พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากพิจารณาใหม่ ศาลอาจพิพากษาต่างไปจากเดิม
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 นั้น ข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลจะต้องชัดแจ้งเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง มิใช่กล่าวแต่เพียงว่าสามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่เกินสามแสนบาทเท่านั้น โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดแจ้งว่าหากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางแผนฆ่าล่วงหน้าถือเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การฆ่าคนโดยวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวัน ย่อมเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิเช่าและการพิพากษาที่ไม่สมบูรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่าต้องฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อพิพากษาคดีให้ถูกต้อง
โจทก์มิได้รับข้อเท็จจริงที่จำเลยอ้างว่า ล. ผิดสัญญากับจำเลยร่วมโดยทำการก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยร่วมจึงได้บอกเลิกสัญญาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย
โจทก์เช่าตึกพิพาทจาก ล. โดยให้โจทก์มีสิทธิให้เช่าช่วงได้จำเลยเช่าช่วงตึกแถวจากโจทก์ จำเลยค้างชำระค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องขับไล่และให้จำเลยชำระค่าเช่า จำเลยให้การว่าตึกพิพาทเป็นของกระทรวงการคลังกระทรวงการคลังให้ ล. สร้างแล้วยกให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังให้ล. เช่า ล. ก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา กระทรวงการคลังจึงบอกเลิกสัญญาล. จึงหมดสิทธิที่จะเช่าอาคารพิพาท ดังนี้ ไม่ใช่เรื่องที่บุคคลหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543
โจทก์เช่าตึกพิพาทจาก ล. โดยให้โจทก์มีสิทธิให้เช่าช่วงได้จำเลยเช่าช่วงตึกแถวจากโจทก์ จำเลยค้างชำระค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องขับไล่และให้จำเลยชำระค่าเช่า จำเลยให้การว่าตึกพิพาทเป็นของกระทรวงการคลังกระทรวงการคลังให้ ล. สร้างแล้วยกให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังให้ล. เช่า ล. ก่อสร้างไม่เสร็จตามสัญญา กระทรวงการคลังจึงบอกเลิกสัญญาล. จึงหมดสิทธิที่จะเช่าอาคารพิพาท ดังนี้ ไม่ใช่เรื่องที่บุคคลหลายคนเรียกร้องเอาอสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันอาศัยมูลสัญญาเช่าต่างราย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 543
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อมีการพิพากษาคดีอื่นถึงที่สุดแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยและขอให้นับโทษต่อกับโทษในคดีอีกเรื่องหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ แต่ให้ยกคำขอให้นับโทษต่อเพราะคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้นศาลยังมิได้ตัดสิน จำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียวศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาและยื่นคำแถลงว่าคดีอีกเรื่องหนึ่งนั้น ศาลพิพากษาลงโทษแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาพิพากษาให้นับโทษต่อได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องรอฟังข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญา และนำเข้าสำนวนคดีแพ่ง จึงจะพิพากษาได้
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ซึ่งในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้นหากศาลเห็นสมควรงดการพิจารณาคดีแพ่งไว้รอฟังข้อเท็จจริงที่จะปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ศาลก็จำต้องจดรายงานกระบวนพิจารณาให้ปรากฏข้อความโดยชัดแจ้งเช่นนั้น ต่อเมื่อมีคำพิพากษาคดีส่วนอาญาแล้วจึงจะหยิบยกคดีแพ่งขึ้นมาพิจารณาต่อไป โดยให้มีข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเข้ามาสู่สำนวนความคดีแพ่งด้วย (โดยวิธีนำสืบพยานหลักฐานหรือคู่ความรับกัน) ศาลจะสั่งงดสืบพยานและพิพากษาคดีโดยไม่มีข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเข้ามาในสำนวนหาชอบไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อและพิพากษาคดีแพ่งผิดพลาด ถือเป็นข้อสำคัญในคดีอาญา
ธนาคารฟ้องขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน โจทก์ได้ให้การต่อสู้คดีว่า นายมานิตย์ได้ชำระเงินตามตั๋วแลกเงินให้ธนาคารฯ แทนโจทก์ ตามเช็คเลขที่ เค.0343109 แล้ว ข้อที่ว่าธนาคารได้รับเช็คชำระเงินตามตั๋วแลกเงินแล้วหรือไม่ จึงเป็นข้อสำคัญในคดี ฉะนั้น ที่จำเลยเบิกความในฐานะผู้จัดการธนาคารฯ ว่าได้รับแต่ตั๋วแลกเงินจากโจทก์ไม่มีเช็คกำกับด้วย อันเป็นความเท็จ ถือได้ว่าจำเลยได้เบิกความเท็จอันเป็นข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงมีมูลเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
วันเวลาเกิดเหตุในฟ้องคดีอาญาเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง หาใช่ข้อสารสำคัญไม่ และเมื่อการพิจารณาเป็นเพียงชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งจำเลยยังมิได้ให้การ ยังไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้จึงยกเอาเหตุข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องขึ้น ยกฟ้องในชั้นนี้ยังไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 93/2512)
วันเวลาเกิดเหตุในฟ้องคดีอาญาเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง หาใช่ข้อสารสำคัญไม่ และเมื่อการพิจารณาเป็นเพียงชั้นไต่สวนมูลฟ้องซึ่งจำเลยยังมิได้ให้การ ยังไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้จึงยกเอาเหตุข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องขึ้น ยกฟ้องในชั้นนี้ยังไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 93/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีที่ดินโดยอาศัยแผนที่เพียงอย่างเดียวไม่ชอบ ศาลต้องฟังพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน
แผนที่พิพาทในคดีนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานทำขึ้นเพื่อประกอบการชี้สองสถานหาใช่สั่งให้ทำเพราะคู่ความท้ากันขอให้ทำ และขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีตามรูปแผนที่ให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความไม่ นอกจากนี้ เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำแผนที่มาแล้ว แม้คู่ความจะรับรองว่าแผนที่ถูกต้องก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าคู่ความยังมีข้อโต้เถียงกันเกี่ยวกับเส้นเขตในแผนที่พิพาทอยู่ โดยโจทก์ว่าเส้นเขตคือเส้นสีแดง จำเลยว่าเส้นเขตคือเส้นสีดำตามที่จำเลยนำรังวัดและปักหลักไม้ไว้ คำรับรองของคู่ความว่าแผนที่ถูกต้องดังกล่าวจึงรับฟังได้เพียงว่าแผนที่ถูกต้องตามรูปที่ดินและเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้เท่านั้น ส่วนเส้นเขตที่พิพาทที่โจทก์จำเลยนำชี้จะถูกต้องตรงตามความเป็นจริงของฝ่ายใดยังไม่เป็นที่ยุติ ศาลจะรับฟังว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดของโจทก์ และตัดสินชี้ขาดคดีไปว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยทันทียังไม่ได้ จำเป็นที่ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานต่อไปให้สิ้นกระแสความเสียก่อน จึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1134/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำผิดและสนับสนุนการกระทำผิด: การพิพากษาจำเลยที่ 2
จำเลยทั้ง 2 กับพวกได้มาที่บ้านผู้เสียหายด้วยกัน แต่เมื่อจำเลยที่ 1 มาห่างผู้เสียหาย 4 เมตร จำเลยที่ 1 ก็หยุดอยู่ตรงนั้น ส่วนจำเลยที่ 2 กับพวกได้หยุดไม่ คงเดินเลยบ้านผู้เสียหายไป 10 วาจึงหยุด เมื่อเป็นดังนี้การที่จำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหายโดยลำพังตนเอง จึงไม่แน่ว่าจำเลยที่2 จะได้ร่วมกันเพื่อทำร้ายผู้เสียหาย เพราะอาจฟังว่าจำเลยที่ 1 มาพบผู้เสียหาย และด้วยเคยมีเรื่องกันมาก่อน ส่วนการที่จำเลยที่ 2 ได้ร้องบอกให้จำเลยที่ 1 ยิงซ้ำ จำเลยที่ 1 ก็หาได้กระทำตามที่จำเลยที่ 2 กับพวกก็พากันหนีไปการกระทำของจำเลยที่ 2 ร้องบอกไม่ กลับวิ่งไปแล้วจำเลยทั้ง 2 ก็ยังไม่พอฟังว่าเป็นผู้สนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยขาดนัด
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด.จำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ. โจทก์มิได้ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยนี้ขาดนัด. และศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยผู้นี้. แต่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ถอนชื่อจำเลยทั้งสี่ออกจากโฉนด. จำเลยที่ 1,2,3อุทธรณ์. ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยทุกคนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245. เพราะคำพิพากษาคดีนี้เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 202/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยเปลี่ยนคำให้การ ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และการพิจารณาพิพากษาใหม่
วันนัดสืบพยานจำเลย ตัวจำเลยมาศาล. แต่พยานอื่นไม่มา. จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี. ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน.จำเลยจึงอ้างตนเองเข้าสืบได้ 1 ปากแล้วยอมให้ศาลตัดพยานจำเลยไปตามที่จำเลยเคยแถลงไว้. แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย. และ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือขอให้โอกาสจำเลยสืบพยานได้อีก. ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ย่อมพิพากษาคดีไปได้เลย. ไม่จำเป็นต้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น. หากศาลอุทธรณ์เห็นควรฟังคำพยานจำเลยต่อไปอีก ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะเรียกพยานมาสืบเอง. หรือส่งสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเพิ่มเติม. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(1).