พบผลลัพธ์ทั้งหมด 587 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการโรงพิมพ์ แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิด
โจทก์เป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ศูนย์การทหารราบ ซึ่งตามระเบียบศูนย์การทหารราบว่าด้วยการดำเนินงานของโรงพิมพ์ศูนย์การทหารพ.ศ. 2528 ระบุไว้ในข้อ 18 ว่า ให้ผู้จัดการโรงพิมพ์ควบคุมและรับผิดชอบทรัพย์สินของโรงพิมพ์ศูนย์การทหารราบ และเมื่อตามสำเนารายการจดทะเบียนของรถคันที่ลูกจ้างของจำเลยขับรถชนโดยละเมิดนั้นเป็นของโรงพิมพ์ศูนย์การทหารราบ โจทก์จึงเป็นผู้ครอบครองดูแลรับผิดชอบรถยนต์คันดังกล่าว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง จำเลยขอให้ชดใช้ค่าเสียหายได้ แม้โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3629/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องหมายเลขทะเบียนรถ และการพิสูจน์ความรับผิดจากเหตุละเมิดเนื่องจากความประมาท
การขอแก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนรถเป็นกรณีแก้ไขข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดเล็กน้อยในรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามความเป็นจริงไม่จำต้องขอแก้ไขก่อนวันชี้สองสถานเพราะเข้าข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุย่อมมีผลให้คำฟ้องของโจทก์และรายงานการชี้สองสถานในประเด็นเกี่ยวกับหมายเลขทะเบียนของรถคันดังกล่าวต้องเป็นไปตามที่โจทก์ขอแก้ไข แม้เหตุที่รถเกิดชนกันเป็นเพราะยางรถยนต์คันที่ น.ขับมาเกิดระเบิดขึ้นก็ตาม ก็หาเป็นเหตุสุดวิสัยไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของ น. ผู้ขับขี่จะต้องตรวจตราระมัดระวังให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและขับด้วยความปลอดภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3558/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันในผลละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการรับประกันภัย
ข้อที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ขับรถโดยประมาทเลินเล่อนั้นชั้นอุทธรณ์ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ได้อุทธรณ์ข้อนี้ คงอุทธรณ์แต่เพียงว่าเหตุรถชนกันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 มากกว่าเท่านั้น ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ข้อนี้จึงเป็นฎีกาข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุรถชนกันครั้งนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ด้วยเท่า ๆ กับความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างคนต่างประมาทเลินเล่อก็ตาม แต่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้รับประกันภัยไว้ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ล้วนมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวทั้งหมด จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างลูกหนี้ร่วม โดยจำเลยทั้งสองหรือคนใดคนหนึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับช่วงสิทธิเต็มจำนวนความเสียหายโดยจะแบ่งความรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดทั้งหมด จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้างและจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดดังกล่าวทั้งหมดเช่นกัน
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เหตุรถชนกันครั้งนี้เกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ด้วยเท่า ๆ กับความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างคนต่างประมาทเลินเล่อก็ตาม แต่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ที่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้รับประกันภัยไว้ จึงต้องถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ล้วนมีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าวทั้งหมด จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกันรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างลูกหนี้ร่วม โดยจำเลยทั้งสองหรือคนใดคนหนึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้รับช่วงสิทธิเต็มจำนวนความเสียหายโดยจะแบ่งความรับผิดต่อโจทก์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในผลละเมิดทั้งหมด จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายจ้างและจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดดังกล่าวทั้งหมดเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2703/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของผู้ขับขบวนรถไฟและผู้ขับรถยนต์กระบะจนเกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิต
จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะจะผ่านทางรถไฟ ซึ่งมีป้ายบอกเครื่องหมายว่ามีทางรถไฟข้างหน้าแสดงไว้ รวมทั้งมีป้ายสัญญาณ"หยุด" ในระยะ 5 เมตร ก่อนถึงทางรถไฟบอกไว้ แม้พนักงานเปิดปิดเครื่องกั้นยังไม่ได้นำแผงกั้นลงปิดทางรถยนต์ จำเลยที่ 2 ก็ควรใช้ความระมัดระวังดูแลความปลอดภัยให้แน่เสียก่อนโดยชะลอความเร็วและหยุดรถมองซ้ายขวา ต่อเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงขับรถต่อไปได้แต่มิได้ปฏิบัติดังกล่าว กลับขับรถด้วยความเร็วสูงลอดเครื่องกั้นผ่านทางรถไฟจนเป็นเหตุให้รถยนต์กระบะเกิดชนกับขบวนรถไฟขึ้นแล้วมีคนที่นั่งมาในรถยนต์กระบะถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ขับขบวนรถไฟมิได้หยุดรถก่อนถึงถนนที่จะตัดกับทางรถไฟโดยที่ยังไม่ปรากฏสัญญาณอนุญาตให้ขบวนรถไฟผ่านได้ เป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถพ.ศ. 2524 ข้อ 260 ที่กำหนดว่า ในกรณีที่พนักงานขับรถไม่เห็นสัญญาณอนุญาตให้หยุดขบวนรถใกล้ถึงถนนผ่านเสมอระดับทาง และดูให้แน่ชัดว่าไม่มีสิ่งใดกีดขวางทางแล้ว ก็ให้นำขบวนรถผ่านไปได้ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟผ่านถนนที่ตัดกับรางรถไฟ เมื่อจำเลยที่ 1 อาจใช้ความระมัดระวังโดยหยุดขบวนรถเสียก่อนจะถึงถนนดังกล่าว แล้วนำขบวนรถผ่านถนนไปด้วยความระมัดระวังได้ แต่จำเลยที่ 1 หาได้กระทำเช่นนั้นไม่เมื่อเกิดการชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 2 ขับมาจำเลยที่ 1จึงเป็นผู้ขับขบวนรถไฟโดยประมาทต้องรับผิดในผลแห่งความตายของคนที่นั่งมาในรถยนต์กระบะด้วยเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2703/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทของผู้ขับขบวนรถไฟและผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต
ตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ พ.ศ. 2524 ข้อ 260ซึ่งผู้ขับขบวนรถไฟจะต้องปฏิบัติตามกำหนดไว้ว่า ในกรณีที่พนักงานขับรถไม่เห็นสัญญาณอนุญาต ให้พนักงานขับรถหยุดขบวนรถใกล้ถึงถนนผ่านเสมอระดับทาง และดูให้แน่ชัดว่าไม่มีสิ่งใดกีดขวางทางแล้ว ก็ให้นำขบวนรถผ่านไปได้ด้วยความระมัดระวัง การที่จำเลยที่ 1มิได้หยุดรถก่อนถึงถนนคีรีรัฐยา ย่อมเป็นการงดเว้นการปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบการเดินรถ พ.ศ. 2525 ข้อ 260 ดังกล่าวที่กำหนดขึ้นเพื่อความปลอดภัยในการเดินรถไฟผ่านถนนที่ตัดกับรางรถไฟโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งผู้ขับขบวนรถไฟผ่านถนนเสมอระดับทางจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ จำเลยที่ 1 อาจใช้ความระมัดระวังโดยหยุดขบวนรถเสียก่อนจะถึงถนนคีรีรัฐยา แล้วนำขบวนรถผ่านถนนดังกล่าวไปด้วยความระมัดระวัง แต่จำเลยที่ 1ก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ จำเลยที่ 1 จึงเป็นผู้ขับขบวนรถไฟโดยประมาทและการที่จำเลยที่ 1 ขับขบวนรถไฟผ่านถนนคีรีรัฐยาแล้วเกิดชนกับรถยนต์กระบะที่จำเลยที่ 2 ขับมาเป็นเหตุให้ผู้ที่นั่งมาในกระบะหลังของรถยนต์ถึงแก่ความตาย 2 คน ความตายของบุคคลทั้งสองจึงเป็นผลโดยตรงจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ด้วยเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของโรงแรมต่อการสูญหายของรถยนต์ที่จอดไว้ในโรงแรม และการแจ้งเหตุทันที
คำว่า เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 และ 675 หมายถึง เจ้าของกิจการโรงแรม ผู้ถือกรรมสิทธิ์เก็บผลประโยชน์รายได้จากกิจการโรงแรม หาใช่บุคคลผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมซึ่งเป็นตัวแทนไม่ เมื่อรถยนต์หายไป โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการของโรงแรมทราบทันที ถือได้ว่าโจทก์ได้แจ้งเหตุที่รถหายแก่เจ้าสำนักโรงแรมทันที ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 676 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมต่อการสูญหายของรถยนต์ของผู้พักอาศัย และการแจ้งเหตุที่ทันท่วงที
คำว่า เจ้าสำนักโรงแรม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 674,675 หมายถึงเจ้าของกิจการโรงแรม ผู้ถือกรรมสิทธิ์เก็บผลประโยชน์รายได้จากกิจการโรงแรม หาใช่บุคคลผู้ควบคุมและจัดการโรงแรมซึ่งเป็นตัวแทนไม่ โจทก์เข้าพักในโรงแรมของจำเลยที่ 1 เมื่อรถยนต์ที่โจทก์นำเข้าไปจอดที่ลาดจอดรถของโรงแรมหายไป โจทก์ได้แจ้งต่อผู้จัดการโรงแรมทันที ที่ทราบเหตุการณ์ ย่อมถือได้ว่า โจทก์แจ้งเหตุที่รถยนต์หายแก่เจ้าสำนักโรงแรมทันทีแล้ว จำเลยที่ 1 จะอ้างให้ตนพ้นจากความรับผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2051/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ไม่เป็นสิทธิซึ่งมีตราสาร เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกัน
สิทธิซึ่งมีตราสารย่อมหมายถึงตราสารที่ใช้แทนสิทธิหรือทรัพย์ซึ่งเป็นเอกสารที่ทำขึ้นตามแบบพิธีในกฎหมาย และเป็นตราสารที่โอนกันได้ด้วยวิธีของตราสารนั้น ไม่หมายความถึงเอกสารธรรมดาที่ทำขึ้นเพื่อเป็นพยานหลักฐานแห่งสิทธิทั่ว ๆ ไป สิทธิการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์พร้อมทะเบียนรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อที่ลูกหนี้มอบให้เจ้าหนี้เพื่อประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ออกให้แก่เจ้าหนี้นั้น หาได้มีลักษณะเป็นสิทธิซึ่งมีตราสารในความหมายดังกล่าวไม่ แม้สิทธิดังกล่าวอาจโอนแก่กันได้ก็เป็นเพียงการโอนสิทธิเรียกร้องธรรมดาเท่านั้น การที่ลูกหนี้มอบสิทธิการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์พร้อมทะเบียนรถยนต์และสัญญาเช่าซื้อแก่เจ้าหนี้เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ออกให้แก่เจ้าหนี้ จึงไม่เป็นการจำนำสิทธิซึ่งมีตราสารตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 750 เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันตาม พระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 96(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: สัญญาเช่ารถยนต์ที่แท้จริงคือสัญญาเงินกู้
ก่อนรถยนต์และสัมปทานทางวิ่งรถยนต์พิพาทจะโอนมาเป็นกรรมสิทธิ์โจทก์ในปี 2527 จำเลยเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์และเจ้าของสัมปทานทางวิ่งรถยนต์พิพาทมาก่อน แต่ต่อมาจำเลยใส่ชื่อโจทก์ในทะเบียนรถแทนด้วยการทำสัญญาเช่าจากโจทก์แทนสัญญากู้ยืมเงินกันจริง กรณีจึงต้องบังคับกันตามสัญญากู้ยืมที่อำพรางกันไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของผู้ซื้อรถยนต์ที่มีหมายเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับเอกสาร ทำให้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่มีผล
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 รับจดทะเบียนรถยนต์โดยความประมาทเลินเล่อก่อนที่โจทก์จะตกลงซื้อรถยนต์ โจทก์ทราบอยู่ก่อนแล้วว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีหมายเลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับใบคู่มือการจดทะเบียนจึงน่าจะจัดการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนที่จะตกลงซื้อ ดังนั้นหากโจทก์ใช้ความระมัดระวังตามสมควรก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความเสียหายได้ โจทก์จึงเป็นฝ่ายกระทำโดยความประมาทเลินเล่อในภายหลัง ความประมาทเลินเล่อของโจทก์ใกล้ชิดกับเหตุ ความเสียหายจึงเกิดจากความประมาทเลินเล่อของโจทก์เอง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้