร้อยละ1.25 ดังที่ปรากฏในเอกสารเป็นการสืบให้เห็นว่าเรียกดอกเบี้ยผิดกฎหมายย่อมนำสืบได้
การนำสืบว่าได้มีการใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ต้องมีหลักฐานการรับเงินเป็นหนังสือมาแสดง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบสถานะผู้เช่า: ไม่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาเช่า
โจทก์ลงชื่อเป็นผู้เช่าในสัญญาเช่าห้องพิพาท จำเลยนำสืบว่าโจทก์ทำสัญญาเช่าในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยได้ ไม่ใช่เป็นการสืบแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาเช่า ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 897/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเอกสารร่วมกันและการนำสืบหักล้างข้อความในเอกสารเมื่อไม่ได้การรับรองความถูกต้อง
ในกรณีที่โจทก์และจำเลยอ้างเอกสารเป็นพยานร่วมกันและความในเอกสารนั้นแสดงไปในทางที่ว่าจำเลยเป็นฝ่ายออกเงินสร้างเรือนคือสมข้างข้อต่อสู้ของจำเลยก็ตามแต่เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์ก็มีส่วนออกทุนสร้างเรือนด้วยและโจทก์จะขอนำสืบว่าโจทก์เป็นฝ่ายออกเงินสร้างเรือนด้วยนั้นโจทก์จะนำสืบได้หรือไม่นั้นย่อมอยู่ที่ว่า เอกสารดังกล่าวนั้นโจทก์ได้รับรองความถูกต้องแท้จริงหรือไม่ถ้าเป็นแต่เพียงโจทก์อ้างเอกสารร่วมกับจำเลยจะให้หมายความว่าโจทก์รับรองความถูกต้องแท้จริงไปในตัวยังหาชอบไม่เมื่อไม่ได้ความว่าโจทก์รับรองความถูกต้องแท้จริงของเอกสารโจทก์จึงมีสิทธินำพยานบุคคลเข้าสืบหักล้างได้