พบผลลัพธ์ทั้งหมด 558 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3281/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้องเมื่อศาลวินิจฉัยถูกต้องแต่ไม่พิพากษาตามคำวินิจฉัย เป็นปัญหาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
การที่ศาลวินิจฉัยว่าที่พิพาท เป็นของโจทก์ แต่ศาลไม่อาจพิพากษาเพิ่มชื่อของโจทก์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ร่วมกับจำเลยได้นั้น ทำให้คำวินิจฉัยของศาลไร้ผล และขัดกับคำพิพากษาถือเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจแก้ให้ถูกต้องได้ โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อฟังว่าที่พิพาท เป็นของโจทก์และจำเลยร่วมกันศาลก็มีอำนาจตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142(2) พิพากษาให้ใส่ชื่อโจทก์ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นเจ้าของร่วมได้ โดยไม่ต้องเพิกถอนชื่อจำเลยออก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นฉ้อฉลได้ แม้ไม่ได้ยกขึ้นในคำฟ้องอุทธรณ์ หากเป็นประเด็นที่เคยว่ากันในศาลชั้นต้นและถูกยกขึ้นในคำแก้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฉ้อฉลหลอกลวงขายสินค้าให้แก่จำเลย แต่จำเลยต้องรับผิดชำระค่าสินค้า และพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยอุทธรณ์โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดีย่อมคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นที่วินิจฉัยให้โจทก์แพ้ โดยตั้งประเด็นเรื่องโจทก์ฉ้อฉลหลอกลวงขายสินค้าให้แก่จำเลยหรือไม่นั้นมาในคำแก้ อุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย จึงชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 237 และมาตรา 240.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้โจทก์ไม่อุทธรณ์ แต่จำเลยอุทธรณ์เรื่องเอกสารปลอม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้
แม้โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์เกี่ยวกับสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2แต่จำเลยเองเป็นฝ่ายอุทธรณ์ว่าสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 เป็นเอกสารปลอมเพราะจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้โดยไม่ได้กรอกข้อความอื่นใดไว้ ดังนี้จึงมีประเด็นให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยได้ว่าสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 ปลอมหรือไม่ เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเชื่อ ว่าสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 ไม่ปลอมและบังคับตามสัญญาจึงเป็นการชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6017/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเลขที่บ้านและการวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาข้ออุทธรณ์ของจำเลย
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องจากบ้านเลขที่ 73 หมู่ที่ 5เป็นบ้านเลขที่ 73/1 หมู่ 5 เพื่อให้เป็นไปตามคำให้การของจำเลยเมื่อมีการชี้ สองสถาน จำเลยไม่มาศาล ศาลนัดสืบพยานจำเลย ถึงวันนัดทนายจำเลยรับสำเนาคำร้องดังกล่าวก็ไม่ได้คัดค้าน แสดงว่าคู่ความเต็ม ใจที่จะดำเนินคดีกันตามประเด็นข้อพิพาทที่ศาลได้ชี้ สองสถานไว้ไม่ต้องการให้ดำเนินกระบวนพิจารณาล่าช้าเพราะเหตุนี้ ประเด็นเรื่องแก้ไขคำฟ้องจึงยุติแล้ว แม้ว่าศาลชั้นต้นจะมิได้ส่งสำเนาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องให้แก่จำเลยทราบล่วงหน้าอย่างน้อย3 วัน ก่อนกำหนดนัดพิจารณาคำร้องนั้นก็ตาม แต่การขอแก้ไขเลขบ้านตามคำฟ้องหาใช่การขอแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 181 ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะหยิบยกมาเป็นเหตุยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น หากแต่ควรจะวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไปให้สิ้นกระแสความ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5556/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจอดรถผิดกฎหมายจราจร ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถูกต้องตามกฎหมาย แม้จำเลยอ้างเหตุผลอื่น
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดโดยฟังหรืออาศัยพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ แล้วมิได้พิจารณาพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบแก้เป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณานั้น เป็นการโต้แย้งดุลยพินิจของศาลในการวินิจฉัยพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
การที่จำเลยจอดรถชิด ขอบทางด้านที่เจ้าพนักงานจราจรกำหนดแต่หันหัวรถสวนทางกับรถคันอื่นที่จะแล่นเข้ามาในซอย ที่เกิดเหตุเป็นการจอดรถด้านขวาของทางเดินรถของจำเลยไม่จอดรถให้ด้านซ้ายของรถขนานชิด กับขอบทางในระยะห่างไม่เกินยี่สิบห้าเซนติเมตร จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคสองโดยไม่จำต้องคำนึงว่าจอดรถกีดขวางการจราจรและเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ทางเดินรถหรือไม่.
การที่จำเลยจอดรถชิด ขอบทางด้านที่เจ้าพนักงานจราจรกำหนดแต่หันหัวรถสวนทางกับรถคันอื่นที่จะแล่นเข้ามาในซอย ที่เกิดเหตุเป็นการจอดรถด้านขวาของทางเดินรถของจำเลยไม่จอดรถให้ด้านซ้ายของรถขนานชิด กับขอบทางในระยะห่างไม่เกินยี่สิบห้าเซนติเมตร จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคสองโดยไม่จำต้องคำนึงว่าจอดรถกีดขวางการจราจรและเกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ทางเดินรถหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ผลของการวินิจฉัยศาลชั้นต้นเรื่องฟ้องซ้ำทำให้โจทก์ฟ้องไม่ได้อีก แม้คำสั่งศาลจะใช้คำไม่ถูกต้อง
แม้ในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำของศาลชั้นต้นจะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายก่อนมีคำพิพากษา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267ก็ตาม แต่ผลจากคำวินิจฉัยในเรื่องฟ้องซ้ำนั้นย่อมทำให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวอีกไม่ได้ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าจำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาดังกล่าวซึ่งไม่ถูกต้องก็ตาม ก็มีผลเท่ากับเป็นการยกฟ้องโจทก์ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการห้ามฎีกา: ผลของการวินิจฉัยฟ้องซ้ำในศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
แม้ในการวินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำของศาลชั้นต้นจะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในปัญหาข้อกฎหมายก่อนมีคำพิพากษา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267ก็ตาม แต่ผลจากคำวินิจฉัยในเรื่องฟ้องซ้ำนั้นย่อมทำให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวอีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าจำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาดังกล่าวซึ่งไม่ถูกต้องก็ตาม ก็มีผลเท่ากับเป็นการยกฟ้องโจทก์ ดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการวินิจฉัยการหักกลบลบหนี้เมื่อจำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดี
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืนเครื่องสังคโลกได้หรือไม่ เพียงใด เมื่อจำเลยนำสืบโต้แย้งตามคำให้การว่าจำเลยมีสิทธิยึดเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ไว้จนกว่าโจทก์จะชำระเงินค่าพระพุทธรูปและรูปปั้นยักษ์สังคโลกจำนวน 300,000 บาท ที่ค้างจำเลยเสียก่อน ซึ่งเป็นลักษณะที่จะหักกลบลบหนี้ ศาลจึงมีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยจะมีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ ไม่เป็นการนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2987/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำให้การจำเลยในคดีภารจำยอม ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยขนาดทางภารจำยอมได้หรือไม่
คำให้การของจำเลยที่ว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางภารจำยอมเพราะไม่เคยมีใครใช้ทางดังกล่าว ย่อมมีความหมายไปถึงว่าไม่ใช่ทางภารจำยอมแม้แต่วาเดียวหรือศอกเดียวไปด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าความกว้างยาวของทางภารจำยอมมีขนาดไหน จึงอยู่ในขอบเขตของคำให้การของจำเลยแล้ว ไม่ใช่เป็นเรื่องนอกประเด็น โจทก์บรรยายฟ้องว่า เดิมโจทก์ได้ใช้ที่ดินของจำเลยดังกล่าวส่วนหนึ่งมีขนาดกว้าง 2 วา ยาว 10 วา เป็นทางเดินเข้าออกจากที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะเป็นระยะเวลาติดต่อกันประมาณ35 ปี โดยสงบเปิดเผย มีเจตนาให้ได้ทางภารจำยอม ดังนี้เป็นคำบรรยายฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าโจทก์ได้ภารจำยอมโดยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากไม่ได้ระบุเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง
ฎีกาที่มิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ชอบเพราะเหตุใด เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย