พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2542 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ ยางพาราจากไร่เกษตรกร ต้องระบุอาชีพเจ้าของทรัพย์ในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยลักยางพาราซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกสิกรรมมิได้กล่าวในฟ้องว่าเป็น ยางพาราของเจ้าของทรัพย์ผู้มีอาชีพกสิกรรม จึงขาดองค์ประกอบ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(12)ลงโทษตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2542 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน การรับสารภาพ การขัดแย้งในคำเบิกความ และองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์
การที่พยานโจทก์ทั้งสองเบิกความชั้นพิจารณาว่าจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ลักทรัพย์ขัดต่อเหตุผล เห็นเจตนาได้ชัดว่าเบิกความช่วยเหลือจำเลยมิให้รับโทษศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงตามคำให้การโจทก์ดังกล่าวในชั้นสอบสวนซึ่งสมเหตุผลยิ่งกว่าได้ แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำผิด แต่ จำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนนำชี้ที่เกิดเหตุแสดงการลักทรัพย์ประกอบกับคำพยานและพฤติการณ์แวดล้อมแล้ว ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ของผู้เสียหาย โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักยางพาราซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกสิกรรม มิได้กล่าวในฟ้องว่า เป็นยางพาราของเจ้าทรัพย์ผู้มีอาชีพกสิกรรมขาดองค์ประกอบ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(12) จึงลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2542
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน การขัดแย้งในคำให้การ และองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์
พยานโจทก์เบิกความชั้นพิจารณาว่าจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ลักทรัพย์ซึ่งขัดต่อเหตุผล เห็นเจตนาได้ชัดว่าพยานโจทก์ เบิกความช่วยเหลือจำเลยมิให้รับโทษศาลย่อมฟังข้อเท็จจริง ตามคำให้การโจทก์ในชั้นสอบสวนซึ่งสมเหตุผลยิ่งกว่าได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำผิดแต่จำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นสอบสวนนำชี้ที่เกิดเหตุแสดงการลักทรัพย์ประกอบกับคำพยานโจทก์และพฤติการณ์แวดล้อมแล้ว ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ของผู้เสียหาย โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักยางพาราซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกสิกรรม มิได้กล่าวในฟ้องว่า เป็นยางพาราของเจ้าทรัพย์ผู้มีอาชีพกสิกรรม ขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(12) จึงลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7242/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจรชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ส่งเสริมการลักทรัพย์-ปิดบังความผิด ศาลยืนโทษหนัก
การที่เจ้าพนักงานตำรวจติดตามค้นหารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายที่หายไปทั้งคัน แต่ไปพบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ของรถจักรยานยนต์ดังกล่าวได้ที่บ้านจำเลยที่ 2 ในลักษณะถอดเป็น ชิ้นส่วน โดยจำเลยทั้งสองรับว่าซื้อไว้เพราะราคาถูกพฤติการณ์ ดังกล่าวจึงเป็นการส่งเสริมให้มีการลัก จักรยานยนต์ มาก ยิ่งขึ้น และเป็นการช่วยปิดบังการกระทำผิดเพราะเมื่อรถจักรยานยนต์ ของกลางถูกถอดแยกออกเป็นชิ้นส่วนแล้วนำไปขายเช่นนี้ เจ้าพนักงานตำรวจย่อมยากที่จะติดตามจับกุมผู้กระทำผิดได้ จึงสมควรลงโทษสถานหนัก เพื่อปรามมิให้การกระทำผิดเช่นนี้ แพร่หลายต่อไป และไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลยทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7008/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาเหตุรอการลงโทษในคดีลักทรัพย์ การกระทำที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมไม่อาจรอการลงโทษได้
แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในฎีกาของจำเลยที่ 1 เพียงว่า "รอไว้สั่งเมื่อผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาคำร้อง ขอให้รับรองฎีกาเสร็จแล้ว" แต่เมื่อผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อ ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับฎีกา ของจำเลยที่ 1 อีก คงมีแต่รายการระบุว่าโจทก์ได้รับสำเนาฎีกาของจำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่รายงานว่าโจทก์รับสำเนาฎีกาครบกำหนดแล้วไม่ยื่นคำแก้ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในรายงานของเจ้าหน้าที่ว่า ส่งสำนวนไปศาลฎีกา พฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้สั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 และปฏิบัติการให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 200 และ 201 แล้วศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ได้ การลักทรัพย์โดยการถอดชิ้นส่วนรถยนต์ที่จอดไว้เป็นพฤติการณ์ที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม แม้ทรัพย์ที่ลักไปจะมีราคาน้อยก็ตาม และที่ผู้เสียหายได้รับทรัพย์คืนไปก็เนื่องจากเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ได้พร้อมกับทรัพย์ที่ถูกลัก การที่ผู้เสียหายได้ทรัพย์คืนมา จึงไม่ใช่การบรรเทาผลร้ายของจำเลยที่ 1 พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6673/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าจำเลยประกอบพฤติการณ์แวดล้อมเป็นหลักฐานรับฟังได้ในการพิสูจน์ความผิดฐานลักทรัพย์
แม้การที่จำเลยแจ้งแก่ ช.และสิบตำรวจตรี ท.ว่า จำเลยไม่ได้เป็นคนเอาเครื่องรับโทรทัศน์ไป แต่เป็นคนช่วยถอดเครื่องรับโทรทัศน์ออกมาจะเป็นเพียงคำบอกเล่าของจำเลยก็ตาม แต่คำบอกเล่าของจำเลยดังกล่าวเป็นการกล่าวร้ายเสียประโยชน์และไม่เป็นคุณแก่ตน ย่อมมีน้ำหนักที่จะรับฟังประกอบพฤติการณ์แวดล้อมอื่นได้ การที่จำเลยนำสิบตำรวจตรี ท.ไปจับกุม ส. แล้วต่อมา ส.ให้การรับสารภาพและศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว พฤติการณ์ที่จำเลยเดินใกล้ที่เกิดเหตุและรับว่าช่วยถอดเครื่องรับโทรทัศน์ไปจากที่เกิดเหตุ ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับ ส.ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6673/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันลักทรัพย์: พฤติการณ์รับว่าช่วยถอดทรัพย์สิน, การจับกุมผู้ร่วมกระทำผิด, และคำรับสารภาพมีน้ำหนักรับฟัง
แม้การที่จำเลยแจ้งแก่ ช.และสิบตำรวจตรีท. ว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนเอาเครื่องรับโทรทัศน์ไป แต่เป็นคนช่วยถอดเครื่องรับโทรทัศน์ออกมาจะเป็นเพียงคำบอกเล่าของจำเลยก็ตาม แต่คำบอกเล่าของจำเลยดังกล่าวเป็นการกล่าวร้ายเสียประโยชน์และไม่เป็นคุณแก่ตน ย่อมมีน้ำหนักที่จะรับฟังประกอบพฤติการณ์แวดล้อมอื่นได้การที่จำเลยนำสิบตำรวจตรีท.ไปจับกุมส.แล้วต่อมาส. ให้การรับสารภาพและศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วพฤติการณ์ที่จำเลยเดินใกล้ที่เกิดเหตุและรับว่าช่วยถอดเครื่องรับโทรทัศน์ไปจากที่เกิดเหตุ ฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับส. ลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6603/2541 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเข้าร่วมกระทำความผิดลักทรัพย์: การกระทำร่วมกันเป็นตัวการ
ขณะเกิดเหตุมีคนร้ายลักเงินสดจำนวน 1,400 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต และโดยฉกฉวยไปซึ่งหน้าผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองได้วิ่งไปพร้อมกับม.คนร้ายอีกคนหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาที่คนร้ายได้หยิบเงินของผู้เสียหายโดยฉกฉวยไปแม้ไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นคนที่หยิบเงินของผู้เสียหายไปก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทั้งสองหรือม.คนใดคนหนึ่งเป็นผู้หยิบเงินของผู้เสียหายไป โดยก่อนการกระทำผิด จำเลยทั้งสองกับม.ได้เดินผ่านหน้าร้านของผู้เสียหายหลายรอบ แล้วแยกกันอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของผู้เสียหาย จากนั้นจึงลงมือกระทำผิดแล้วพากันวิ่งหนีพร้อมกันไปเช่นนี้ แสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสองกับ ม.มีเจตนาร่วมกันกระทำผิดมาตั้งแต่เริ่มก่อนการกระทำผิดแล้วจำเลยทั้งสองจึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดตาม ป.อ.มาตรา 336 ประกอบมาตรา 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ในเคหสถาน: ความร้ายแรงของโทษและผลกระทบต่อความปลอดภัยสังคม
จำเลยกับ พ. กระทำผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนลักษณะของความผิดเป็นเรื่องที่ร้ายแรง และกระทบกระเทือนต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของสุจริตชนเป็นอย่างยิ่ง เคหสถานเป็นสถานที่อันพึงได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองให้บุคคลได้อยู่อาศัยโดยปลอดภัยและโดยปกติสุขทั้งจำเลยมีอายุถึง 34 ปี ผ่านการใช้ชีวิตมาพอสมควร รู้ผิด รู้ชอบได้ดีแล้ว แม้จำเลยจะมิได้เข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายแต่พวกของจำเลยก็เข้าไป กรณีจึงเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำและแม้จำเลยจะมิเคยกระทำความผิดมาก่อนและผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ แต่ลักษณะของความผิดเป็นเรื่องร้ายแรง และกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของสังคม จึงไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6442/2541
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีลักทรัพย์ พยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ และการยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ดวงไฟที่อยู่ที่บ้านใกล้เคียงห่างจากบ้านที่ผู้เสียหายพบคนร้ายครั้งแรกประมาณ 20 เมตร ไม่ปรากฏว่าดวงไฟดังกล่าวมีแสงสว่างขนาดกี่แรงเทียนมีความสว่างเพียงใด แสดงว่าบริเวณที่เกิดเหตุที่คนร้ายหอบของออกจากประตูหลังห้องนั้นไม่มีแสงสว่างเพียงพอ การที่คนร้ายกล้าเดินผ่านผู้เสียหายไปแสดงว่าบริเวณที่คนร้ายเดินสวนทางกับผู้เสียหายก็ไม่มีแสงสว่างอีกทั้งผู้เสียหายไม่เคยเห็นหน้าจำเลยมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าผู้เสียหายจะจำหน้าคนร้ายได้ แม้ ว. อาสาสมัครของสถานีตำรวจจะพบจำเลยเดินมาในลักษณะแต่งกายตรงกับที่รับแจ้งและนำตัวจำเลยมาให้ผู้เสียหายชี้ตัว ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายก็ตาม แต่จุดที่พบจำเลยอยู่ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 700 เมตร และไม่พบของกลางที่จำเลย แม้จะได้ความว่าเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายใน ห้องพักของจำเลย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าระหว่างที่คนร้ายหลบหนีได้ขึ้นไปบนห้องพักของจำเลยแต่อย่างใด นอกจากนี้ อ.พยานโจทก์ได้ตอบทนายจำเลยถามค้านว่า พยานพบผู้เสียหายและจำเลยก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง สภาพจำเลยมีอาการมึนเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของ จำเลยที่ว่าไปดื่มสุราที่บ้าน บ. มา เมื่อพิเคราะห์ พยานหลักฐานโจทก์กับพยานหลักฐานจำเลยแล้ว คดีจึงมีเหตุ สงสัยตามสมควรว่าผู้เสียหายจะจำหน้าจำเลยได้จริงหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง