คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิทักษ์ทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลล้มละลาย: การพิจารณาหนี้สินล้นพ้นตัว แม้เป็นข้าราชการ และการอ้างทรัพย์สินหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า 50,000 บาท และกำหนดจำนวนได้แน่นอน แม้จำเลยและสามีจะเป็นข้าราชการมีเงินเดือนรวมกันเดือนละ 8,590 บาท แต่เงินเดือนข้าราชการไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2) โจทก์ไม่สามารถบังคับในคดีแพ่งให้จำเลยชำระหนี้ด้วยเงินเดือนได้จำเลยอ้างว่ามีเงินเหลือเดือนละ 4,000 บาท แต่จำเลยก็ไม่ชำระซึ่งแสดงว่าจำเลยไม่มีความสุจริตในการชำระหนี้ และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดอีก ถือได้ว่าจำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว ดังนั้นแม้จำเลยจะเป็นข้าราชการแต่ไม่ชำระหนี้อีกทั้งไม่แสดงว่าพยายามจะชำระหนี้หรือขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์โดยสุจริต จึงสมควรให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยเพิ่งมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่าจำเลยมีเงินฝากในธนาคารจำนวน 60,000 บาท ซึ่งเป็นการอ้างภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว จึงล่วงพ้นเวลาที่จำเลยจะพิสูจน์ว่าสามารถชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว แม้เป็นข้าราชการก็ถูกพิทักษ์ทรัพย์ได้ หากมีพฤติการณ์ไม่สุจริตและไม่พยายามชำระหนี้
จำเลยและสามีต่าง รับราชการมีเงินเดือนซึ่ง ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286(2) โจทก์ย่อมไม่ สามารถบังคับในคดีแพ่งให้จำเลยชำระหนี้ด้วย เงินเดือนได้ จำเลยจึงมีทรัพย์สินไม่พอชำระหนี้และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใด อีกถือ ได้ ว่าจำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4134/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่าจ้างหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์: ไม่อาจบังคับชำระได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
แม้ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยไว้ในคดีแรงงานว่า ผู้ร้องมีสิทธิฟ้องเรียกร้องเอาค่าจ้างค้างจ่ายจากจำเลยได้ทันที ก็เป็นการวินิจฉัยถึงสิทธิของลูกจ้างที่มีต่อนายจ้าง แต่การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นลูกจ้างจะได้รับค่าจ้างนั้นจะต้องบังคับตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เมื่อไม่ปรากฏว่าหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราวแล้ว ทางราชการได้อนุญาตให้จำเลยประกอบธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ต่อไปได้ จำเลยโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีอำนาจดำเนินการประกอบธุรกิจดังกล่าวต่อไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คงมีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับหนี้สินต่าง ๆ ของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483เท่านั้น และเมื่อค่าจ้างค้างจ่ายเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราวจึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4134/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ค่าจ้างหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
เงินค่าจ้างประจำเดือนค้างจ่ายเป็นหนี้ประเภทหนึ่งที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างจะต้องจ่ายให้ผู้ร้องซึ่งเป็นลูกจ้าง แต่เมื่อจำเลยนายจ้างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว แล้วไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโดย จ.พ.ท. ต่อไป และหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยชั่วคราว จึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 94.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดำเนินคดีหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
ระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายในศาลชั้นต้น ล.ได้ฟ้องโจทก์ขอให้เป็นบุคคลล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดในคดีดังกล่าวดังนี้นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดเป็นต้นไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเข้าว่าคดีแทนโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาหรือว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์อีกต่อไป แต่โจทก์กลับดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตลอดมาจนกระทั่งเสร็จสิ้นในชั้นอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอเข้าว่าคดีแทนโจทก์ในชั้นฎีกากรณีถือได้ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22, 25
ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีหลังถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดำเนินคดีหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อศาลในคดีล้มละลายมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงเกี่ยวกับทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์ไม่มี อำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาหรือว่าคดีได้อีก เมื่อปรากฏว่า โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีนี้มาตลอดจนกระทั่งเสร็จสิ้นในชั้นศาลอุทธรณ์แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอเข้าว่าคดีแทนโจทก์ใน ชั้นฎีกา ดังนี้การดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นคำสั่ง ของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 22,25.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดำเนินคดีหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
ระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายในศาลชั้นต้นล.ได้ฟ้องโจทก์ขอให้เป็นบุคคลล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดในคดีดังกล่าว ดังนี้นับแต่วันทีศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดเป็นต้นไปเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเข้าว่าคดีแทนโจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาหรือว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์อีกต่อไป แต่โจทก์กลับดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตลอดมาจนกระทั่งเสร็จสิ้นในชั้นอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอเข้าว่าคดีแทนโจทก์ในชั้นฎีกา กรณีถือได้ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22,25 ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีหลังถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดำเนินคดีหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์: โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีต่อหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้มีอำนาจ
ระหว่างที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายในศาลชั้นต้น ล.ได้ฟ้องโจทก์ขอให้เป็นบุคคลล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดในคดีดังกล่าวดังนี้นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์โจทก์เด็ดขาดเป็นต้นไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเข้าว่าคดีแทนโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาหรือว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์อีกต่อไป แต่โจทก์กลับดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีที่ตนเป็นโจทก์ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตลอดมาจนกระทั่งเสร็จสิ้นในชั้นอุทธรณ์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขอเข้าว่าคดีแทนโจทก์ในชั้นฎีกากรณีถือได้ว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22,25 ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาและว่าคดีหลังถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย แม้มีการขอพิจารณาใหม่
พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา ๖๑ เป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายทันที เมื่อได้ ดำเนินคดีมาตาม ขั้นตอนของมาตรานี้ครบถ้วนแล้ว การที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของจำเลย แม้จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง และคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยแล้ว คำสั่งศาลชั้นต้น ที่ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดย่อมมีผลบังคับได้ ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา ๑๕๓ จึงไม่กระทบกระเทือนในการที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินคดี ล้มละลายต่อไปตาม ขั้นตอนเนื่องจากคดีล้มละลายจะต้อง กระทำโดย เร่งด่วนตาม พระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา ๑๓ และ ๑๕๓ หากต่อมาคดีถึงที่สุดโดย ให้พิจารณาใหม่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็เป็นอันเพิกถอนไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๙ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา ๑๕๓ และคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายก็เป็นอันเพิกถอนไปด้วย ตาม บทบัญญัติดังกล่าว เพราะการล้มละลายเริ่มต้นมีผลตั้งแต่ วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา ๖๒.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 367/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษาล้มละลายหลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และผลของการอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 61 เป็นบทบังคับให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายทันที เมื่อได้ดำเนินคดีมาตามขั้นตอนของมาตรานี้ครบถ้วนแล้ว การที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณา ใหม่และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของจำเลยแม้จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา ของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้พิจารณา ใหม่ของจำเลยแล้ว คำสั่ง ศาลชั้นต้นให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดย่อมมีผลบังคับได้ต่อไปตาม ป.วิ.พ.มาตรา 145 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 153 จึงไม่กระทบกระเทือนในการที่ศาลชั้นต้นจะดำเนินคดีล้มละลายต่อไปตามขั้นตอนเนื่องจากคดีล้มละลายจะต้องกระทำโดยเร่งด่วนตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 13 และ 153 หากต่อมาคดีถึงที่สุดโดยให้พิจารณา ใหม่ คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็เป็นอันเพิกถอนไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209 ประกอบด้วย พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 153 และคำพิพากษาให้จำเลยล้มละลายก็เป็นอันเพิกถอนไปด้วยตามบทบัญญัติดังกล่าว เพราะการล้มละลายเริ่มต้นมีผลตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 62.
of 38