คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 292 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1726/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การครอบครองที่ดิน: ศาลต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งหมด ไม่จำกัดเฉพาะใบเหยียบย่ำ
โจทก์ฟ้องว่า ผู้มีชื่อได้ขอให้อำเภอออกใบเหยียบย่ำทับที่ของโจทก์ และผู้นั้นได้ขายที่ให้แก่จำเลย จึงขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายและแสดงว่าที่เป็นของโจทก์ ดังนี้ศาลจะวินิจฉัยแต่เพียงว่าโจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีนับแต่เจ้าหน้าที่ออกใบเหยียบย่ำ หาชอบไม่ ศาลจะต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานต่างๆ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1467/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาเจตนาผู้กระทำเพื่อลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน ชั้นต้นก็มาชวนกันไปเที่ยวเกี้ยวสาวน่าจะมีเรื่องขัดใจกันขึ้นจำเลยจึงแทงเอา ปรากฎตามคำชัณสูตรพลิกศพว่าแผลกว้างครึ่ง ช.ม.ยาม 2 ช.ม. แสดงว่าอาวุธขนาดย่อมจะลึกเท่าใดไม่ได้หยั่งไว้ คงปรากฎเพียงว่าลำไส้ทะลุและไหลออกมา ไม่ได้ความว่าทะลุมากน้อยเพียงไร รูปคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายโดยเจตนาฆ่าหรืออาจจะแลเห็นผลแห่งการกระทำของตนได้ จำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976-977/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: การโอนทรัพย์สินโดยมีเจตนาซ่อนเร้น ศาลพิจารณาจากเจตนาที่แท้จริงของผู้โอน
จดทะเบียนโอนโฉนดขายให้เพราะเสียค่าธรรมเนียมถูกกว่ายกให้โดยความจริงเป็นการยกให้ดังนี้ ต้องบังคับตามนิติกรรมอำพราง การยกให้ไม่เป็นโมฆะ ผู้โอนจะเรียกที่ดินคืนมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากชกต่อยเป็นทำร้ายด้วยปืน: ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ใกล้เคียงกันและลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย
ใช้ปืนสั้นตีเขามีบาดแผลฟกช้ำโลหิตขับที่ใต้ขมับขวา 1แห่ง ฟกซ้ำที่แก้ซ้าย 3 แห่งและที่ข้อมือซ้ายถูกของมีคมอีก 1 แห่ง ย่อมถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ดังนี้การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตีเป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา 192
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานรวม ไม่ยึดเพียงวันที่เบิกความไม่ตรงตามฟ้อง
การที่วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณา จากคำพยานหลักฐาน ทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์ คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทาง พิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่.
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้อง แต่ก็เป็นข้อถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลัก ฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะ
พิศูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานรวมทั้งหมดเพื่อวินิจฉัยวันเกิดเหตุ แม้พยานเบิกความต่างจากฟ้อง ก็ไม่ถือว่าฟ้องผิดวัน
การที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดหรือเกิดเหตุวันใดนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะต้องพิจารณาจากคำพยานหลักฐานทั้งหมดรวมกันแล้ว จึงจะชี้ขาดฟังเป็นข้อเท็จจริงว่าเหตุเกิดหรือจำเลยกระทำผิดวันใดแน่ หาใช่ว่าถ้าพยานโจทก์คนหนึ่งหรือสองคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุแตกต่างไปจากวันที่กล่าวในฟ้องแล้ว จะปรับเอาว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องหรือว่าฟ้องผิดวันหาได้ไม่
แม้พยานบุคคลถึง 2 คนเบิกความถึงวันเกิดเหตุผิดจากวันที่กล่าวในฟ้องแต่ก็เป็นถ้อยคำที่เลื่อนลอยไม่มีหลักฐานประกอบ และเบิกหลังจากวันเกิดเหตุนานซึ่งย่อมพลั้งเผลอผิดพลาด แต่โจทก์มีพยานหลักฐานอีกมากที่จะพิสูจน์ให้เป็นยุติได้ว่าวันเกิดเหตุตรงตามที่กล่าวในฟ้อง เช่นนี้ศาลก็ย่อมฟังว่าวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าขึ้นศาลฟ้องแย้ง: กรณีประเด็นกรรมสิทธิเกิดจากฟ้องเดิม ศาลพิจารณาเฉพาะเจาะจงเพื่อคืนค่าขึ้นศาลเกิน
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินแปลงหนึ่ง ขอให้ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิว่าเป็นที่ดินของจำเลยและฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินพิพาท ดังนี้ ในคดีที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามราคาทุนทรัพย์ที่ดินพิพาท ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งนั้นจำเลยเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาท เท่านั้น เพราะปัญหาว่าที่ดินพิพาทเป็นของใครนั้น เกิดขึ้นโดยคำฟ้องเดิมของโจทก์และข้อต่อสู้ของจำเลยอยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงข้างหลัง: ศาลพิจารณาจากกรรมและตำแหน่งที่ถูกแทง
เขากำลังชกต่อยอยู่กับพวกของตน ๆ จึงเข้ามาแทงเขาทางข้างหลังอย่างแรงมากโดยเลือกแทงที่ตรงนั้นเอา จนมีดจมทะลุภายในชักไม่ออกต้องใช้เท้ายันจึงออก มีดที่แทงก็ยาวถึง 1 คืบเขาตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกแทงในวันรุ่งขึ้น ดังนี้ แม้จะแทงเพียทีเดียง ก็ถือได้ว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ว่ามีเจตนาจะฆ่าให้คนตายหรืออาจแลเห็นผลได้ว่าจะทำให้ถึงตาย จึงมีความผิด ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาโดยอ้างกฎหมายฉบับใหม่ ศาลพิจารณาโทษตามกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกระทำผิดกฎหมายสุรา การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องเป็นความผิดทั้งกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ แต่เมื่อโจทก์ฟ้องคดีเป็นเวลาที่ใช้กฎหมายใหม่แล้วโจทก์จึงอ้างกฎหมายฉบับใหม่มาขอให้ลงโทษไม่อ้างกฎหมายเก่ามาด้วย ดังนี้ก็ถือว่าเป็นการเพียงพอแล้ว เพราะถ้าศาลพิจารณาได้ความสมจริงตามฟ้อง ศาลก็จะใช้กฎหมายฉบับที่เป็นคุณแก่จำเลย โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 8

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836-1838/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เครื่องมือประจำที่ในการประมง: ศาลต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่โจทก์ต้องการนำสืบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสร้างเครื่องมือประจำที่ โดยวางกร่ำลงในหนองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การประมง 2490 มาตรา 31,61 ดังนี้แม้ศาลจะสอบโจทก์ ๆ แถลงว่ากร่ำที่จำเลยวาง คือเอาผักกับหนามไปไว้ในน้ำเพื่อให้ปลามาอาศัยแล้วใช้อวนล้อมจับปลา จำเลยยังมิได้จับปลาถ้าจับปลาต้องเอาอวนมาล้อมที่กร่ำก็ดี ศาลก็จำต้องให้โจทก์นำสืบตามฟ้องก่อน เพราะข้อที่โจทก์จะสืบมีว่า กร่ำที่จำเลยวางเป็นเครื่องมือประจำที่ ซึ่งมีความหมายกว้างขวาง หาใช่จะจำกัดอยู่เพียงที่โจทก์ แถลงไม่ จะด่วนงดสืบพยานโดยฟังข้อเท็จจริงเฉพาะตามที่โจทก์แถลง หาได้ไม่
of 30