พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานขนสุราโดยไม่มีใบขน: เจตนาสำคัญกว่า หากสำคัญผิดโดยสุจริตไม่มีความผิด
จำเลยขนสุราจากร้านขายส่งไปยังร้านจำเลย ซึ่งอยู่ในอำเภอเดียวกันเป็นปกติ แต่ทางที่ขนไปนั้นต้องผ่านเข้าเขตอีกจังหวัดหนึ่ง เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้รับใบอนุญาตขายสุรามีอำนาจออกใบขนสุราให้ขนสุราไปได้โดยไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้ จำเลยย่อมไม่มีเจตนาขนสุราโดยไม่มีใบขนอันถูกต้อง จึงไม่มีความผิด
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
ประกาศกรมสรรพสามิตที่กำหนดเงื่อนไขแก่ผู้รับใบอนุญาตขายส่งสุรา ในการออกใบขนนั้นมิใช่กฎหมาย เพราะเป็นแต่ระเบียบการที่เจ้าพนักงานกำหนดขึ้นเพื่อปฏิบัติการตามอำนาจที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น ประกาศนี้จึงเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาโดยสำคัญผิดถึงตัวผู้ถูกกระทำ แม้ข้อเท็จจริงต่างกัน ก็ไม่ถึงเหตุให้ยกฟ้องหากผลการกระทำยังคงเป็นความผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเจตนา จะฆ่านายรอก แต่มาฆ่านายอ่อนเพราะสำคัญผิดว่านายอ่อนคือนายรอก แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ได้ฆ่าเพราะสำคัญผิด ก็ลงโทษได้ เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่างกับฟ้อง ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญอยู่ที่ว่า จำเลยที่ ได้ฆ่าผู้ตายหรือไม่ ส่วนจะฆ่าโดยสำคัญผิดหรือไม่สำคัญผิดนั้น เป็นเพียงเหตุประกอบแห่งการฆ่าเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาต่างวัตถุประสงค์: การฆ่าโดยสำคัญผิดไม่ใช่สาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่านายรอก แต่มาฆ่านายอ่อนเพราะสำคัญผิดว่านายอ่อนคือนายรอก แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่ได้ฆ่าเพราะสำคัญผิด ก็ลงโทษได้เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่างกับฟ้อง ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญอยู่ที่ว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายหรือไม่ ส่วนจะฆ่าโดยสำคัญผิดหรือไม่สำคัญผิดนั้นเป็นเพียงเหตุประกอบแห่งการฆ่าเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าควบคุมโดยสำคัญผิดและผู้ร่วมกระทำผิด: ทัพพีจากเครื่องจักรเข้าข่ายสิ่งหัตถกรรม
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้สั่งของต้องห้ามจากต่างประเทศแทนจำเลย ที่ 1 โดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการก่อน แม้จะอ้างว่าสำคัญผิดว่า ของที่สั่งมานั้น ไม่ใช่ของต้องห้าม ก็ยังคงต้องมีความผิด กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยทั้งสอง เป็นผู้ร่วมกันกระทำผิด
ทัพพีแม้ จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่า เป็นสิ่งหัตถกรรมการความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวง เศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2503)
ทัพพีแม้ จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่า เป็นสิ่งหัตถกรรมการความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวง เศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเข้าสินค้าควบคุมโดยสำคัญผิดและความรับผิดของกรรมการบริษัท
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้สั่งของต้องห้ามจากต่างประเทศแทนจำเลยที่ 1 โดยมิได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการก่อน แม้จะอ้างว่าสำคัญผิดว่าของที่สั่งมานั้นไม่ใช่ของต้องห้ามก็ยังคงต้องมีความผิด กรณีเช่นนี้ถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันกระทำผิด
ทัพพีแม้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่าเป็นสิ่งหัตถกรรมตามความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2503)
ทัพพีแม้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์จากเครื่องจักร ก็อยู่ในความหมายว่าเป็นสิ่งหัตถกรรมตามความหมายในประกาศของกระทรวงเศรษฐการ ลงวันที่ 14 กันยายน 2498 ข้อ 10 อันจำต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการเสียก่อน จึงจะนำเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและเจตนาทางอาญา: การยิงเพื่อขู่ ไม่ใช่เจตนาทำร้าย
แม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้อง แต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้าย จำเลยเพียงแต่ยิงประตูเพื่อขู่โดยไม่เห็นตัวและได้ยิงลงต่ำ ไม่ประสงค์ให้ถูกใคร หากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าวจึงแฉลบไปผูกพลตำรวจม้วนเข้า ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าหรือแม้แต่เจตนาจะทำร้ายพลตำรวจม้วนเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ยิงขู่เพื่อป้องกันตัว ไม่เจตนาฆ่าหรือทำร้าย
แม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้องแต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้ายจำเลยเพียงแต่ยิงเพื่อขู่โดยไม่เห็นตัวและได้ยิงลงต่ำ ไม่ประสงค์ให้ถูกใครหากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าวจึงแฉลบไปถูกพลตำรวจม้วนเข้าถือว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าหรือแม้แต่เจตนาจะทำร้ายพลตำรวจม้วนเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อเกิดความสำคัญผิดเรื่องตัวลูกหนี้ และไม่มีสิทธิไล่เบี้ย
ถ้าเจ้าหนี้สำคัญผิดว่าลูกหนี้มีอำนาจทำการกู้ยืมแทนบริษัทได้ซึ่งความจริงลูกหนี้ไม่มีอำนาจทำเช่นนั้นได้เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้ค้ำประกันได้รู้เหตุสำคัญผิดแล้วในขณะที่เข้าทำสัญญาผูกพันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 681 วรรคสาม
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697
ฟ้องโจทก์ยืนยันว่า ผู้กู้ยืมอันแท้จริงไม่ใช่ลูกหนี้ของโจทก์ก็เป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันหนี้รายนั้นไม่มีทางจะไปไล่เบี้ยเอาจากผู้กู้และไม่มีสิทธิอันใดเหนือผู้กู้ที่จะเข้ารับช่วงมาจากโจทก์ได้โดยสิ้นเชิง ผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดตามมาตรา 697
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน: ข้อสำคัญผิด, กลฉ้อฉล, และการบอกกล่าวเลิกสัญญา
โจทก์ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่า จำเลยให้การว่าที่ทำสัญญาเช่าเพราะสำคัญผิดและต้องกลฉ้อฉล โดยโจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน แต่ความจริงเป็นที่รกร้างว่างเปล่าหรือที่ชายตลิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เช่นนี้ถือว่าคำให้การของจำเลยไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องกลฉ้อฉล
ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์กัน 5 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนการเช่าไว้ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่เมื่อพ้นกำหนด 5 ปีได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวเสียก่อนตามมาตรา 566
ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์กัน 5 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนการเช่าไว้ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่เมื่อพ้นกำหนด 5 ปีได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวเสียก่อนตามมาตรา 566
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการผ่อนเวลาจ่ายเงินตั๋วแลกเงินต่อความรับผิดของผู้สั่งจ่ายและการสำคัญผิดในนิติกรรม
ผู้ทรงตั๋วแลกเงินไปยอมผ่อนเวลาการจ่ายเงินให้แก่ผู้จ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินโดยมิได้ตกลงกับผู้สั่งจ่ายเสียก่อน ผู้ทรงตั๋วนั้นย่อมสิ้นสิทธิที่จะไล่เบี้ย และผู้สั่งจ่ายก็พ้นจากความรับผิดอย่างใดๆ ตามกฎหมายต่อผู้ทรง
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ถ้าผู้สั่งจ่ายยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่ผู้ทรง ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมเพราะขณะนั้นไม่มีหนี้อะไรเหลืออยู่แล้วแม้หนี้เดิมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1005 ก็ไม่ต้องรับผิด หนังสือรับสภาพหนี้นั้นจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119