พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2403/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุข้อคัดค้านคำตัดสินชัดเจน การอ้างคำให้การไม่เพียงพอ
คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่าไม่ถูกต้องอย่างไร จำเลยกล่าวแต่เพียงว่าได้ยื่นคำให้การอย่างละเอียดและมีเหตุผลอาจชนะคดีได้โดยจะถือเอาคำให้การของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของคำขอให้พิจารณาใหม่นั้นไม่ได้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาใหม่คดีแพ่ง: เหตุจำเป็นต้องตรวจสอบสำนวนคดี และความล่าช้าที่เกิดจากจำเลย
ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้องตรวจดูสำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้องและกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อน ดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้า ทำให้ไม่สามารถตรวจดูสำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ ถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ วันที่ 6 สิงหาคม 2530 อ้างว่าจำเลยรู้ว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม 2530 วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อขอคัดสำเนาสำนวนคดี เจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาคดีให้จำเลยได้ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วัน จำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย
จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ วันที่ 6 สิงหาคม 2530 อ้างว่าจำเลยรู้ว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม 2530 วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อขอคัดสำเนาสำนวนคดี เจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาคดีให้จำเลยได้ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วัน จำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาใหม่: เหตุพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และความล่าช้าของผู้ร้อง
ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้องตรวจดูสำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้อง และกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อนดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้าทำให้ไม่สามารถตรวจดูสำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ อาจถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม2530 อ้างว่า จำเลยรู้ว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม2530 วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อขอคัดสำเนาสำนวนคดีเจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาคดีให้จำเลยได้ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วันจำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาใหม่ต้องอาศัยสำนวนคดี การเดินทางไปต่างจังหวัดไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้อง ตรวจ ดู สำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้องและกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อนดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้า ทำให้ไม่สามารถตรวจ ดู สำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ ถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ วันที่ 6 สิงหาคม 2530อ้างว่าจำเลยรู้ว่าถูก ยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม 2530วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อ ขอคัดสำเนาสำนวนคดีเจ้าพนักงานศาลถ่าย สำเนาคดีให้จำเลยได้ ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วัน จำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ ทันภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ วันที่ทราบว่าถูก ยึดทรัพย์ การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่ทนายจำเลยทราบวันนัดแต่ไม่มาศาล ศาลถือว่าจำเลยทราบวันนัดด้วย แม้ทนายจะทิ้งคดีก็ไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้
ทนายจำเลยทั้งสองทราบวันนัดชี้สองสถานแล้ว แต่ไม่มีฝ่ายจำเลยทั้งสองมาศาลในวันนัด ศาลชั้นต้นจึงได้ชี้สองสถานและนัดสืบพยานโจทก์ไป ถือได้ว่าทนายจำเลยทั้งสองทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสองและถือว่าจำเลยทั้งสองทราบนัดด้วย การที่ฝ่ายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง จึงเป็นการจงใจไม่มาศาล แม้ทนายจำเลยทั้งสองทิ้งคดีตั้งแต่วันชี้สองสถานโดยไม่แจ้งนัดให้จำเลยทั้งสองทราบ จำเลยทั้งสองก็จะอ้างเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายจำเลยทิ้งคดี-ไม่แจ้งนัด จำเลยเสียหายไม่อ้างเหตุพิจารณาใหม่ได้
ทนายจำเลยทั้งสองทราบวันนัดชี้สองสถานแล้ว แต่ ไม่มีฝ่ายจำเลยมาศาลในวันนัด ศาลชั้นต้นจึงได้ ชี้สองสถานและนัดสืบพยานโจทก์ไป ถือได้ว่าทนายจำเลยทั้งสองทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง และถือว่าจำเลยทั้งสองทราบนัดด้วย การที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดย ไม่ปรากฏเหตุขัดข้อง จึงเป็นการจงใจไม่มาศาลแม้ทนายจำเลยทิ้งคดีตั้งแต่ วัน ชี้สองสถานโดย ไม่แจ้งนัดให้จำเลยทั้งสองทราบ จนเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองเสียหาย จำเลยทั้งสองก็จะอ้างเป็นเหตุขอให้พิจารณาใหม่หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งคำบังคับและการพิจารณาใหม่: ถิ่นที่อยู่สับเปลี่ยน ถือเป็นภูมิลำเนาเดิมได้
แม้จำเลยจะได้แจ้งย้ายจากที่อยู่ตามที่โจทก์ระบุในฟ้องก่อนฟ้อง 2 เดือนก็ตาม แต่ครอบครัวของจำเลยไม่ได้แจ้งย้ายตามไปด้วย คงอาศัยอยู่บ้านตามฟ้องเมื่อพนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งให้จำเลยตามที่อยู่ดังกล่าวสองครั้ง ทุกครั้งคนในบ้านก็แจ้งว่าจำเลยออกไปทำธุระพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยยังอยู่ที่บ้านหลังนั้นตลอดมาถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไปบ้านที่ระบุในฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย
พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปปิดที่บ้านซึ่งถือว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลย จึงเป็นการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบ เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปปิดที่บ้านซึ่งถือว่าเป็นภูมิลำเนาของจำเลย จึงเป็นการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบ เมื่อจำเลยไม่ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6047/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งผู้แทนเฉพาะคดี: การแจ้งนัดไต่สวนและการขอพิจารณาใหม่
การร้องขอให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดี ผู้ร้องอาจยื่นคำร้องได้แต่ฝ่ายเดียวการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โฆษณาประกาศวันนัดไต่สวนทางหนังสือพิมพ์ก็เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทราบโดยทั่วไป หากผู้ที่เกี่ยวข้องจะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านได้ตามวันเวลาที่กำหนดนัด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของการไต่สวนคำร้องว่ามีความจำเป็นต้องตั้งผู้แทนเฉพาะคดีหรือไม่ จึงไม่จำต้องส่งสำเนาคำร้องและกำหนดวันนัดไต่สวนให้ผู้ใดทราบเป็นการเฉพาะตัว และการที่ศาลจะตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้แทนเฉพาะคดีก็โดยคำนึงถึงประโยชน์เฉพาะตัวของผู้เสียหายเท่านั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีแล้ว ผู้หนึ่งผู้ใดจะร้องขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้
เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้แทนเฉพาะคดีแล้ว ผู้หนึ่งผู้ใดจะร้องขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4823/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มาศาลของโจทก์ในวันสืบพยาน ไม่ถือเป็นการขาดนัดพิจารณา สิทธิขอพิจารณาใหม่จึงไม่เกิดขึ้น
โจทก์ไม่มาศาลในวันสืบพยาน ศาลแรงงานกลางสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบและสั่งงดสืบพยานจำเลย พิพากษายกฟ้อง เช่นนี้มิใช่การพิจารณาโดยขาดนัดอันจะเป็นเหตุให้คู่ความร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 207 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางฯพ.ศ. 2522 มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4302/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องแล้วมีคำสั่งยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ทำให้ฎีกาเดิมไม่เป็นสาระ
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นด้วย ต่อมาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง ของ โจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ดังนี้ ไม่ว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องดังกล่าวจะชอบหรือไม่แต่ศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งให้ยกคดีของโจทก์ขึ้นพิจารณาใหม่แล้วฎีกาของโจทก์ในเรื่องที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยต่อไป